ไม่รู้จะทำยังไงพ่อแม่เป็นภาระเกินจะดูแลไหวถ้าเราตัดขาดเขาเลยได้ไหม

พ่อเป็นช่างไฟแม่เป็นแม่บ้านไม่ทำงานตั้งแต่ยังสาว ทั้งคู่แทบไม่ค่อยได้ดูแลเราเราหาเงินเองตั้งแต่ยังไม่มีบัตรประชาชนเหนื่อยมาก
ที่บ้านโตมาบ้านก็ไม่มีรถก็ไม่เคยมีเพราะแม่ติดพนันและกินทุกอย่างที่ไม่มีประโยชน์ป่วยสารพัดโรค
ส่วนพ่อก็ให้เงินแม่ตลอดงานการที่ทำก็มักใจดีไม่คิดเงิน ส่วนใหญ่พ่อจะได้เงินจากงานวัดงานบุญต่างๆมากหน่อยเพราะมีคนจ้างให้ต่อไฟบ้างเดินไฟบ้าง
พ่อค้าแม่ค้าจะใช้ไฟก็มีหน้าที่ไปช่วยจากหน่วย
แทนที่พ่อจะคิดตังค์50บาท100บาทก็ว่าไป กลับไม่คิดเงินบอกเขาให้ขนมมาแล้วบ้างเล็กน้อยบ้าง ขนมห่อนึง10บาทงี้คุ้มเหรอทำไป2ชม. 
กลับมาแทนที่จะได้ตังค์เยอะได้ตังค์มานิดเดียวแล้วก็บ่นไม่มีตังค์บ้าง เจ้าหนี้มาเก็บบ้าง อาศัยเงินเราบ้าง ให้เดือนละเป็นหมื่นก็ไม่พอวนลูบไป

พ่อหาเงินได้น้อย>>แม่ขอไปเล่นพันน>>แม่ป่วยเข้ารพ>>พ่อไม่มีกิน>>ขอเรา วนไป

พยายามหาทุกวิธีทางสอนพ่อเช้าว่าอย่าให้แม่ ตกบ่ายก็ให้แม่ หรือใครจะบอกว่าให้เป็นของกินได้ไหมไม่ต้องให้เงิน
ของกินนี่แหละแม่ก็เอาไปขายได้แกงถุงไปขายบ้านอื่น5บาท10บาทก็มี
ถ้าเราตัดขาดเขาไปเลย แบบย้ายจังหวัดหนีเปลี่ยนเบอร์ไม่สนใจอีกเลยจะเป็นอะไรไหมแล้วคนเราโดยปกติก็น่าจะมีวิธีเอาตัดรอดได้ใช่ไหมทั้งคู่อายุ70+ละ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
เลี้ยงพ่อแม่คือการให้พ่อแม่มีสิ่งดำรงค์ชีวิต ไม่ใช่การเลี้ยงกิเสลพ่อแม่  ดังนั้น จขกท. ไม่จำเป็นต้องให้เงินครับ แค่มีข้าวมีอาหาร มีที่ให้พักอาศัยแบบที่พอจะให้แล้วไม่ลำบาก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ มากกว่านี้ ใครอยากได้ก็ไปหาเอาเองครับ ชีวิตใครชีวิตมัน เพราะถ้าคุณจ่ายเงินเลี้ยงพ่อแม่จนหมด วันที่พ่อแม่แก่ตายแล้วตอนนั่นคุณไม่มีเงินออมเลี้ยงตัวเอง ใครจะมาช่วยคุณล่ะครับ ถ้าถึงวันที่คุณมีเงินจะจ่ายเพิ่มเพื่อให้พ่อแม่สบายขึ้นก็ยังทำได้ครับ

ส่วนไอ้พวกที่บอกว่าไม่ให้เงินพ่อแม่แล้วบาป ผมจะบอกให้ว่าพ่อแม่ที่คอยดูดเงินลูกจนลูกลำบาก คนพวกนี้มันเห็นแก่ตัวครับสิ่งที่มันทำ มันบาปกว่าลูกไม่เลี้ยงพ่อแม่เป็นสิบ ๆ เท่า ถ้าเจอพ่อแม่แบบนี้ แค่ส่งข้าวสารให้ไปหุงเองก็พอแล้วครับที่เหลือให้เขาไปหากินเอง
ความคิดเห็นที่ 2
เข้าใจว่าคุณจขกท.กำลังทุกข์มากๆ

ชีวิตคนเราพอถึงจุดนึง เราก็จะค่อยๆปรับตัวและก็เด็ดขาดกับปัญหามากขึ้นเองครับ ผมว่าช่วยเท่าที่จะช่วยได้ก็พอ ส่วนเรื่องที่เขาออกไปทำนั่นทำนี่แล้วไม่ได้เงิน ก็คิดซะว่ามันเป็นงานอดิเรกของเขา เราเปลี่ยนความคิดเขาคงไม่ได้

แต่ถ้าถึงขั้นที่คุณอยากจะตัดขาดไปเลย ต่อให้เราไม่พูดถึงเรื่องบาปกรรมก็ตาม ผมเชื่อว่าคุณเองก็คงไม่มีความสุข เพราะมันจะมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจบ้างลึกๆ ยิ่งถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นระหว่างนั้น คุณคงอาจจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิตก็ได้
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าไม่ไหวจริงๆ เพราะพ่อแม่ไม่รู้จักช่วยตัวเอง เอาแต่ขอเงินเรา
ก็อาจจำเป็น ย้ายไปทำงานที่อื่น เปลี่ยนเบอร์โทร แต่โอนเงินให้เค้าบ้างทุกเดือน ไม่ต้องเยอะ
เค้าไม่มีคนให้ขอเงินเยอะ ๆ ก็จะระวังการใช้เงินเองไปโดยปริยาย
ความคิดเห็นที่ 11
เรื่องนี้เกิดนานกว่า 10 ปีแล้วนะ
น้องคนหนึ่งของเราก็เคยเจอปัญหา พ่อแม่ แอบเอาเอกสารลูกไปสมัคาบัตรเครดิต
จนน้องเป็นหนี้ 14 บัตร ค่ะ สุดท้ายเราช่วยทำเรื่องขอกู้เงินแบบไม่มีดอกเบี้ยจากบริษัท
เพื่อไปปิดบัตรทั้งหมด ช่วงนั้นบริษํทมีนโยบาย เรียกว่าให้มาสารภาพบาป
เพื่อไม่ให้พนักงานโกงเงินบริษัทไปใช้หนี้ หรือ ไม่ต้องมีเจ้าหนี้ตามมาอาละวาดที่ทำงาน

น้องเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้าย
หากยังมีปัญหาหนี้สินอีก น้องต้องถูกให้ออกจากงานด้วย
แล้วคงอดตายกันทั้งครอบครัว
พร้อมกับบอกพ่อแม่ว่าต่อไป จะซื้ออาหารไว้ให้พอทานในแต่ละวัน ไม่ให้เงินสดอีกแล้ว
มีเหตุจำเป็นอะไรก็ให้เบิกเป็นครั้ง เช่นไปหาหมอ หาอยากทานขนม ก็ให้บอก จะซื้อให้ทาน
หากพ่อกับแม่ ยังทำตัวแบบเดิม จะย้ายไปอยู่ที่อื่น จะไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
พอดีช่วงนั้นน้องมีแฟนเป็นคนต่างชาติพอดี
พ่อแม่ก็เลยกลัวว่าน้องจะไปจริงๆ
เลยยอมปรับนิสัยดีขึ้นหน่อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่