สรุปคือกฎหมายประกันสังคม ม.77 ทวิ และ 77 ตรี บัญญัติให้ สปส.ต้องจ่ายคืนเงินชราภาพตามมาตรา 33 "หรือ" มาตรา 39 " แยกออกจากกัน ตามความเป็นจริงที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ โดยให้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายของฐานค่าจ้างตามมาตรา 33 "หรือ" มาตรา 39 แล้วแต่กรณี "แยก" ออกจากกันอย่างชัดแจ้ง โปร่งใส และยุติธรรมอยู่แล้ว โดยที่ สปส.ไม่อาจบังคับให้ผู้ประกันตนต้อง "ลาออก" จากมาตรา 39 ก่อน จึงจะรับเงินชราภาพด้วยการนับมาตรา 33 และมาตรา 39 รวมกัน แต่อย่างใด โดย สปส.ยังไม่ลงพิมพ์การตีความกฎหมายประกันสังคมที่ผิดเพี้ยนดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา สปส.จึงไม่ปฏิบัติตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 อีกด้วย
โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาแล้ว
ดังนั้นหากอาจารย์ษัษรัมย์และน้องไอส์มีความประสงค์ต้องการช่วยเหลือผู้ประกันตนจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการถูก สปส.ยึดเงินชราภาพของมาตรา 33 ไปนี้ อาจารย์และน้องไอส์ควรรวมผู้ที่เดือดร้อนเข้ามาฟ้องสอดในคดีนี้ได้เลยนะ เพื่อขอศาลปกครองโปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกันตน และให้ สปส.ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายประกันสังคม กำหนดให้ต้องปฏิบัติ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนและเป็นไปตามขั้นตอนของฎหมายมากกว่าไหม?
อ.ษัษรัมย์ไม่ต้องแก้สูตรบำนาญ เพราะ ม.77 ทวิ และ 77 ตรีให้ สปส.จ่ายเงินชราภาพตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 "แยก" กัน