เรื่องย่อ ในช่วงต้นทศวรรษ 1800 เด็กสาวชื่อเอลเลนร้องขอสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อบรรเทาความเหงาของเธอ เสียงร้องของเธอปลุกสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ทำให้เธอต้องให้คำมั่นสัญญาต่อเขาชั่วนิรันดร์

ในปี 1838 เอลเลนแต่งงานกับโทมัส ฮัตเตอร์และทั้งคู่ก็อาศัยอยู่ในเมืองวิสเบิร์กของเยอรมนี โทมัสรับค่าคอมมิชชั่นจากนายจ้างของเขา นายน็อค เพื่อขายคฤหาสน์กรูเนวัลด์ที่ทรุดโทรมให้กับเคานต์ออร์ล็อกผู้ สันโดษ เอลเลนรู้สึกไม่สบายใจกับความฝันอันแสนสุขที่จะได้แต่งงานกับความตายจึงขอร้องให้โทมัสอยู่ต่อ แต่ก็ไม่เป็นผล เขาจึงปล่อยให้เธออยู่ภายใต้การดูแลของฟรีดริช ฮาร์ดิง เพื่อนผู้มั่งคั่งของเขา และแอนนา ภรรยาของเขา พร้อมด้วยคลาราและหลุยส์ ลูกสาววัยเตาะแตะสองคนของพวกเขา

เมื่อมาถึงคาร์เพเทียนในทรานซิลเวเนียโทมัสถูกล้อมรอบไปด้วยชาวนาในท้องถิ่นและดูเหมือนว่าจะถูกเมินเฉยเพราะไปคบหาสมาคมกับออร์ล็อก เขาจัดการหาที่พักหนึ่งคืนที่โรงเตี๊ยมโดยจ่ายเงินเพิ่มเป็นสองเท่าและได้รับคำเตือนจากหญิงชราไม่ให้ไปเยี่ยมออร์ล็อก คืนนั้น เขาเห็นกลุ่มยิปซีขุดและเสียบศพของแวมไพร์ที่คาดว่าเป็นศพของแวมไพร์ด้วยไม้เสียบ เช้าวันรุ่งขึ้น เขาพบว่าหมู่บ้านร้างและม้าของเขาก็หายไป เขาเดินต่อไปจนกระทั่งรถม้าไร้คนขับพาเขาไปที่ปราสาทของออร์ล็อกเมื่อพวกเขาพบกัน ออร์ล็อกผู้แปลกประหลาดและน่ากลัวบังคับให้โทมัสขายทรัพย์สินให้เสร็จ ออร์ล็อกแสดง ความสามารถ เหนือธรรมชาติที่ทำให้โทมัสกังวล เมื่อเขาเผลอบาดตัวเองระหว่างทานอาหารเย็น เขาก็หมดสติและตื่นขึ้นมาพบรอยกัดที่หน้าอก คืนถัดมา ออร์ล็อกขอสร้อยคอของโทมัสซึ่งมีผมของเอลเลนอยู่ด้วย แต่ไม่ยอมคืนให้ จากนั้นเขาก็บังคับให้โทมัสเซ็นเอกสารที่เขียนด้วยอักษรอาถรรพ์ ซึ่งออร์ล็อกบอกเป็นนัยว่าเป็นสัญญาขายคฤหาสน์ โทมัสเริ่มป่วยและหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอจากไป แต่ออร์ล็อกปฏิเสธและขอให้เขาอยู่ต่อและพักฟื้นก่อนจะจากไป หลังจากตื่นขึ้นมาพบรอยกัดบนหน้าอกมากขึ้น โทมัสพยายามหลบหนีออกจากปราสาท แต่กลับลงเอยในห้องใต้ดินที่เขาพบเคานต์กำลังนอนหลับอยู่ในโลงศพ ร่างกายเปลือยเปล่าและเน่าเปื่อย เขาโจมตีเขาด้วยจอบแต่ออร์ล็อกตื่นขึ้นและไล่ตามโทมัส โทมัสหนีจากออร์ล็อกและหมาป่าของเขาด้วยการตกลงไปในแม่น้ำใต้ปราสาท จากนั้นแม่ชีนิกายอีสเทิร์นออร์ โธดอกซ์ที่โบสถ์ใกล้เคียงก็ช่วยเขาขึ้นมาและดูแลพวกเขา พวกเขาอธิบายว่าออร์ล็อกเป็นลูกศิษย์ของส โคลอมแมนซ์ซึ่งกลายเป็นแวมไพร์หลังจากทำพันธสัญญากับปีศาจ ในขณะเดียวกัน ออร์ล็อกก็ออกเรือไปยังวิสเบิร์กโดยนั่งในโลงศพบนเรือที่มี หนูติด โรคระบาดทำให้ลูกเรือเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง

ดร.วิลเฮล์ม ซีเวอร์ส ไม่สามารถรักษาอาการละเมอและอาการชักของเอลเลนได้ จึงปรึกษากับอัลบิน เอเบอร์ฮาร์ต ฟอน ฟรานซ์ อดีตที่ปรึกษาของเขา ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวสวิสที่ถูกขับไล่ออกจากสังคมเพราะความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ฟอน ฟรานซ์เชื่อว่าเอลเลนตกอยู่ใต้มนต์สะกดของแวมไพร์ปีศาจที่แพร่เชื้อโรคระบาดที่เรียกว่านอสเฟอราตู น็อคถูกส่งตัวเข้าสถานบำบัดหลังจากที่ฆ่าและกินแกะดิบ ซีเวอร์สและฟอน ฟรานซ์ค้นหาสำนักงานของน็อค โดยเชื่อว่าเขาเป็นผู้รับใช้นอสเฟอราตู ซึ่งพวกเขาค้นพบว่าคือออร์ล็อกโทมัสกลับมาที่วิสเบิร์กในขณะที่โรคระบาดของออร์ล็อคกำลังทำลายล้างประชากร น็อคหนีออกมาฆ่าคนเฝ้าประตูและพาออร์ล็อคไปที่คฤหาสน์กรูเนวัลด์ ออร์ล็อคปรากฏตัวต่อเอลเลนและสารภาพว่าถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถในการรัก แต่คำมั่นสัญญาของเธอได้ผูกพันชะตากรรมของพวกเขาและทำให้ความปรารถนาที่จะครอบครองเธอไม่อาจดับลงได้ เอกสารที่เขาหลอกล่อให้โทมัสเซ็นถูกเปิดเผยว่าทำให้การแต่งงานของครอบครัวฮัตเตอร์เป็นโมฆะ ออร์ล็อครู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเอลเลนไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยกำลัง รู้ว่าเธอต้องยอมจำนนต่อเขาภายในสามคืน ไม่เช่นนั้นเขาจะฆ่าโทมัสและปล่อยให้โรคระบาดครอบงำวิสเบิร์ก เอลเลนมีเซ็กส์กับโทมัสในภายหลังหลังจากสารภาพเรื่องอดีตของเธอกับออร์ล็อค ออร์ล็อคแก้แค้นด้วยการฆ่าแอนนาและลูกๆ ของเธอ ฟรีดริชเสียชีวิตด้วยโรคระบาดเนื่องจากความเศร้าโศกเสียใจและละเมิดศพภรรยาของเขา

งานวิจัยของฟอน ฟรานซ์แสดงให้เห็นว่านอสเฟอราตูสามารถถูกทำลายได้ด้วยการเสียสละโดยสมัครใจของหญิงสาวผู้สวยงาม เมื่อรู้ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งโรคระบาดได้ เอลเลนจึงร่วมมือกับฟอน ฟรานซ์ในการกีดกันโทมัส โทมัส ฟอน ฟรานซ์ และซีเวอร์สไปที่คฤหาสน์กรูเนวัลด์ ซึ่งพวกเขาฆ่าน็อคโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากพบว่าเขากำลังนอนหลับอยู่ในโลงศพของออร์ล็อก เมื่อรู้ว่าฟอน ฟรานซ์หลอกลวง โทมัสจึงรีบกลับไปช่วยเอลเลน ขณะที่ฟอน ฟรานซ์ทำลายห้องนิรภัย เอลเลนเรียกออร์ล็อกมาที่ห้องนอนของเธอและมอบตัวให้เขาอีกครั้ง โดยปล่อยให้เขากินเธอจนรุ่งสาง เมื่อแสงแดดฆ่าเขาได้ โทมัสกลับมาและจับมือเอลเลนขณะที่เธอกำลังจะตาย ในขณะที่ฟอน ฟรานซ์ยืนยันว่าการเสียสละของเธอทำให้พวกเขาเป็นอิสระจากโรคระบาดของนอสเฟอราตู