เนื่องจากผมไปดู Crimson Peak มาเมื่อคืนแล้วชอบมากเลย
เลยขอ Spoil ทั้งเรื่องไปเลยละกันครับ อ่านเป็นนิยายฉบับย่อไปเลย (ตรงไหนไม่ถูก แย้งได้นะครับ)
Crimson Peak หรือ ชื่อไทย ปราสาทสีเลือด

เริ่มเรื่อง เราจะได้เห็น อีดิธ คุชชิ่ง นางเอกของเรื่องในชุดนอน พร้อมรอยเลือดทั้งบนใบหน้า มือและแขน (ซึ่งนั่นเป็นจุดจบของเรื่อง)
ในอดีต สมัยอีดิธยังเป็นเด็ก เธอต้องกำพร้าแม่ เนื่องจากแม่ของเธอเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาห์ ซึ่งเป็นโรคระบาด ทำให้เธอเหลืออยู่แค่คาเตอร์ คุชชิ่ง ซึ่งเป็นพ่อของเธอ (ตระกูลคุชชิ่ง เป็นประกูลผู้ดีมีฐานะตระกูลหนึ่ง)
ในคืนหนึ่ง ขณะที่อีดิธ กำลังจะนอน เธอได้พบเห็นภูติผีตนหนึ่ง ซึ่งเธอรู้สึกว่า ภูติผีตนนั้นคือแม่ของเธอ ได้มาเตือนให้ระวัง "ภูสีเลือด" (Crimson Peak) ซึ่งเธอไม่ได้เข้าใจข้อความนี้เลย จนเติบโตเป็นสาวรุ่น

อีดิธ นั้นเป็นนักเขียนนิยาย ซึ่งนิยายของเธอจะมีเรื่องของภูติผีมาเกี่ยวข้อง (ซึ่งนั่นคงเป็นความฝังใจในอดีต ที่เธอได้เคยเห็นผีแม่ของเธอ) แต่เมื่อไปนำเสนอให้ทางสำนักพิมพ์ ก็ถูกตอกกลับมาว่า ลายมือของเธอนั้นดูผู้หญิงไป และไปเขียนนิยายรักจะดีกว่า เธอจึงเปลี่ยนมาใช้พิมพ์ดีดในการแต่งนิยายแทน (เป็นการประชด) ซึ่งพ่อของเธอก็เป็นเจ้าของโรงพิมพ์นั้นด้วย

(โทมัส ชาร์ป)
ในขณะที่เธอกำลังใช้เครื่องพิมพ์ดีดแต่งนิยายอยู่ ก็ปรากฎมีชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาในสำนักงาน ซึ่งถามหาถึงเจ้าของโรงพิมพ์แห่งนี้ เขาก็คือ โทมัส ชาร์ป ระหว่างรอพ่อของอีดิธลงมาพบ โทมัสได้หยิบนิยายของเธอขึ้นมาอ่านและชื่นชมผลงานของเธอ ทำให้เธอรู้สึกปลื้มผู้ชายคนนี้ ที่ชื่นชอบและเข้าใจนิยายของเธอ
เมื่อพ่อของเธอลงมาพบ จึงได้ให้โธมัสขึ้นไปคุยกับคณะกรรมการ เพราะโทมัสจะขอทุนเพื่อนำไปสร้างเครื่องจักรขุดดิน เพื่อทำเหมือง ซึ่งคณะกรรมการทั้งหมดรวมทั้งพ่อของอีดิธนั้น ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แต่อีดิธที่เดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย ได้เห็นใบหน้าที่ผิดหวังของโธมัส อย่างชัดเจน
ในค่ำคืนหนึ่ง ตระกูลแม็คไมเคิล ได้จัดงานเลี้ยงขึ้น โดยเชิญให้พ่อของอีดิธและตัวเธอเองไปร่วมงานด้วย แต่เมื่อ ดร.อลัน แม็คไมเคิล (ชายผู้หลงรักอีดิธมาตั้งแต่เด็ก) ได้มาเชิญที่บ้าน อีดิธก็กลับไม่ไปงาน ด้วยที่ตัวเธอเองนั้น ไม่ถูกกับแม่ของอลัน และแม่ของอลันก็ไม่ชอบเธอเช่นกัน

(ดร. อลัน แม็คไมเคิล)
เมื่อพ่อของเธอและอลันออกไปแล้ว โทมัส ที่หลบอยู่ ก็ได้ขอเข้าไปพบกับเธอ เพื่อขอร้องให้เธอช่วยพูดกับพ่อของเธออีกครั้ง เรื่องโครงการของเขา จากการเกลี้ยกล่อมของโธมัส ทำให้อีดิธยอมไปงานเลี้ยงของตระกูลแม็คไมเคิล เมื่อทั้งคู่ไปถึงที่งาน โทมัสได้แนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของเขา ชื่อ ลูซิลล์ ชาร์ป (ลูซิลล์แสดงการเล่นเปียโนอยู่ในงาน) ด้วยการหว่านสเน่ห์ของโทมัส เขาได้เชิญชวนให้อีดิธเต้นรำร่วมกับเขา การเต้นคู่เดี่ยวในฟลอร์วันนั้น ทำให้อีดิธหลงรักโทมัสขึ้นมาทันที ทำให้พ่อของเธอรู้สึกไม่พอใจที่มีผู้ชายมาเกาะแกะลูกสาว และจ้างนักสืบชื่อฮอลลี่ ไปสืบประวัติของตระกูลชาร์ป นักสืบฮอลลี่ได้สืบรู้ว่า โทมัสนั้นเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว และตระกูลนี้กำลังถังแตก
เนื่องจากคาเตอร์ไม่อยากให้โทมัสมาเกาะแกะลูกสาวอีก จึงได้เรียกโทมัสและลูซิลล์มาคุยด้วย พร้อมทั้งเขียนเช็คเงินให้ก้อนหนึ่ง เพื่อให้โทมัสเลิกยุ่งกับลูกสาว และให้ทั้งสองคนออกไปจากเมืองนี้ซะ โทมัสจึงต้องหักอกอีดิธด้วยการติติงนิยายของเธอว่าเพ้อเจ้อไร้สาระ และจะจากไปในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทำให้อีดิธเสียใจเป็นอันมาก
รุ่งเช้า สาวใช้ของบ้านคุชชิ่ง นำต้นฉบับนิยาย (ที่โทมัสขอยืมไปอ่าน) และจดหมายจากโทมัสมาให้อีดิธ เมื่ออีดิธได้อ่านในจดหมายนั้น จึงได้รู้ว่า โทมัสถูกพ่อของเธอบีบบังคับให้ทำร้ายจิตใจเธอและให้จากไปจากเมืองนี้เสีย อีดิธจึงรีบรุดไปยังโรงแรมที่โทมัสพักอยู่ และได้เจอกับโทมัสอีกครั้ง ส่วนลูซิลล์นั้น โทมัสบอกว่าได้ออกไปจากเมืองแล้ว
อีกด้านหนึ่ง พ่อของอีดิธ กลับถูกคนลึกลับฆาตกรรมในห้องน้ำอย่างโหดเหี้ยม (บางคนก็คงเดาได้อยู่นะครับ ว่าใครเป็นคนฆ่า) เมื่อมีคนมาแจ้งข่าวการตายของพ่อเธอ เธอตกใจมาก เธอและโทมัสจึงรีบไปดูศพเพื่อยืนยัน และได้พบ ดร.อลัน ซึ่งจะขอพิสูจน์ศพพ่อของอีดิธเช่นกัน และอลันนั้นสงสัยในการตายของพ่ออีดิธ (อลันนั้นเป็นหมอด้วย) ในวันต่อมา โทมัสนั้นได้ไปร่วมงานศพของคาเตอร์ด้วย ซึ่ง ดร.อลัน ยังมองมาที่โทมัสด้วยสายตาแคลงใจ

(ภาพโทมัสและอีดิธอยู่ในงานศพคาเตอร์ พ่อของอีดิธ)
หลังจากนั้น โทมัสได้แต่งงานกับอีดิธ อีดิธนั้นต้องการจะขายทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด จากนั้นจึงได้ย้ายไปอยู่กับโทมัสที่คฤหาสน์ ซึ่งพื้นดินบริเวณนั้น เป็นสีแดงฉานคล้ายๆ เลือด (น่าจะเป็นดินผสมแร่ธาตุ) ส่วนคฤหาสน์นั้นมีสภาพที่ผุพังอยู่ในหลายๆ ส่วน ทั้งหลังคาที่มีรูขนาดใหญ่ โทมัสได้บอกว่า ตนเองนั้นมักจะทำงานอยู่ในห้องใต้หลังคาเป็นประจำ (ในห้องนั้นมีสิ่งประดิษฐ์หลายๆ อย่าง เช่นตุ๊กตา แต่ดูน่ากลัว) โทมัสได้บอกเธอว่า ภูเขานี้ ได้ฉายาว่า "ภูสีเลือด" ทำให้เธอนึกถึงคำพูดของผีแม่ของเธอขึ้นมา
และเธอได้เจอกับลูซิลล์ที่อยู่ในคฤหาสน์นี้เช่นกัน ซึ่งเธอมักจะเล่นเปียโน และชงชามาให้อีดิธดื่มด้วย

ในทุกค่ำคืนที่อีดิธ นอนอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เธอมักจะได้พบเจอกับภูติผีเสมอ ซึ่งภูติผีตนหนึ่งทำให้เธอได้เจอกระบอกเก็บเสียง และห้องใต้ดินที่มีบ่อสีแดง รวมทั้งกล่องที่มีชื่อว่า Enola ซึ่งล็อคกุญแจไว้ จนทำให้เธอได้รู้ว่า หนึ่งในภูตผีตนนั้นคือ แม่ของโทมัสและลูซิลล์ที่ถูกฆ่าตายในอ่างอาบน้ำนั่นเอง (ผีเคยแสดงตนให้ดูว่า นอนตายในอ่างอาบน้ำ โดยมีมีดสับที่กะโหลก)

โทมัสเห็นว่าอีดิธนั้นกลัวภูติผีจนแทบทนไม่ไหว อยากให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง จึงอาสาพาอีดิธออกไปที่ไปรษณีย์เพื่อรับอุปกรณ์พร้อมกับเขา แต่อีดิธกลับได้รับจดหมายจากประเทศอิตาลีที่จ่าหน้าถึงเธอ (เธอไม่รู้จักใครที่อิตาลี) แต่ทั้งคู่ต้องนอนค้างคืนที่นั่นก่อน เพราะติดพายุหิมะ และทั้งคู่ได้มีอะไรกันเป็นครั้งแรก (ตอนที่มาถึงยังคฤหาสน์ อีดิธได้บอกลูซิลล์ว่า พวกเขายังไม่มีอะไรล่วงเกินกันเพราะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์)

เมื่อทั้งคู่กลับมาในวันรุ่งขึ้น ลูซิลล์กลับโกรธทั้งคู่เป็นอันมากจนน่าแปลกใจ อีดิธได้นำจดหมายจากอิตาลีมาอ่าน ซึ่งทำให้ได้รู้ว่า โทมัสนั้นเคยแต่งงานกับผู้หญิงชื่ออีโนล่า ซึ่งจดหมายนี้เป็นจดหมายเตือนซึ่งส่งมาจากญาตของอีโน่ล่านั่นเอง
อีกด้านหนึ่ง ดร.อลัน กำลังตามสืบเรื่องการตายของพ่ออีดิธ จนได้รู้ข้อมูลจากนักสืบมอลลี่ว่า โทมัสและลูซิลล์นั้นเคยถูกลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เป็นผู้ฆ่าแม่ของตัวเอง
ในวันหนึ่ง อีดิธขโมยกุญแจดอกนึงที่ชื่อ Enola จากพวงกุญแจของลูซิลล์ และแอบนำไปไขกล่องที่อยู่ชั้นใต้ดิน จึงได้พบกับอุปกรณ์อ่านกระบอกเสียง และจึงได้นำกระบอกเสียงที่ซ่อนอยู่ไปเปิดฟัง ทำให้รู้เรื่องราว ว่าโทมัสนั้นเคยแต่งงานมาแล้วถึง 4 ครั้ง และผู้หญิงทุกคนนั้นได้รับชะตากรรมอันโหดร้าย รวมทั้งถูกวางยาด้วยยาพิษในน้ำชานั่นเอง (ในบ่อชั้นใต้ดิน ล้วนแต่เป็นที่ซ่อนศพของอดีตภรรยาของโทมัสทั้งสิ้น) อีดิธจึงคิดจะหนีไป แต่ด้วยพายุหิมะทำให้ไม่สามารถหนีไปได้ และสลบอยู่บริเวณประตูหน้าคฤหาสน์

(โทมัสและลูซิลล์)
เมื่อตื่นขึ้น เธอได้พบกับลูซิลล์ ซึ่งชงชารอไว้แล้ว แต่เธอไม่ยอมดื่มแล้ว (คราวนี้รู้แล้วว่าถูกวางยา) ลูซิลล์ได้เล่าให้เธอฟังว่า เธอนั้นรักและปกป้องโทมัสมาตั้งแต่เด็ก ในอดีตพ่อของเธอใช้ไม้ฟาดขาของแม่ จนกลายเป็นคนพิการ ต้องนั่งรถเข็น จากนั้นลูซิลล์ในวัยเด็กจึงต้องเป็นคนดูแลแม่มาโดยตลอด โทมัสนั้นเคยถูกแม่ทุบตีอย่างทารุณ ลูซิลล์จึงเกลียดแม่และเก็บสะสมความแค้นไว้ในใจ จนในวันนึงเธอทนไม่ไหว (อาจจะถูกแม่ด่าด้วยคำรุนแรง) จึงเอามีดสับกะโหลกฆ่าแม่ตัวเองในอ่างอาบน้ำ และกลายเป็นวิญญาณสิงอยู่ในคฤหาสน์นั่นเอง (ขณะนั้นลูซิลล์อายุ 14 ปี และโทมัสอายุ 12 ปี)
คืนนั้นด้วยการชี้นำจากภูติผี ทำให้เธอได้พบว่า โทมัสเสพสมกับพี่สาวของตัวเอง เมื่อลูซิลล์เห็นดังนั้น จึงได้ผลักอีดิธตกระเบียงไป จนบาดเจ็บและสลบไป
อีดิธถูกนำตัวมาไว้บนรถเข็น (ซึ่งเป็นรถเข็นที่แม่ของโทมัสและลูซิลล์เคยใช้นั่นเอง) โทมัสซึ่งเริ่มรักอีดิธจริงๆ ขึ้นมา จึงได้เตือนเธอไม่ให้ดื่มชาที่พี่สาวของเขาทำมาอีก ขณะนั้น ดร.อลันที่รู้เรื่องราวแล้ว ได้ตามมาถึงคฤหาสน์ และเตรียมช่วยอีดิธให้หนีออกไป แต่ ดร.อลัน กลับถูกลูซิลล์ใช้เหล็กแหลมแทงเข้า และเธอสั่งให้โทมัสฆ่าเขาซะ แต่โทมัสก็กลับไม่แทงให้ ดร.อลันตาย (โทมัสให้ ดร.อลันเลือกจุดแทง เพื่อไม่ให้โดนจุดตาย) แต่ได้พา ดร.อลันไปหลบที่ชั้นใต้ดินแทน
อีดิธนั้นถูกลูซิลล์บังคับให้เซ็นสัญญายกมรดกให้กับตระกูลชาร์ป เมื่อเธอได้เซ็นเอกสารแล้วก็สบโอกาสหนี โดยใช้ปากกาแทงไปที่ไหล่ของเธอ แต่เมื่อโทมัสกลับขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน เขาเปลี่ยนใจจะพาทุกคนไปจากคฤหาสน์หลังนี้ และเผาเอกสารยกมรดกนั้นไป แต่ลูซิลล์นั้นไม่ยอม และคิดว่าโทมัสนั้นรักอีดิธมากกว่าตัวเอง จึงเผลอใช้มีดแทงโทมัสหลายแผล ทำให้เขาสิ้นใจในทันที ลูซิลล์เสียใจจนคุ้มคลั่ง วิ่งไล่ฆ่าอีดิธอย่างไม่ลดละ อีดิธหนีมาที่ชั้นใต้ดิน และพบว่า ดร.อลันยังมีชีวิตอยู่ เมื่อลูซิลล์ตามเธอมาทัน จึงล่อให้เธอขึ้นบันไดไปด้านนอกคฤหาสน์ และต่อสู้กัน แต่ด้วยกำลังแล้วลูซิลล์เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออีดิธกำลังจะเสียท่า วิญญาณของโทมัสก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของลูซิลล์ และทำให้อีดิธได้โอกาส ตีพลั่วไปที่หัวเธออย่างแรงถึง 2 ครั้ง จนเธอตายสนิท จากนั้นวิญญาณของโทมัสก็หายไป อีดิธและ ดร.อลัน จึงสามารถหนีออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้อย่างทุลักทุเล

หลังจากลูซิลล์ได้ตายไปแล้ว วิญญาณของเธอนั้นก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่คฤหาสน์นี้ต่อไป อย่างไม่มีวันจบสิ้น...
คะแนน 8/10
สิ่งที่ดีงาม :
1. คอสตูม เสื้อผ้า หน้า ผม การแต่งกาย ดูดีมาก
2. ฉาก บรรยากาศ เสียงประกอบ หลอนได้อารมณ์
3. การแสดงของนักแสดงยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Jessica Chastain ที่เล่นเป็นลูซิลล์ เล่นได้ยอดเยี่ยมที่สุด
สิ่งที่น่าจะปรับปรุง :
1. การดำเนินเรื่องที่ดูเรียบง่ายเกินไป ไม่มีหักมุม เดาง่ายไป
2. ขาดการปูเนื้อเรื่องในบางส่วน ที่หลายคนสงสัย
สิ่งที่น่าสงสัยและควรมีในหนังเรื่องนี้ :
1. ในเมื่อแม่ของอีดิธ สามารถบอกใบ้เรื่องในอนาคตได้ อาจเป็นเพราะแม่ของอีดิธมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต
2. ฉากแม่ของโทมัสและลูซิลล์ ที่เคยอยู่คฤหาสน์นี้ ว่าเป็นคนอย่างไร ทำไมลูซิลล์จึงกลายเป็นคนโรคจิตขนาดฆ่าคนได้
เรื่องปลีกย่อยที่ไม่ได้กล่าวถึง :
1. ตอนที่อีดิธมาถึงคฤหาสน์ครั้งแรก เธอได้พบสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งสุนัขตัวนี้เป็นของอีโนล่า ซึ่งลูซิลล์ได้สั่งให้โทมัสฆ่าทิ้ง แต่โทมัสกลับนำไปขังไว้นอกคฤหาสน์ เลยทำให้ยังมีชีวิตรอด (ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว โทมัสเป็นคนอ่อนโยน)
2. ลูซิลล์นั้นเคยมีลูกกับโทมัสด้วย แต่เป็นเด็กไม่สมประกอบ ขณะนั้นอีโนล่าได้เป็นภรรยาของโทมัสแล้ว ได้เสนอลูซิลล์ว่ามีทางรักษาเด็กคนนี้ แต่สุดท้ายแล้ว รักษาไม่ได้ ทำให้ลูซิลล์นั้นเกลียดและเคียดแค้นอีโนล่ามาก (ในหนังเราจะได้เห็นผีอุ้มเด็ก เด็กนั่นก็คือวิญญาณลูกของลูซิลล์นั่นเอง)
Spoil : Crimson Peak ปราสาทรักสยองขวัญ
เลยขอ Spoil ทั้งเรื่องไปเลยละกันครับ อ่านเป็นนิยายฉบับย่อไปเลย (ตรงไหนไม่ถูก แย้งได้นะครับ)
Crimson Peak หรือ ชื่อไทย ปราสาทสีเลือด
เริ่มเรื่อง เราจะได้เห็น อีดิธ คุชชิ่ง นางเอกของเรื่องในชุดนอน พร้อมรอยเลือดทั้งบนใบหน้า มือและแขน (ซึ่งนั่นเป็นจุดจบของเรื่อง)
ในอดีต สมัยอีดิธยังเป็นเด็ก เธอต้องกำพร้าแม่ เนื่องจากแม่ของเธอเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาห์ ซึ่งเป็นโรคระบาด ทำให้เธอเหลืออยู่แค่คาเตอร์ คุชชิ่ง ซึ่งเป็นพ่อของเธอ (ตระกูลคุชชิ่ง เป็นประกูลผู้ดีมีฐานะตระกูลหนึ่ง)
ในคืนหนึ่ง ขณะที่อีดิธ กำลังจะนอน เธอได้พบเห็นภูติผีตนหนึ่ง ซึ่งเธอรู้สึกว่า ภูติผีตนนั้นคือแม่ของเธอ ได้มาเตือนให้ระวัง "ภูสีเลือด" (Crimson Peak) ซึ่งเธอไม่ได้เข้าใจข้อความนี้เลย จนเติบโตเป็นสาวรุ่น
อีดิธ นั้นเป็นนักเขียนนิยาย ซึ่งนิยายของเธอจะมีเรื่องของภูติผีมาเกี่ยวข้อง (ซึ่งนั่นคงเป็นความฝังใจในอดีต ที่เธอได้เคยเห็นผีแม่ของเธอ) แต่เมื่อไปนำเสนอให้ทางสำนักพิมพ์ ก็ถูกตอกกลับมาว่า ลายมือของเธอนั้นดูผู้หญิงไป และไปเขียนนิยายรักจะดีกว่า เธอจึงเปลี่ยนมาใช้พิมพ์ดีดในการแต่งนิยายแทน (เป็นการประชด) ซึ่งพ่อของเธอก็เป็นเจ้าของโรงพิมพ์นั้นด้วย
(โทมัส ชาร์ป)
ในขณะที่เธอกำลังใช้เครื่องพิมพ์ดีดแต่งนิยายอยู่ ก็ปรากฎมีชายหนุ่มรูปงามเดินเข้ามาในสำนักงาน ซึ่งถามหาถึงเจ้าของโรงพิมพ์แห่งนี้ เขาก็คือ โทมัส ชาร์ป ระหว่างรอพ่อของอีดิธลงมาพบ โทมัสได้หยิบนิยายของเธอขึ้นมาอ่านและชื่นชมผลงานของเธอ ทำให้เธอรู้สึกปลื้มผู้ชายคนนี้ ที่ชื่นชอบและเข้าใจนิยายของเธอ
เมื่อพ่อของเธอลงมาพบ จึงได้ให้โธมัสขึ้นไปคุยกับคณะกรรมการ เพราะโทมัสจะขอทุนเพื่อนำไปสร้างเครื่องจักรขุดดิน เพื่อทำเหมือง ซึ่งคณะกรรมการทั้งหมดรวมทั้งพ่อของอีดิธนั้น ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แต่อีดิธที่เดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย ได้เห็นใบหน้าที่ผิดหวังของโธมัส อย่างชัดเจน
ในค่ำคืนหนึ่ง ตระกูลแม็คไมเคิล ได้จัดงานเลี้ยงขึ้น โดยเชิญให้พ่อของอีดิธและตัวเธอเองไปร่วมงานด้วย แต่เมื่อ ดร.อลัน แม็คไมเคิล (ชายผู้หลงรักอีดิธมาตั้งแต่เด็ก) ได้มาเชิญที่บ้าน อีดิธก็กลับไม่ไปงาน ด้วยที่ตัวเธอเองนั้น ไม่ถูกกับแม่ของอลัน และแม่ของอลันก็ไม่ชอบเธอเช่นกัน
(ดร. อลัน แม็คไมเคิล)
เมื่อพ่อของเธอและอลันออกไปแล้ว โทมัส ที่หลบอยู่ ก็ได้ขอเข้าไปพบกับเธอ เพื่อขอร้องให้เธอช่วยพูดกับพ่อของเธออีกครั้ง เรื่องโครงการของเขา จากการเกลี้ยกล่อมของโธมัส ทำให้อีดิธยอมไปงานเลี้ยงของตระกูลแม็คไมเคิล เมื่อทั้งคู่ไปถึงที่งาน โทมัสได้แนะนำให้รู้จักกับพี่สาวของเขา ชื่อ ลูซิลล์ ชาร์ป (ลูซิลล์แสดงการเล่นเปียโนอยู่ในงาน) ด้วยการหว่านสเน่ห์ของโทมัส เขาได้เชิญชวนให้อีดิธเต้นรำร่วมกับเขา การเต้นคู่เดี่ยวในฟลอร์วันนั้น ทำให้อีดิธหลงรักโทมัสขึ้นมาทันที ทำให้พ่อของเธอรู้สึกไม่พอใจที่มีผู้ชายมาเกาะแกะลูกสาว และจ้างนักสืบชื่อฮอลลี่ ไปสืบประวัติของตระกูลชาร์ป นักสืบฮอลลี่ได้สืบรู้ว่า โทมัสนั้นเคยแต่งงานมาก่อนแล้ว และตระกูลนี้กำลังถังแตก
เนื่องจากคาเตอร์ไม่อยากให้โทมัสมาเกาะแกะลูกสาวอีก จึงได้เรียกโทมัสและลูซิลล์มาคุยด้วย พร้อมทั้งเขียนเช็คเงินให้ก้อนหนึ่ง เพื่อให้โทมัสเลิกยุ่งกับลูกสาว และให้ทั้งสองคนออกไปจากเมืองนี้ซะ โทมัสจึงต้องหักอกอีดิธด้วยการติติงนิยายของเธอว่าเพ้อเจ้อไร้สาระ และจะจากไปในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทำให้อีดิธเสียใจเป็นอันมาก
รุ่งเช้า สาวใช้ของบ้านคุชชิ่ง นำต้นฉบับนิยาย (ที่โทมัสขอยืมไปอ่าน) และจดหมายจากโทมัสมาให้อีดิธ เมื่ออีดิธได้อ่านในจดหมายนั้น จึงได้รู้ว่า โทมัสถูกพ่อของเธอบีบบังคับให้ทำร้ายจิตใจเธอและให้จากไปจากเมืองนี้เสีย อีดิธจึงรีบรุดไปยังโรงแรมที่โทมัสพักอยู่ และได้เจอกับโทมัสอีกครั้ง ส่วนลูซิลล์นั้น โทมัสบอกว่าได้ออกไปจากเมืองแล้ว
อีกด้านหนึ่ง พ่อของอีดิธ กลับถูกคนลึกลับฆาตกรรมในห้องน้ำอย่างโหดเหี้ยม (บางคนก็คงเดาได้อยู่นะครับ ว่าใครเป็นคนฆ่า) เมื่อมีคนมาแจ้งข่าวการตายของพ่อเธอ เธอตกใจมาก เธอและโทมัสจึงรีบไปดูศพเพื่อยืนยัน และได้พบ ดร.อลัน ซึ่งจะขอพิสูจน์ศพพ่อของอีดิธเช่นกัน และอลันนั้นสงสัยในการตายของพ่ออีดิธ (อลันนั้นเป็นหมอด้วย) ในวันต่อมา โทมัสนั้นได้ไปร่วมงานศพของคาเตอร์ด้วย ซึ่ง ดร.อลัน ยังมองมาที่โทมัสด้วยสายตาแคลงใจ
(ภาพโทมัสและอีดิธอยู่ในงานศพคาเตอร์ พ่อของอีดิธ)
หลังจากนั้น โทมัสได้แต่งงานกับอีดิธ อีดิธนั้นต้องการจะขายทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด จากนั้นจึงได้ย้ายไปอยู่กับโทมัสที่คฤหาสน์ ซึ่งพื้นดินบริเวณนั้น เป็นสีแดงฉานคล้ายๆ เลือด (น่าจะเป็นดินผสมแร่ธาตุ) ส่วนคฤหาสน์นั้นมีสภาพที่ผุพังอยู่ในหลายๆ ส่วน ทั้งหลังคาที่มีรูขนาดใหญ่ โทมัสได้บอกว่า ตนเองนั้นมักจะทำงานอยู่ในห้องใต้หลังคาเป็นประจำ (ในห้องนั้นมีสิ่งประดิษฐ์หลายๆ อย่าง เช่นตุ๊กตา แต่ดูน่ากลัว) โทมัสได้บอกเธอว่า ภูเขานี้ ได้ฉายาว่า "ภูสีเลือด" ทำให้เธอนึกถึงคำพูดของผีแม่ของเธอขึ้นมา
และเธอได้เจอกับลูซิลล์ที่อยู่ในคฤหาสน์นี้เช่นกัน ซึ่งเธอมักจะเล่นเปียโน และชงชามาให้อีดิธดื่มด้วย
ในทุกค่ำคืนที่อีดิธ นอนอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เธอมักจะได้พบเจอกับภูติผีเสมอ ซึ่งภูติผีตนหนึ่งทำให้เธอได้เจอกระบอกเก็บเสียง และห้องใต้ดินที่มีบ่อสีแดง รวมทั้งกล่องที่มีชื่อว่า Enola ซึ่งล็อคกุญแจไว้ จนทำให้เธอได้รู้ว่า หนึ่งในภูตผีตนนั้นคือ แม่ของโทมัสและลูซิลล์ที่ถูกฆ่าตายในอ่างอาบน้ำนั่นเอง (ผีเคยแสดงตนให้ดูว่า นอนตายในอ่างอาบน้ำ โดยมีมีดสับที่กะโหลก)
โทมัสเห็นว่าอีดิธนั้นกลัวภูติผีจนแทบทนไม่ไหว อยากให้เธอผ่อนคลายลงบ้าง จึงอาสาพาอีดิธออกไปที่ไปรษณีย์เพื่อรับอุปกรณ์พร้อมกับเขา แต่อีดิธกลับได้รับจดหมายจากประเทศอิตาลีที่จ่าหน้าถึงเธอ (เธอไม่รู้จักใครที่อิตาลี) แต่ทั้งคู่ต้องนอนค้างคืนที่นั่นก่อน เพราะติดพายุหิมะ และทั้งคู่ได้มีอะไรกันเป็นครั้งแรก (ตอนที่มาถึงยังคฤหาสน์ อีดิธได้บอกลูซิลล์ว่า พวกเขายังไม่มีอะไรล่วงเกินกันเพราะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์)
เมื่อทั้งคู่กลับมาในวันรุ่งขึ้น ลูซิลล์กลับโกรธทั้งคู่เป็นอันมากจนน่าแปลกใจ อีดิธได้นำจดหมายจากอิตาลีมาอ่าน ซึ่งทำให้ได้รู้ว่า โทมัสนั้นเคยแต่งงานกับผู้หญิงชื่ออีโนล่า ซึ่งจดหมายนี้เป็นจดหมายเตือนซึ่งส่งมาจากญาตของอีโน่ล่านั่นเอง
อีกด้านหนึ่ง ดร.อลัน กำลังตามสืบเรื่องการตายของพ่ออีดิธ จนได้รู้ข้อมูลจากนักสืบมอลลี่ว่า โทมัสและลูซิลล์นั้นเคยถูกลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เป็นผู้ฆ่าแม่ของตัวเอง
ในวันหนึ่ง อีดิธขโมยกุญแจดอกนึงที่ชื่อ Enola จากพวงกุญแจของลูซิลล์ และแอบนำไปไขกล่องที่อยู่ชั้นใต้ดิน จึงได้พบกับอุปกรณ์อ่านกระบอกเสียง และจึงได้นำกระบอกเสียงที่ซ่อนอยู่ไปเปิดฟัง ทำให้รู้เรื่องราว ว่าโทมัสนั้นเคยแต่งงานมาแล้วถึง 4 ครั้ง และผู้หญิงทุกคนนั้นได้รับชะตากรรมอันโหดร้าย รวมทั้งถูกวางยาด้วยยาพิษในน้ำชานั่นเอง (ในบ่อชั้นใต้ดิน ล้วนแต่เป็นที่ซ่อนศพของอดีตภรรยาของโทมัสทั้งสิ้น) อีดิธจึงคิดจะหนีไป แต่ด้วยพายุหิมะทำให้ไม่สามารถหนีไปได้ และสลบอยู่บริเวณประตูหน้าคฤหาสน์
(โทมัสและลูซิลล์)
เมื่อตื่นขึ้น เธอได้พบกับลูซิลล์ ซึ่งชงชารอไว้แล้ว แต่เธอไม่ยอมดื่มแล้ว (คราวนี้รู้แล้วว่าถูกวางยา) ลูซิลล์ได้เล่าให้เธอฟังว่า เธอนั้นรักและปกป้องโทมัสมาตั้งแต่เด็ก ในอดีตพ่อของเธอใช้ไม้ฟาดขาของแม่ จนกลายเป็นคนพิการ ต้องนั่งรถเข็น จากนั้นลูซิลล์ในวัยเด็กจึงต้องเป็นคนดูแลแม่มาโดยตลอด โทมัสนั้นเคยถูกแม่ทุบตีอย่างทารุณ ลูซิลล์จึงเกลียดแม่และเก็บสะสมความแค้นไว้ในใจ จนในวันนึงเธอทนไม่ไหว (อาจจะถูกแม่ด่าด้วยคำรุนแรง) จึงเอามีดสับกะโหลกฆ่าแม่ตัวเองในอ่างอาบน้ำ และกลายเป็นวิญญาณสิงอยู่ในคฤหาสน์นั่นเอง (ขณะนั้นลูซิลล์อายุ 14 ปี และโทมัสอายุ 12 ปี)
คืนนั้นด้วยการชี้นำจากภูติผี ทำให้เธอได้พบว่า โทมัสเสพสมกับพี่สาวของตัวเอง เมื่อลูซิลล์เห็นดังนั้น จึงได้ผลักอีดิธตกระเบียงไป จนบาดเจ็บและสลบไป
อีดิธถูกนำตัวมาไว้บนรถเข็น (ซึ่งเป็นรถเข็นที่แม่ของโทมัสและลูซิลล์เคยใช้นั่นเอง) โทมัสซึ่งเริ่มรักอีดิธจริงๆ ขึ้นมา จึงได้เตือนเธอไม่ให้ดื่มชาที่พี่สาวของเขาทำมาอีก ขณะนั้น ดร.อลันที่รู้เรื่องราวแล้ว ได้ตามมาถึงคฤหาสน์ และเตรียมช่วยอีดิธให้หนีออกไป แต่ ดร.อลัน กลับถูกลูซิลล์ใช้เหล็กแหลมแทงเข้า และเธอสั่งให้โทมัสฆ่าเขาซะ แต่โทมัสก็กลับไม่แทงให้ ดร.อลันตาย (โทมัสให้ ดร.อลันเลือกจุดแทง เพื่อไม่ให้โดนจุดตาย) แต่ได้พา ดร.อลันไปหลบที่ชั้นใต้ดินแทน
อีดิธนั้นถูกลูซิลล์บังคับให้เซ็นสัญญายกมรดกให้กับตระกูลชาร์ป เมื่อเธอได้เซ็นเอกสารแล้วก็สบโอกาสหนี โดยใช้ปากกาแทงไปที่ไหล่ของเธอ แต่เมื่อโทมัสกลับขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน เขาเปลี่ยนใจจะพาทุกคนไปจากคฤหาสน์หลังนี้ และเผาเอกสารยกมรดกนั้นไป แต่ลูซิลล์นั้นไม่ยอม และคิดว่าโทมัสนั้นรักอีดิธมากกว่าตัวเอง จึงเผลอใช้มีดแทงโทมัสหลายแผล ทำให้เขาสิ้นใจในทันที ลูซิลล์เสียใจจนคุ้มคลั่ง วิ่งไล่ฆ่าอีดิธอย่างไม่ลดละ อีดิธหนีมาที่ชั้นใต้ดิน และพบว่า ดร.อลันยังมีชีวิตอยู่ เมื่อลูซิลล์ตามเธอมาทัน จึงล่อให้เธอขึ้นบันไดไปด้านนอกคฤหาสน์ และต่อสู้กัน แต่ด้วยกำลังแล้วลูซิลล์เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออีดิธกำลังจะเสียท่า วิญญาณของโทมัสก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของลูซิลล์ และทำให้อีดิธได้โอกาส ตีพลั่วไปที่หัวเธออย่างแรงถึง 2 ครั้ง จนเธอตายสนิท จากนั้นวิญญาณของโทมัสก็หายไป อีดิธและ ดร.อลัน จึงสามารถหนีออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้อย่างทุลักทุเล
หลังจากลูซิลล์ได้ตายไปแล้ว วิญญาณของเธอนั้นก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่คฤหาสน์นี้ต่อไป อย่างไม่มีวันจบสิ้น...
คะแนน 8/10
สิ่งที่ดีงาม :
1. คอสตูม เสื้อผ้า หน้า ผม การแต่งกาย ดูดีมาก
2. ฉาก บรรยากาศ เสียงประกอบ หลอนได้อารมณ์
3. การแสดงของนักแสดงยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Jessica Chastain ที่เล่นเป็นลูซิลล์ เล่นได้ยอดเยี่ยมที่สุด
สิ่งที่น่าจะปรับปรุง :
1. การดำเนินเรื่องที่ดูเรียบง่ายเกินไป ไม่มีหักมุม เดาง่ายไป
2. ขาดการปูเนื้อเรื่องในบางส่วน ที่หลายคนสงสัย
สิ่งที่น่าสงสัยและควรมีในหนังเรื่องนี้ :
1. ในเมื่อแม่ของอีดิธ สามารถบอกใบ้เรื่องในอนาคตได้ อาจเป็นเพราะแม่ของอีดิธมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต
2. ฉากแม่ของโทมัสและลูซิลล์ ที่เคยอยู่คฤหาสน์นี้ ว่าเป็นคนอย่างไร ทำไมลูซิลล์จึงกลายเป็นคนโรคจิตขนาดฆ่าคนได้
เรื่องปลีกย่อยที่ไม่ได้กล่าวถึง :
1. ตอนที่อีดิธมาถึงคฤหาสน์ครั้งแรก เธอได้พบสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งสุนัขตัวนี้เป็นของอีโนล่า ซึ่งลูซิลล์ได้สั่งให้โทมัสฆ่าทิ้ง แต่โทมัสกลับนำไปขังไว้นอกคฤหาสน์ เลยทำให้ยังมีชีวิตรอด (ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว โทมัสเป็นคนอ่อนโยน)
2. ลูซิลล์นั้นเคยมีลูกกับโทมัสด้วย แต่เป็นเด็กไม่สมประกอบ ขณะนั้นอีโนล่าได้เป็นภรรยาของโทมัสแล้ว ได้เสนอลูซิลล์ว่ามีทางรักษาเด็กคนนี้ แต่สุดท้ายแล้ว รักษาไม่ได้ ทำให้ลูซิลล์นั้นเกลียดและเคียดแค้นอีโนล่ามาก (ในหนังเราจะได้เห็นผีอุ้มเด็ก เด็กนั่นก็คือวิญญาณลูกของลูซิลล์นั่นเอง)