First Impression
อย่างแรกคือ costume design เรื่องนี้เริ่ดมากกกกกกกกกกกก แค่ดูเสื้อผ้าในหนังก้อคุ้มกว่าค่าตั๋วแล้วอ่ะ อารมแบบวิ่งหนีผีกันแบบสวยๆ จัดเต็มทุกฉาก จะกิน จะนอน จะวิ่ง จะเดิน จะอาบน้ำ จะขึ้นลิฟท์ลงลิฟท์(ใช่ค่ะในเรื่องมีลิฟท์ด้วย ล้ำปะล่ะ)! ชุดก้อยังเริ่ดอ่ะ คือเสื้อผ้าในเรื่องยอมรับว่ามีบ้างที่ผิดยุค แบบยุคนั้นจิงๆไม่ใช่แบบนี้นะ ไรงิ เออแต่ไม่เป็นไร เพราะ ผกก. guillermo del toro ชอบเล่นกับความเหนือจริงอยู่แล้ว แล้วนี่ก้อไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ อีกอย่างเวลากระโปรงมันปลิวๆในหนังสยองมันดูหลอนๆดี ชอบๆ อยากดูอีกรอบอารมแบบไปเก็บดูแต่ชุดไรงิ
เจออะไรยังไงในหนัง
หนังเรื่องนี้เล่นกับสัญลักษณ์เยอะมากนะ เรียกว่าถ้าเทียบกับผลงานก่อนๆ เรื่องนี้น่าจะเยอะที่สุด แบบตัวละครปริศนาของเรื่องจะมาในลุคแบบขาวซีดผมดำ สัญลักษณ์พวกแวมไพร์พวกความลึกลับของโลกภาพยนตร์ ส่วนนางเอกก้อผมทอง หนึ่งในสัญลักษณ์สากลของ “เหยื่อ” แห่งโลกเซลลูลอยด์ ไปจนถึงการเตือนด้วยสัญลักษณ์ “การปรากฏตัวของของมีคม(ปิ่นปักผม มีดโกน ไรงิ)” ว่าจะมี “อะไร” เกิดขึ้นหรือโผล่มา แล้วก้อยังมีสัญลักษณ์เตือนภัยด้วย “น้องหมาน้อย ^^”อีก หรือพวกข้าวของบอก “ลาง” ว่าความหลอนจะตามมา อย่างรถเข็น หรือแบบเลือดในเรื่องคือจะแดงมาก แดงการ์ตูน แดงเกินเลือด แดงแบบคริสต์มาส แบบเค้าตั้งใจจะให้เป็น “สื่อ” แทนของอารมณ์และความรุนแรงโหดร้ายทารุณมากกว่าจะให้คนดูนึกถึงเลือดจิงๆ
เอาเป็นว่าสัญลักษณ์มันเยอะมากอ่ะ สื่อชัดเจนมากอย่างกับเน้น เหมือนไม่คิดจะแกล้งให้คนดูตกใจแบบไม่รู้ตัวบ้างเลย กลับมีการเตือนกันก่อนให้เตรียมตัวระวัง ดนตรีก้อมีเตือนด้วยอีกแรง จะเตือนกันไปไหน คือแบบหนังผีหนังสยองยุคใหม่ที่ฝรั่งสร้าง เค้าเริ่มชอบสร้างแหกขนบมาได้สักสองสามปีแล้ว แบบไม่เตือนกันก่อน ส่วนเรื่องนี้เดินตามขนบทุกอย่าง
แต่จนพอดูไปจนจบก้อคิดได้ว่า อ่อ! ก็อันที่จิงนี้มันไม่ใช่เป็นหนังผีนี้นะ พอหนังจบ อยากบอกว่า เรื่องผีๆคือพลอตรอง ตัวผีคือตัวประกอบ เอาเค้าจิง เรื่องนี้ “ตัวผี” เองก้อเป็นสัญลักษณ์แทน “อดีต” แทน “การยึดติดผูกติดกับบางอย่าง” แหม ถึงว่าซิ ผกก. เค้าถึงเตือนตลอดว่า เห้ย ผีจะมา เรียกได้ว่า “ชูป้ายบอก” คนดูตลอดทั้งเรื่อง เพราะนี้ไม่ใช่หนังผี เป็นหนังสยองขวัญ ไม่ใช่สยองขวัญผีด้วยนะ สยองขวัญคนค่ะ เพราะคนในเรื่องน่ากลัวกว่าผี ผีในเรื่องหน้าตาประมาณตัวละครยมทูตตอนใกล้จบเรื่อง Hellboy ภาค 2 (อีกหนึ่งผลงานของ ผกก.)อ่ะค่ะ เป็นผีซีจีจากคอมค่ะ แต่พอดูจบ ก้อชัดนะว่าเจตนาผู้สร้าง เค้าก้อไม่ได้กะจะให้คนดูมากลัวผีอยู่แล้วล่ะ เค้ากะจะให้กลัวคนอ่ะ ดังนั้น การเตือนคนดูก่อนผีมาก้อเลยเป็นการเตือนให้ “รับสาร” ที่ผีจะมาบอกมากกว่าเตือนให้กลัวผี เพราะผีไม่น่ากลัว แต่สารที่ผีบอกน่ะ คือน่ากลัวค่ะ
นักแสดงและตัวละคร
การแสดงของพี่ทอม ฮิ คือขอไม่วิจารณ์นะ ทำใจให้เป็นกลางไม่ได้จุงๆอ่ะ อิอิ
เจสสิกาในบทพี่สาวเป็นตัวละคร “คน” ที่เปรียบให้เหมือน “ผี” ในเรื่อง เพราะชุดเด่นของนางจะมีอยู่สองโทน คือ แดง กะ ดำ เช่นเดียวกับตัวผีในเรื่องที่มีแค่ แดง กะ ดำ เช่นกัน ก้ออย่างที่บอกว่า ผีในเรื่องน่ะ เป็นตัวแทนของ “การยึดติด” ด้วย ซึ่งนางก้อเป็นพวกยึดติดหมกมุ่นไม่ยอมเป็นอิสระ นางเลยถูกจัดประเภทให้เป็น “ผี” ของเรื่องด้วย ไรงิ
อิจฉานางเอกมาก ได้อยู่กะพี่ทอม ฮิทั้งเรื่อง ได้ใส่ชุดสวยทุกฉาก ชอบการแสดงนางนะ นางดูใสซื่อ(บื้อ)อย่างที่ตัวละครตัวนี้ควรจะเป็นมากๆในช่วงแรกของหนัง ก่อนจะมีพัฒนาการไปจนบู๊แหลกได้ตอนท้ายเรื่อง อยากบอกว่า ผู้ชายในเรื่องเนี่ย
อารมณ์มายืนมึนๆนิ่งๆเนี้ยบๆกันทั้งเรื่องนะ แต่ผู้หญิงบู๊กันแหลกลานค่ะ ผู้ชายมาโผล่หน้าหล่อๆเพื่อเบรกอารมหลอนเฉยๆ สำหรับนางเอก อยากบอกนางว่า การจะมีผัวทีดูเป็นอะไรที่เหนื่อยนะ ต้องวิ่งหนีกันอุตลุต ทั้งผีทั้งคน แนะนำให้นางไปเป็น Lobster แทน (The Lobster โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์ เข้า 19 พ.ย. เรื่องนี้ก้อน่าดู พระเอกก้อหล่อ นี่คือประเด็น)
คุณหมอผู้แสนดี พระรองของเรื่อง ก้อคือพระรองตามหลักสากลโลก ตัวละครหนุ่มหล่อนิสัย(โคตร)ดีที่นางเอกไม่เอา ประมาณนั้น ดีแบบข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วย ขุดคุ้ยโน่นนี้ (ทั้งที่ใช่เรื่องของป่ะ แต่เข้าใจว่ารักมากรักพาไป) ตัวละครนี้โดนกลบมิดอ่ะ อารมณ์แบบหนังจบคนก้อจะลืม ไม่ขโมยซีนเลย(แต่ก้อนะ ขโมยซีนพี่ทอม ฮิ เข้าใจว่ามันคงยาก 555+ ไม่เหมือนพี่ทอม ฮิ รายนั้นเล่นขโมยซีนชาวบ้านตั้งแต่ Thor ยัน The Avengers นางก้อทำมาแล้ว ระดับไหนๆ)
นอกจากนี้.....
ชอบการเปรียบเทียบ อาการตาบอดสี กับ ผี นะ ที่คุณหมอแสนดีบอกว่า คนตาบอดสีไม่มีโอกาสได้เห็นสีๆนั้น แต่รับรู้ว่ามันมีอยู่ผ่านการรับรู้ของคนอื่น คือจิงอยู่ว่ามองไม่เห็นแต่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ คือคมคายดีอ่ะ คิดได้ไง ชอบๆ โดยฉากๆนั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า เกิดก่อนที่นางเอกจะรักกะพี่ทอมแบบสุดตัวหมดหัวใจแค่แปปเดียวเองด้วย เลยไปสอดคล้องเหมาะเจาะกับประเด็น “ความรักทำให้คนตาบอด” พอดีนะ แบบที่แบบใครๆก้อดูออกว่า พระเอกมีความลึกลับ มีความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง แต่นางเอกมองไม่เห็น มองไม่ออก นางแค่รับรู้ผ่านคนอื่นบอกนางอีกที แต่การที่นางมองไม่เห็น ก้อใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่ โห พอดีกันเป๊ะเวอร์อ่ะ
สั้นๆคือ.....
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ชอบสุดหรือหลอนสุดของ ผกก. คนนี้(เรื่อง Pan's Labyrinth ตอน ผกก. คนนี้เพิ่งดังใหม่ๆหลอนกว่าเยอะ) แต่ก้อชอบนะ บรรยากาศหลอนๆดีตลอดทั้งเรื่อง สนุกดี ดูได้เพลินๆ ให้ B อ่ะ
ปล. ที่อยู่ของคฤหาสน์ในเรื่อง อยู่เมือง Cumberland ไม่ทราบว่า เป็นอะไรกะ Cumberbatch ป่ะค่ะ นักแสดงจากเกาะอังกฤษคู่จิ้นสองคนนี้หนีกันไม่พ้นจิงๆ 555+ (Benedict Cumberbatch +Tom Hiddleston)
เพิ่งไปดู Crimson Peak มา วิจารณ์แต่ไม่สปอยล์ค่ะ แล้วเพื่อนๆคิดไงกันบ้าง???
อย่างแรกคือ costume design เรื่องนี้เริ่ดมากกกกกกกกกกกก แค่ดูเสื้อผ้าในหนังก้อคุ้มกว่าค่าตั๋วแล้วอ่ะ อารมแบบวิ่งหนีผีกันแบบสวยๆ จัดเต็มทุกฉาก จะกิน จะนอน จะวิ่ง จะเดิน จะอาบน้ำ จะขึ้นลิฟท์ลงลิฟท์(ใช่ค่ะในเรื่องมีลิฟท์ด้วย ล้ำปะล่ะ)! ชุดก้อยังเริ่ดอ่ะ คือเสื้อผ้าในเรื่องยอมรับว่ามีบ้างที่ผิดยุค แบบยุคนั้นจิงๆไม่ใช่แบบนี้นะ ไรงิ เออแต่ไม่เป็นไร เพราะ ผกก. guillermo del toro ชอบเล่นกับความเหนือจริงอยู่แล้ว แล้วนี่ก้อไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ อีกอย่างเวลากระโปรงมันปลิวๆในหนังสยองมันดูหลอนๆดี ชอบๆ อยากดูอีกรอบอารมแบบไปเก็บดูแต่ชุดไรงิ
เจออะไรยังไงในหนัง
หนังเรื่องนี้เล่นกับสัญลักษณ์เยอะมากนะ เรียกว่าถ้าเทียบกับผลงานก่อนๆ เรื่องนี้น่าจะเยอะที่สุด แบบตัวละครปริศนาของเรื่องจะมาในลุคแบบขาวซีดผมดำ สัญลักษณ์พวกแวมไพร์พวกความลึกลับของโลกภาพยนตร์ ส่วนนางเอกก้อผมทอง หนึ่งในสัญลักษณ์สากลของ “เหยื่อ” แห่งโลกเซลลูลอยด์ ไปจนถึงการเตือนด้วยสัญลักษณ์ “การปรากฏตัวของของมีคม(ปิ่นปักผม มีดโกน ไรงิ)” ว่าจะมี “อะไร” เกิดขึ้นหรือโผล่มา แล้วก้อยังมีสัญลักษณ์เตือนภัยด้วย “น้องหมาน้อย ^^”อีก หรือพวกข้าวของบอก “ลาง” ว่าความหลอนจะตามมา อย่างรถเข็น หรือแบบเลือดในเรื่องคือจะแดงมาก แดงการ์ตูน แดงเกินเลือด แดงแบบคริสต์มาส แบบเค้าตั้งใจจะให้เป็น “สื่อ” แทนของอารมณ์และความรุนแรงโหดร้ายทารุณมากกว่าจะให้คนดูนึกถึงเลือดจิงๆ
เอาเป็นว่าสัญลักษณ์มันเยอะมากอ่ะ สื่อชัดเจนมากอย่างกับเน้น เหมือนไม่คิดจะแกล้งให้คนดูตกใจแบบไม่รู้ตัวบ้างเลย กลับมีการเตือนกันก่อนให้เตรียมตัวระวัง ดนตรีก้อมีเตือนด้วยอีกแรง จะเตือนกันไปไหน คือแบบหนังผีหนังสยองยุคใหม่ที่ฝรั่งสร้าง เค้าเริ่มชอบสร้างแหกขนบมาได้สักสองสามปีแล้ว แบบไม่เตือนกันก่อน ส่วนเรื่องนี้เดินตามขนบทุกอย่าง
แต่จนพอดูไปจนจบก้อคิดได้ว่า อ่อ! ก็อันที่จิงนี้มันไม่ใช่เป็นหนังผีนี้นะ พอหนังจบ อยากบอกว่า เรื่องผีๆคือพลอตรอง ตัวผีคือตัวประกอบ เอาเค้าจิง เรื่องนี้ “ตัวผี” เองก้อเป็นสัญลักษณ์แทน “อดีต” แทน “การยึดติดผูกติดกับบางอย่าง” แหม ถึงว่าซิ ผกก. เค้าถึงเตือนตลอดว่า เห้ย ผีจะมา เรียกได้ว่า “ชูป้ายบอก” คนดูตลอดทั้งเรื่อง เพราะนี้ไม่ใช่หนังผี เป็นหนังสยองขวัญ ไม่ใช่สยองขวัญผีด้วยนะ สยองขวัญคนค่ะ เพราะคนในเรื่องน่ากลัวกว่าผี ผีในเรื่องหน้าตาประมาณตัวละครยมทูตตอนใกล้จบเรื่อง Hellboy ภาค 2 (อีกหนึ่งผลงานของ ผกก.)อ่ะค่ะ เป็นผีซีจีจากคอมค่ะ แต่พอดูจบ ก้อชัดนะว่าเจตนาผู้สร้าง เค้าก้อไม่ได้กะจะให้คนดูมากลัวผีอยู่แล้วล่ะ เค้ากะจะให้กลัวคนอ่ะ ดังนั้น การเตือนคนดูก่อนผีมาก้อเลยเป็นการเตือนให้ “รับสาร” ที่ผีจะมาบอกมากกว่าเตือนให้กลัวผี เพราะผีไม่น่ากลัว แต่สารที่ผีบอกน่ะ คือน่ากลัวค่ะ
นักแสดงและตัวละคร
การแสดงของพี่ทอม ฮิ คือขอไม่วิจารณ์นะ ทำใจให้เป็นกลางไม่ได้จุงๆอ่ะ อิอิ
เจสสิกาในบทพี่สาวเป็นตัวละคร “คน” ที่เปรียบให้เหมือน “ผี” ในเรื่อง เพราะชุดเด่นของนางจะมีอยู่สองโทน คือ แดง กะ ดำ เช่นเดียวกับตัวผีในเรื่องที่มีแค่ แดง กะ ดำ เช่นกัน ก้ออย่างที่บอกว่า ผีในเรื่องน่ะ เป็นตัวแทนของ “การยึดติด” ด้วย ซึ่งนางก้อเป็นพวกยึดติดหมกมุ่นไม่ยอมเป็นอิสระ นางเลยถูกจัดประเภทให้เป็น “ผี” ของเรื่องด้วย ไรงิ
อิจฉานางเอกมาก ได้อยู่กะพี่ทอม ฮิทั้งเรื่อง ได้ใส่ชุดสวยทุกฉาก ชอบการแสดงนางนะ นางดูใสซื่อ(บื้อ)อย่างที่ตัวละครตัวนี้ควรจะเป็นมากๆในช่วงแรกของหนัง ก่อนจะมีพัฒนาการไปจนบู๊แหลกได้ตอนท้ายเรื่อง อยากบอกว่า ผู้ชายในเรื่องเนี่ยอารมณ์มายืนมึนๆนิ่งๆเนี้ยบๆกันทั้งเรื่องนะ แต่ผู้หญิงบู๊กันแหลกลานค่ะ ผู้ชายมาโผล่หน้าหล่อๆเพื่อเบรกอารมหลอนเฉยๆ สำหรับนางเอก อยากบอกนางว่า การจะมีผัวทีดูเป็นอะไรที่เหนื่อยนะ ต้องวิ่งหนีกันอุตลุต ทั้งผีทั้งคน แนะนำให้นางไปเป็น Lobster แทน (The Lobster โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์ เข้า 19 พ.ย. เรื่องนี้ก้อน่าดู พระเอกก้อหล่อ นี่คือประเด็น)
คุณหมอผู้แสนดี พระรองของเรื่อง ก้อคือพระรองตามหลักสากลโลก ตัวละครหนุ่มหล่อนิสัย(โคตร)ดีที่นางเอกไม่เอา ประมาณนั้น ดีแบบข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วย ขุดคุ้ยโน่นนี้ (ทั้งที่ใช่เรื่องของป่ะ แต่เข้าใจว่ารักมากรักพาไป) ตัวละครนี้โดนกลบมิดอ่ะ อารมณ์แบบหนังจบคนก้อจะลืม ไม่ขโมยซีนเลย(แต่ก้อนะ ขโมยซีนพี่ทอม ฮิ เข้าใจว่ามันคงยาก 555+ ไม่เหมือนพี่ทอม ฮิ รายนั้นเล่นขโมยซีนชาวบ้านตั้งแต่ Thor ยัน The Avengers นางก้อทำมาแล้ว ระดับไหนๆ)
นอกจากนี้.....
ชอบการเปรียบเทียบ อาการตาบอดสี กับ ผี นะ ที่คุณหมอแสนดีบอกว่า คนตาบอดสีไม่มีโอกาสได้เห็นสีๆนั้น แต่รับรู้ว่ามันมีอยู่ผ่านการรับรู้ของคนอื่น คือจิงอยู่ว่ามองไม่เห็นแต่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ คือคมคายดีอ่ะ คิดได้ไง ชอบๆ โดยฉากๆนั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า เกิดก่อนที่นางเอกจะรักกะพี่ทอมแบบสุดตัวหมดหัวใจแค่แปปเดียวเองด้วย เลยไปสอดคล้องเหมาะเจาะกับประเด็น “ความรักทำให้คนตาบอด” พอดีนะ แบบที่แบบใครๆก้อดูออกว่า พระเอกมีความลึกลับ มีความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง แต่นางเอกมองไม่เห็น มองไม่ออก นางแค่รับรู้ผ่านคนอื่นบอกนางอีกที แต่การที่นางมองไม่เห็น ก้อใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่ โห พอดีกันเป๊ะเวอร์อ่ะ
สั้นๆคือ.....
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ชอบสุดหรือหลอนสุดของ ผกก. คนนี้(เรื่อง Pan's Labyrinth ตอน ผกก. คนนี้เพิ่งดังใหม่ๆหลอนกว่าเยอะ) แต่ก้อชอบนะ บรรยากาศหลอนๆดีตลอดทั้งเรื่อง สนุกดี ดูได้เพลินๆ ให้ B อ่ะ
ปล. ที่อยู่ของคฤหาสน์ในเรื่อง อยู่เมือง Cumberland ไม่ทราบว่า เป็นอะไรกะ Cumberbatch ป่ะค่ะ นักแสดงจากเกาะอังกฤษคู่จิ้นสองคนนี้หนีกันไม่พ้นจิงๆ 555+ (Benedict Cumberbatch +Tom Hiddleston)