สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เกิดขึ้นตามคำขอของเพื่อนสมาชิกที่ทักทายกันเข้ามาผ่าน INBOX
หลายท่านขอให้แนะนำหนัง วิเคราะห์หนัง และ รีวิวเรื่องนั้น เรื่องนี้มาให้ดู ขอบคุณสำหรับการแวะทักทายกันนะครับ
และกระทู้เปิดตัวช่วงวิเคราะห์ตามคำขอนี้ ผมจะเริ่มต้นจากภาพยนตร์เขย่าขวัญระดับปรากฏการณ์อย่าง Crimson Peak ปราสาทสีเลือด
ที่มีการบอกต่อ ปากต่อปาก ถึงความน่ากลัว และสิ่งที่หนังสื่อถึงความดำมืดในจิตใจคนเราออกมา รวมไปถึงการเล่นกับสถานที่ต่างๆ ของเรื่องด้วย
หากใครเคยดูมาแล้วคงทราบโครงเรื่องและเหตุการณ์โดยตลอดอย่างละเอียดแน่นอน แต่ถ้าใครไม่เคยดู และหลงแวะเวียนเข้ามาอ่าน
ผมขอปูพื้นฐานโดยสรุปให้เข้าใจว่า Crimson Peak คือ หนังที่ว่าด้วยเหตุการณ์ที่บุตรสาวของมหาเศรษฐีใหญ่จากเมืองหนึ่ง ต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับ
ชายหนุ่มผู้ทรงเสน่ห์ในปราสาทเก่าซอมซ่อของตระกูล ณ ที่นั้น เธอได้พบกับความลับดำมืดหลายอย่าง การปองร้าย ความน่าสยดสยองยามค่ำคืน
และเสียงโหยหวนตามทางเดินของหญิงสาวผู้ทุกข์ทรมานอยู่กับชะตากรรมสุดท้ายที่ได้พบเจอมาในชีวิต
บทต่อไปนี้ที่ผมจะกล่าวถึง มีสปอยเลอร์ อย่างแรง....
.
ความโสมมของ Crimson Peak มีความน่าสนใจในแง่ที่ว่า มันต่อเนื่องสอดสัมพันธ์คล้องกันเป็นลูกโซ่ของโชคชะตาอันน่าหฤหรรษ์
เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับคำเตือนจาก ดวงวิญญาณของมารดาผู้ล่วงลับว่า "จงระวัง Crimson Peak"
หนังสร้างความน่าสะพรึงกลัวเราตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง จะเห็นว่าการเจอปรากฏการณ์วิญญาณของ นางเอก ส่วนใหญ่ มักไม่ใช่การเจอแบบสะดุ้งโหยง หรือ ปะหน้ากันจะจะทันทีทันใด แต่มักจะเจอที่โถงทางเดิน เห็นเงา เห็นเป็นโครงร่างโปร่งแสงอยู่เสมอ เป็นการสร้างบรรยากาศผีมีรสนิยม คือ ไม่นึกจะโผล่ก็โผล่มา แต่การปรากฏตัวให้เห็นของผีแต่ละครั้ง
มีส่วนในการคลี่คลายปมของเรื่อง ซึ่งสำคัญอย่างมากในการทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจในเหตุผลของตัวละคร
การปูเรื่องด้วยคำพูดว่า “ฉันเชื่อว่าผีมีจริง” ของ อีดิธ คุชชิ่ง ตอนเริ่มเรื่อง เป็นส่วนการปูพื้นฐานไปถึงจิตใจของเธอ ที่หมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตาย
การที่เธอเป็นนักเขียนนวนิยาย เกี่ยวกับเรื่องผี เรื่องความตาย ส่วนนี้แสดงให้เราเห็นถึงทัศนคติของสังคมในยุคนางเอก ว่าไม่ค่อยจะศรัทธา ในฝีมือการประพันธ์ของหญิงสาวเท่าไหร่นัก และคิดเพียงว่า เพศสภาพอย่างเธอเหมาะจะไปเขียนนิยายรักเสียมากกว่า
ฝ่าย พ่อของอีดิธ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์เอง ถ้ามองตามรูปการและบริบททางสังคมแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ศรัทธาในสิ่งที่อีดิธเลือกจะทำเท่าไหร่นัก นี่จึงเป็ยช่องว่างใหญ่สำคัญของครอบครัว ที่ทำให้หนุ่มทรงสเน่ห์ นาม โทมัส ชาร์ป เข้ามาในชีวิตของเธอด้วยจังหวะ และเวลา ที่พอดิบพอดี เขาเดาออกอยู่แล้วว่า นิยายที่เขาเห็นนั้น เป็นผลงานของ อีดิธ แต่เขาก็แกล้งอ่านและแสดงความชื่นชอบอย่างเอาใจ อีดิธ เด็กสาวผู้โหยหาความเอาใจใส่และยกย่อง ก็ตกหลุมพรางเสน่หา
ความจริงแล้ว โทมัส ชาร์ป ต้องวางแผนเรื่องการพบ อีดิธ และการขุดหลุมพรางเสน่ห์ไว้อยู่แล้วระยะนึง ก่อนเข้าพบเสนอโครงการกับพ่อของเธอ จากประวัติเราจะทราบว่า โทมัส และ ลูซิล ทำเรื่องราวเหล่านี้ เป็นขบวนการ การจัดฉากใน Crimson Peak จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่หนังสื่อสารออกมาได้ดี แม้หนังจะไม่ได้บอกว่า มีการวางแผนกันละเอียดขนาดไหน
แต่เราก็สามารถคาดเดาได้จากพฤติการณ์ตัวละคร นั่นเอง
ในส่วนต่อไป เราจะมาวิเคราะห์สภาพจิตใจของ ลูซิล และ โทมัส กันว่า สองพี่น้องคู่นี้ เป็นฆาตกรแบบใดกันแน่
ผมขอกล่าวถึง ลูซิล ก่อนเป็นอันดับแรก หญิงสาวคนนี้ แสดงถึงพฤติกรรมที่ไว้ตัว และเหยียดหยันอีดิธ ในสายตาอยู่เสมอ
ซึ่งถ้ามองกันแบบผ่านๆไป ในการชมครั้งแรก ก็จะเข้าใจไปว่า เธอดูถูกชาติตระกูลของ อีดิธ ซึ่งไม่ได้เกิดในตระกูลบารอนเนส อย่างเธอที่มีเกียรติยศ และศักดิ์ค้ำคออยู่นั่นเอง ทั้งทีความจริง ลซิล เหยียด อีดิธ ในแง่มุมที่ว่า เธอกำลังจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปในปราสาทสีเลือด Crimson Peak ของเธออีกคน และกำลังจะกลายเป็นแค่เมียในนามของ โทมัส
น้องชายผุ้เป็นสามีของเธออีกด้วย ความรักระหว่างพี่น้องคู่นี้ เป็นสิ่งที่น่าตีความว่า แท้จริงแล้ว ลูซิล เสน่หาโทมัสแบบใดกันแน่ โดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อว่า ลูซิล มองโทมัสในฐานะสามี แต่ลูซิล มองโทมัส ในฐานะของ ของเธอ ของที่ต้องเป็นของเอตลอดไป และจะเปลี่ยนมือไปเป็นของใครไม่ได้ สังเกตได้จากการยึดมั่นในคำสัญญา ที่ว่าเธอจะยอมให้โทมัสดำเนินการตามแผนการใช้น้องชายเป็นเหยื่อล่อในการหาเงินของเธอ แต่เธอก็จะไม่ยอมให้ โทมัส มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนใดเช่นกัน จนกระทั่งมาถึง รายของอีดิธ วันหนึ่งหลังจากที่ เธอรู้สึกหวาดกลัวต่อเหล่าวิญญาณในบ้าน โทมัส ได้อาสาพาเธอไปนอกเมือง เพื่อให้เธอผ่อนคลายความเครียดลงไป ประกอบกับเธอต้องไปรับของที่ไปรษณีย์ด้วย คืนที่พายุหิมะพัดอย่างไม่ปรานีนั้นเอง โทมัส ก็ได้ตกหลุมรัก อีดิธ อย่างหมดหัวใจ ไปกับสัมพันธ์สวาทนอกตระกูลครั้งแรกของตัวเขาเอง มันราวกับว่า เขารอคอยเวลาที่จะเป็นอิสระ จากสายตาสอดส่องและหวงแหนของ ลูซิล อยู่เสมอ มันจึงเป็นเหตุให้ ลูซิล จำต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการเร่งให้เกิดการตายของ อีดิธ เร็วกว่าที่เคย และแน่นอน ครั้งนี้ อุปสรรคดันไม่ใช่เวลา แต่กลับเป็นโทมัส ที่ขัดขวางเสียเอง นั่นยิ่งทำให้จิตใจของ ลูซิล กระเจิดกระเจิงเป็นการใหญ่อย่างกู่ไม่กลับ เธอวางแผนจัดฉากให้ อีดิธ เห็นสัมพันธ์ลับของเธอกับ โทมัส ผลักเธอให้ตกลงมาจากชั้นบนของปราสาท แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ ดร.อดัม ตามมาเคาะประตู ยืดชะตาชีวิตของสาวน้อยอีดิธไปได้อีกหนึ่งวัน
รายต่อมา ที่จะพูดถึง คือ โทมัส ชาร์ป โดยอนุสติลึกๆ นั้น โทมัส ยังคงมีจิตวิญญาณที่ไม่แปดเปื้อนไปกับความโสมม ที่พี่สาว ลูซิล ยัดเยียดใส่เอาไว้ในชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าตกกระไดพลอยโจร เกินกว่าจะคิดหรือนึกได้ว่าตัวเองจะสามารถขยับปลีกตัวหนีไปจากเงื้อมมือบังคับของ ลูซิล อย่างไร
นับตั้งแต่ การตายของ แม่ ผู้พิการในอ่างน้ำ และการตายของผุ้หญิง 4 ราย ซึ่งเขาเข้าไปพัวพันและมีส่วนร่วมในแผนการอันสกปรก โทมัส ก็ยิ่งระอาใจอยู่ลึกๆเสมอ ในพฤติกรรมของพี่สาว แต่เขายังคงมีหวังลึกๆ หวังในสิ่งที่ตัวเองถนัด
ความฝันที่จะสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ได้ผล ความฝันที่จะไม่ต้องไปขูดรีด หาเงินเอาจากเหยื่อรายใดๆ อีกต่อไป
ผมเข้าใจว่า โทมัส กับ ลซิล คงมีการตกลงกันประมาณหนึ่ง นั่นคือ ลูซิล จะยอมให้โทมัส ไปขอความช่วยเหลือ ขอเงินทุนในการทำตามความฝันของ ตัวเขาเอง แต่ถ้าเขาล้มเหลว เขาจะต้องทำตามแผนการของ ลูซิล นั่นคือ หาทางเอาเงินมาจาก ลูกสาวของเหล่าเศรษฐีแต่ละเมืองที่เขาเดินทางไป จวบจนมาถึง อีดิธ นั่นแหละ ความผิดหวังที่ฉายชัดไปในแววตาของ โทมัส ไม่ใช่ความผิดหวังที่เขาทำไม่สำเร็จ แต่เป็นความเศร้าผิดหวัง เพราะรู้ถึงสิ่งที่จะตามมา ความตาย การหลอกลวง และความพินาศของชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังจะมาถึง นั่นเอง
หลายคนอาจมีคำถามว่า ก็ในเมื่อพ่อของ อีดิธ เซ็นเช็ค ให้แล้ว เหตุใด เขาจึงต้องตายด้วยล่ะ เหตุใด ลูซิล ยังต้องฆ่าเขาด้วย ทำไมไม่หอบเอาเงินนั่น แล้วกลับไปที่ Crimson Peak ซะ
ท่านผู้อ่านครับ ต้องเข้าใจว่าในรายของพ่ออีดิธ นั้น เป็นรายที่มีความพิเศษ ต่อตัวผู้รายสองคน อยู่สองประการ
กล่าวคือ พ่อของอีดิธ ลงทุนจ้างนักสืบ เพื่อสืบว่า โทมัส เป็นใคร ทำอะไรมา ซ้ำยังรู้ด้วยว่า เขาแต่งงานแล้ว
การที่โทมัสถามว่า อีดิธ ร้เรื่องนี้หรือยัง ในห้องที่มีเพียง พ่อของีดิธ โทมัส และ ลูวิล นั้น โทมัส ถามเพื่อตัวเอง เพียงเพราะเขาไม่อยากให้อีดิธรู้ความจริง และลดความรักในตัวเขาลงไป แต่ ลูซิล นั้น คิดแผนการเอาไว้เสร็จสรรพแล้วว่า จะต้องปิดปากตาเฒ่าคนนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่เช่นนั้น ความลับอื่นๆ จะถูกเปิดโปงกันหมดทั้งตระกูล
การที่โทมัส ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ พ่ออีดิธ เขาเองก็ตั้งใจไว้ จะให้อันตรายทุกประการ พ้นไปจากตัวของอีดิธ จึงต้องฝืนใจพูดหยามงานเขียน และทัศนคติ ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่า เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตของเธอ เป็นเพราะ ความรัก นั่นเอง
นี่จึงอาจสรุปได้ว่า โทมัส รักอีดิธมากพอ ที่จะปกป้องในชั้นแรก ให้เธอพ้นไปจากความชั่วช้าของ ลูซิล แต่ทว่า ด้วยความรักอีกนั่นเอง ที่ทำให้เขาทำเรื่องที่ผู้ชายหลายคนห้ามให้ตัวเองไม่ได้ทำไม่ได้ นั่นคือ การง้อหญิงที่ตนรัก
ในวันที่เขาจะเดินทางไป เขาได้ฝากจดหมายไปถึง อีดิธ และเล่าถึงสิ่งที่เขาถูกบังคับ อีดิธ อ่านข้อความโดยตลอด มีความเข้าใจและสงสารโทมัส ชายที่ตนรักอย่างมาก เธอตรงดิ่งมาที่โรงแรม คิดว่าไม่ทันเสียแล้ว แต่โทมัส ก็กลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเธออีกครั้ง พร้อมกับคำพูดว่า “ผมไม่สามารถทำได้”
ตรงนี้ เชื่อว่าเป็นแผนการของ ลูซิล แล้ว ที่ให้โทมัส กลับมาหาลูซิล เพราะเป็นเหตุการณ์ในลำดับที่พ่อของอีดิธ ถูกฆาตกรรม แผนการที่สองของ ลูซิล ดำเนินต่อไป
โทมัส กระวนกระวายใจ ตลอดเวลา เขาต้องครุ่นคิด ทั้งสิ่งที่ตัวเองพยายามจะทำ และหักห้ามใจที่จะมีอะไรเกินเลยกับอีดิธอยู่เสมอ ทั้งๆที่แต่งงานแล้วโดยถูกต้องทุกประการ
จนกระทั่งความสัมพันธ์ในคืนที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะนั่นเอง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของตัวละครให้ดำเนินไปรวดเร็วยิ่งขึ้น ตรงนี้เองที่เหตุการณ์ได้ไปประสานรอยต่อ กับส่วนที่ได้บรรยายเรื่อง ลูซิลเอาไว้ พอดี
จึงเป็นที่มาของ บทสรุปของ Crimson Peak ที่จะเปิดเผยทุกปริศนา ในปราสาทพุพังตั้งตระหง่านอยู่กลางแผ่นดินสีแดงฉานประดุจโลหิตมนุษย์แห่งนี้...
บทสรุป : ปริศนาใน Crimson Peak ไม่ได้อยู่ที่วิญญาณแม่ของ ลูซิล และโทมัส หรือ วิญญาณของ อีโนล่า ที่ตายอย่างทรมานและศพถูกอำพรางไว้ในบ่อใต้ดิน แต่อยู่ที่ สภาพจิตใจของผู้เป็นจุดเริ่มต้นความสยดสยองในปราสามแห่งนี้
นั่นคือ ลูซิล ความเจ็บป่วยทางจิต ของเธอไต่ระดับมาจากความรุนแรงในครอบครัว และการทำร้ายร่างกายของแม่ เธอเก็บ มีด ที่ใช้จามหัวของแม่ เอาไว้เป็นสมบัติชิ้นโปรดในห่อที่พันเอาไว้อย่างดี อีกสาเหตุหนึ่งที่เธอไม่ยอมให้โทมัส และตัวเอง ออกไปจาก Crimson Peak เพราะดวงจิตเธอยึดติดอยุ่กับสถานที่อันเป็นจุดเริ่มของทุกสิ่งแห่งนี้ ราวกับว่า เธอต้องการตายที่นี่ซักวันใดวันหนึ่งในอนาคตที่ยาวนานไปพร้อมกับโทมัส น้องชายของเธอ และเธอก็ได้มันไป
แต่ในทางกลับกันเราจะเห็นว่า โทมัส ได้ตระเตรียมแผนการไว้ เขาเลือกที่จะกระซิบกับ ดร.อดัม เพื่อให้ชี้จุดที่แทงไปแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ และลวง ลูวิลให้ตายใจ เขาเลือกและพร้อมแล้วที่จะตาย โดยรู้อยู่ในใจ ว่าอีดิธจะได้รอดออกไปใช้ชีวิตที่สมควรจะได้ใช้ของเธอ
ในฉากจบเราจะได้เห็นยินคำพูดที่เป็นตัวบอกสภาพจิตใจของเธอออกมาเองว่า “ฉันจะฆ่าแกจนกว่าแกจะตาย หรือไม่ก็จนกว่าแกจะฆ่าฉันตาย”
เธอไม่มีทางหยุดโดยสติรู้คิด นอกจากความตาย เพราะสิ่งเดียวที่ยึดโยงสติเอาไว้กับความเป็นคน ก็คือ โทมัส ในเมื่อโทมัสได้ตายไปแล้ว ด้วยน้ำมือของเธอ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บงำสิ่งใดอีกต่อไป
และหากมองให้ลึกลงไปอีกแง่มุม ในวินาทีสุดท้ายที่ ลูซิล เห็นวิญญาณของโทมัส เธออาจฉุกคิดได้ว่า ความตาย จะทำให้เธอได้ไปพบกับโทมัสอีกครั้ง
เธอจึงยอม ยอมที่จะถุก อีดิธ ฆ่าตาย และ เธอจะได้กลับไปบรรเลงเปียโนบทเดิม ในปราสาทสีเลือดของเธอ รอการกลับมาของ โทมัส วิญญาณรักที่เธอหวังจะผนึกเอาไว้ใน Crimson Peak ตลอดกาล...
C R E A T E D
- E n d C r e d i t M a n -
[วิเคราะห์ตามคำขอ] : ตอน เปิดปมความลับโสมมใน Crimson Peak!
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เกิดขึ้นตามคำขอของเพื่อนสมาชิกที่ทักทายกันเข้ามาผ่าน INBOX
หลายท่านขอให้แนะนำหนัง วิเคราะห์หนัง และ รีวิวเรื่องนั้น เรื่องนี้มาให้ดู ขอบคุณสำหรับการแวะทักทายกันนะครับ
และกระทู้เปิดตัวช่วงวิเคราะห์ตามคำขอนี้ ผมจะเริ่มต้นจากภาพยนตร์เขย่าขวัญระดับปรากฏการณ์อย่าง Crimson Peak ปราสาทสีเลือด
ที่มีการบอกต่อ ปากต่อปาก ถึงความน่ากลัว และสิ่งที่หนังสื่อถึงความดำมืดในจิตใจคนเราออกมา รวมไปถึงการเล่นกับสถานที่ต่างๆ ของเรื่องด้วย
หากใครเคยดูมาแล้วคงทราบโครงเรื่องและเหตุการณ์โดยตลอดอย่างละเอียดแน่นอน แต่ถ้าใครไม่เคยดู และหลงแวะเวียนเข้ามาอ่าน
ผมขอปูพื้นฐานโดยสรุปให้เข้าใจว่า Crimson Peak คือ หนังที่ว่าด้วยเหตุการณ์ที่บุตรสาวของมหาเศรษฐีใหญ่จากเมืองหนึ่ง ต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับ
ชายหนุ่มผู้ทรงเสน่ห์ในปราสาทเก่าซอมซ่อของตระกูล ณ ที่นั้น เธอได้พบกับความลับดำมืดหลายอย่าง การปองร้าย ความน่าสยดสยองยามค่ำคืน
และเสียงโหยหวนตามทางเดินของหญิงสาวผู้ทุกข์ทรมานอยู่กับชะตากรรมสุดท้ายที่ได้พบเจอมาในชีวิต
ความโสมมของ Crimson Peak มีความน่าสนใจในแง่ที่ว่า มันต่อเนื่องสอดสัมพันธ์คล้องกันเป็นลูกโซ่ของโชคชะตาอันน่าหฤหรรษ์
เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ได้รับคำเตือนจาก ดวงวิญญาณของมารดาผู้ล่วงลับว่า "จงระวัง Crimson Peak"
หนังสร้างความน่าสะพรึงกลัวเราตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง จะเห็นว่าการเจอปรากฏการณ์วิญญาณของ นางเอก ส่วนใหญ่ มักไม่ใช่การเจอแบบสะดุ้งโหยง หรือ ปะหน้ากันจะจะทันทีทันใด แต่มักจะเจอที่โถงทางเดิน เห็นเงา เห็นเป็นโครงร่างโปร่งแสงอยู่เสมอ เป็นการสร้างบรรยากาศผีมีรสนิยม คือ ไม่นึกจะโผล่ก็โผล่มา แต่การปรากฏตัวให้เห็นของผีแต่ละครั้ง
มีส่วนในการคลี่คลายปมของเรื่อง ซึ่งสำคัญอย่างมากในการทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจในเหตุผลของตัวละคร
การปูเรื่องด้วยคำพูดว่า “ฉันเชื่อว่าผีมีจริง” ของ อีดิธ คุชชิ่ง ตอนเริ่มเรื่อง เป็นส่วนการปูพื้นฐานไปถึงจิตใจของเธอ ที่หมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตาย
การที่เธอเป็นนักเขียนนวนิยาย เกี่ยวกับเรื่องผี เรื่องความตาย ส่วนนี้แสดงให้เราเห็นถึงทัศนคติของสังคมในยุคนางเอก ว่าไม่ค่อยจะศรัทธา ในฝีมือการประพันธ์ของหญิงสาวเท่าไหร่นัก และคิดเพียงว่า เพศสภาพอย่างเธอเหมาะจะไปเขียนนิยายรักเสียมากกว่า
ฝ่าย พ่อของอีดิธ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์เอง ถ้ามองตามรูปการและบริบททางสังคมแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ศรัทธาในสิ่งที่อีดิธเลือกจะทำเท่าไหร่นัก นี่จึงเป็ยช่องว่างใหญ่สำคัญของครอบครัว ที่ทำให้หนุ่มทรงสเน่ห์ นาม โทมัส ชาร์ป เข้ามาในชีวิตของเธอด้วยจังหวะ และเวลา ที่พอดิบพอดี เขาเดาออกอยู่แล้วว่า นิยายที่เขาเห็นนั้น เป็นผลงานของ อีดิธ แต่เขาก็แกล้งอ่านและแสดงความชื่นชอบอย่างเอาใจ อีดิธ เด็กสาวผู้โหยหาความเอาใจใส่และยกย่อง ก็ตกหลุมพรางเสน่หา
ความจริงแล้ว โทมัส ชาร์ป ต้องวางแผนเรื่องการพบ อีดิธ และการขุดหลุมพรางเสน่ห์ไว้อยู่แล้วระยะนึง ก่อนเข้าพบเสนอโครงการกับพ่อของเธอ จากประวัติเราจะทราบว่า โทมัส และ ลูซิล ทำเรื่องราวเหล่านี้ เป็นขบวนการ การจัดฉากใน Crimson Peak จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่หนังสื่อสารออกมาได้ดี แม้หนังจะไม่ได้บอกว่า มีการวางแผนกันละเอียดขนาดไหน
แต่เราก็สามารถคาดเดาได้จากพฤติการณ์ตัวละคร นั่นเอง
ในส่วนต่อไป เราจะมาวิเคราะห์สภาพจิตใจของ ลูซิล และ โทมัส กันว่า สองพี่น้องคู่นี้ เป็นฆาตกรแบบใดกันแน่
ผมขอกล่าวถึง ลูซิล ก่อนเป็นอันดับแรก หญิงสาวคนนี้ แสดงถึงพฤติกรรมที่ไว้ตัว และเหยียดหยันอีดิธ ในสายตาอยู่เสมอ
ซึ่งถ้ามองกันแบบผ่านๆไป ในการชมครั้งแรก ก็จะเข้าใจไปว่า เธอดูถูกชาติตระกูลของ อีดิธ ซึ่งไม่ได้เกิดในตระกูลบารอนเนส อย่างเธอที่มีเกียรติยศ และศักดิ์ค้ำคออยู่นั่นเอง ทั้งทีความจริง ลซิล เหยียด อีดิธ ในแง่มุมที่ว่า เธอกำลังจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปในปราสาทสีเลือด Crimson Peak ของเธออีกคน และกำลังจะกลายเป็นแค่เมียในนามของ โทมัส
น้องชายผุ้เป็นสามีของเธออีกด้วย ความรักระหว่างพี่น้องคู่นี้ เป็นสิ่งที่น่าตีความว่า แท้จริงแล้ว ลูซิล เสน่หาโทมัสแบบใดกันแน่ โดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อว่า ลูซิล มองโทมัสในฐานะสามี แต่ลูซิล มองโทมัส ในฐานะของ ของเธอ ของที่ต้องเป็นของเอตลอดไป และจะเปลี่ยนมือไปเป็นของใครไม่ได้ สังเกตได้จากการยึดมั่นในคำสัญญา ที่ว่าเธอจะยอมให้โทมัสดำเนินการตามแผนการใช้น้องชายเป็นเหยื่อล่อในการหาเงินของเธอ แต่เธอก็จะไม่ยอมให้ โทมัส มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนใดเช่นกัน จนกระทั่งมาถึง รายของอีดิธ วันหนึ่งหลังจากที่ เธอรู้สึกหวาดกลัวต่อเหล่าวิญญาณในบ้าน โทมัส ได้อาสาพาเธอไปนอกเมือง เพื่อให้เธอผ่อนคลายความเครียดลงไป ประกอบกับเธอต้องไปรับของที่ไปรษณีย์ด้วย คืนที่พายุหิมะพัดอย่างไม่ปรานีนั้นเอง โทมัส ก็ได้ตกหลุมรัก อีดิธ อย่างหมดหัวใจ ไปกับสัมพันธ์สวาทนอกตระกูลครั้งแรกของตัวเขาเอง มันราวกับว่า เขารอคอยเวลาที่จะเป็นอิสระ จากสายตาสอดส่องและหวงแหนของ ลูซิล อยู่เสมอ มันจึงเป็นเหตุให้ ลูซิล จำต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการเร่งให้เกิดการตายของ อีดิธ เร็วกว่าที่เคย และแน่นอน ครั้งนี้ อุปสรรคดันไม่ใช่เวลา แต่กลับเป็นโทมัส ที่ขัดขวางเสียเอง นั่นยิ่งทำให้จิตใจของ ลูซิล กระเจิดกระเจิงเป็นการใหญ่อย่างกู่ไม่กลับ เธอวางแผนจัดฉากให้ อีดิธ เห็นสัมพันธ์ลับของเธอกับ โทมัส ผลักเธอให้ตกลงมาจากชั้นบนของปราสาท แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ ดร.อดัม ตามมาเคาะประตู ยืดชะตาชีวิตของสาวน้อยอีดิธไปได้อีกหนึ่งวัน
รายต่อมา ที่จะพูดถึง คือ โทมัส ชาร์ป โดยอนุสติลึกๆ นั้น โทมัส ยังคงมีจิตวิญญาณที่ไม่แปดเปื้อนไปกับความโสมม ที่พี่สาว ลูซิล ยัดเยียดใส่เอาไว้ในชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าตกกระไดพลอยโจร เกินกว่าจะคิดหรือนึกได้ว่าตัวเองจะสามารถขยับปลีกตัวหนีไปจากเงื้อมมือบังคับของ ลูซิล อย่างไร
นับตั้งแต่ การตายของ แม่ ผู้พิการในอ่างน้ำ และการตายของผุ้หญิง 4 ราย ซึ่งเขาเข้าไปพัวพันและมีส่วนร่วมในแผนการอันสกปรก โทมัส ก็ยิ่งระอาใจอยู่ลึกๆเสมอ ในพฤติกรรมของพี่สาว แต่เขายังคงมีหวังลึกๆ หวังในสิ่งที่ตัวเองถนัด
ความฝันที่จะสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ได้ผล ความฝันที่จะไม่ต้องไปขูดรีด หาเงินเอาจากเหยื่อรายใดๆ อีกต่อไป
ผมเข้าใจว่า โทมัส กับ ลซิล คงมีการตกลงกันประมาณหนึ่ง นั่นคือ ลูซิล จะยอมให้โทมัส ไปขอความช่วยเหลือ ขอเงินทุนในการทำตามความฝันของ ตัวเขาเอง แต่ถ้าเขาล้มเหลว เขาจะต้องทำตามแผนการของ ลูซิล นั่นคือ หาทางเอาเงินมาจาก ลูกสาวของเหล่าเศรษฐีแต่ละเมืองที่เขาเดินทางไป จวบจนมาถึง อีดิธ นั่นแหละ ความผิดหวังที่ฉายชัดไปในแววตาของ โทมัส ไม่ใช่ความผิดหวังที่เขาทำไม่สำเร็จ แต่เป็นความเศร้าผิดหวัง เพราะรู้ถึงสิ่งที่จะตามมา ความตาย การหลอกลวง และความพินาศของชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังจะมาถึง นั่นเอง
หลายคนอาจมีคำถามว่า ก็ในเมื่อพ่อของ อีดิธ เซ็นเช็ค ให้แล้ว เหตุใด เขาจึงต้องตายด้วยล่ะ เหตุใด ลูซิล ยังต้องฆ่าเขาด้วย ทำไมไม่หอบเอาเงินนั่น แล้วกลับไปที่ Crimson Peak ซะ
ท่านผู้อ่านครับ ต้องเข้าใจว่าในรายของพ่ออีดิธ นั้น เป็นรายที่มีความพิเศษ ต่อตัวผู้รายสองคน อยู่สองประการ
กล่าวคือ พ่อของอีดิธ ลงทุนจ้างนักสืบ เพื่อสืบว่า โทมัส เป็นใคร ทำอะไรมา ซ้ำยังรู้ด้วยว่า เขาแต่งงานแล้ว
การที่โทมัสถามว่า อีดิธ ร้เรื่องนี้หรือยัง ในห้องที่มีเพียง พ่อของีดิธ โทมัส และ ลูวิล นั้น โทมัส ถามเพื่อตัวเอง เพียงเพราะเขาไม่อยากให้อีดิธรู้ความจริง และลดความรักในตัวเขาลงไป แต่ ลูซิล นั้น คิดแผนการเอาไว้เสร็จสรรพแล้วว่า จะต้องปิดปากตาเฒ่าคนนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่เช่นนั้น ความลับอื่นๆ จะถูกเปิดโปงกันหมดทั้งตระกูล
การที่โทมัส ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ พ่ออีดิธ เขาเองก็ตั้งใจไว้ จะให้อันตรายทุกประการ พ้นไปจากตัวของอีดิธ จึงต้องฝืนใจพูดหยามงานเขียน และทัศนคติ ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่า เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตของเธอ เป็นเพราะ ความรัก นั่นเอง
นี่จึงอาจสรุปได้ว่า โทมัส รักอีดิธมากพอ ที่จะปกป้องในชั้นแรก ให้เธอพ้นไปจากความชั่วช้าของ ลูซิล แต่ทว่า ด้วยความรักอีกนั่นเอง ที่ทำให้เขาทำเรื่องที่ผู้ชายหลายคนห้ามให้ตัวเองไม่ได้ทำไม่ได้ นั่นคือ การง้อหญิงที่ตนรัก
ในวันที่เขาจะเดินทางไป เขาได้ฝากจดหมายไปถึง อีดิธ และเล่าถึงสิ่งที่เขาถูกบังคับ อีดิธ อ่านข้อความโดยตลอด มีความเข้าใจและสงสารโทมัส ชายที่ตนรักอย่างมาก เธอตรงดิ่งมาที่โรงแรม คิดว่าไม่ทันเสียแล้ว แต่โทมัส ก็กลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเธออีกครั้ง พร้อมกับคำพูดว่า “ผมไม่สามารถทำได้”
ตรงนี้ เชื่อว่าเป็นแผนการของ ลูซิล แล้ว ที่ให้โทมัส กลับมาหาลูซิล เพราะเป็นเหตุการณ์ในลำดับที่พ่อของอีดิธ ถูกฆาตกรรม แผนการที่สองของ ลูซิล ดำเนินต่อไป
โทมัส กระวนกระวายใจ ตลอดเวลา เขาต้องครุ่นคิด ทั้งสิ่งที่ตัวเองพยายามจะทำ และหักห้ามใจที่จะมีอะไรเกินเลยกับอีดิธอยู่เสมอ ทั้งๆที่แต่งงานแล้วโดยถูกต้องทุกประการ
จนกระทั่งความสัมพันธ์ในคืนที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะนั่นเอง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของตัวละครให้ดำเนินไปรวดเร็วยิ่งขึ้น ตรงนี้เองที่เหตุการณ์ได้ไปประสานรอยต่อ กับส่วนที่ได้บรรยายเรื่อง ลูซิลเอาไว้ พอดี
จึงเป็นที่มาของ บทสรุปของ Crimson Peak ที่จะเปิดเผยทุกปริศนา ในปราสาทพุพังตั้งตระหง่านอยู่กลางแผ่นดินสีแดงฉานประดุจโลหิตมนุษย์แห่งนี้...
บทสรุป : ปริศนาใน Crimson Peak ไม่ได้อยู่ที่วิญญาณแม่ของ ลูซิล และโทมัส หรือ วิญญาณของ อีโนล่า ที่ตายอย่างทรมานและศพถูกอำพรางไว้ในบ่อใต้ดิน แต่อยู่ที่ สภาพจิตใจของผู้เป็นจุดเริ่มต้นความสยดสยองในปราสามแห่งนี้
นั่นคือ ลูซิล ความเจ็บป่วยทางจิต ของเธอไต่ระดับมาจากความรุนแรงในครอบครัว และการทำร้ายร่างกายของแม่ เธอเก็บ มีด ที่ใช้จามหัวของแม่ เอาไว้เป็นสมบัติชิ้นโปรดในห่อที่พันเอาไว้อย่างดี อีกสาเหตุหนึ่งที่เธอไม่ยอมให้โทมัส และตัวเอง ออกไปจาก Crimson Peak เพราะดวงจิตเธอยึดติดอยุ่กับสถานที่อันเป็นจุดเริ่มของทุกสิ่งแห่งนี้ ราวกับว่า เธอต้องการตายที่นี่ซักวันใดวันหนึ่งในอนาคตที่ยาวนานไปพร้อมกับโทมัส น้องชายของเธอ และเธอก็ได้มันไป
แต่ในทางกลับกันเราจะเห็นว่า โทมัส ได้ตระเตรียมแผนการไว้ เขาเลือกที่จะกระซิบกับ ดร.อดัม เพื่อให้ชี้จุดที่แทงไปแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ และลวง ลูวิลให้ตายใจ เขาเลือกและพร้อมแล้วที่จะตาย โดยรู้อยู่ในใจ ว่าอีดิธจะได้รอดออกไปใช้ชีวิตที่สมควรจะได้ใช้ของเธอ
ในฉากจบเราจะได้เห็นยินคำพูดที่เป็นตัวบอกสภาพจิตใจของเธอออกมาเองว่า “ฉันจะฆ่าแกจนกว่าแกจะตาย หรือไม่ก็จนกว่าแกจะฆ่าฉันตาย”
เธอไม่มีทางหยุดโดยสติรู้คิด นอกจากความตาย เพราะสิ่งเดียวที่ยึดโยงสติเอาไว้กับความเป็นคน ก็คือ โทมัส ในเมื่อโทมัสได้ตายไปแล้ว ด้วยน้ำมือของเธอ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บงำสิ่งใดอีกต่อไป
และหากมองให้ลึกลงไปอีกแง่มุม ในวินาทีสุดท้ายที่ ลูซิล เห็นวิญญาณของโทมัส เธออาจฉุกคิดได้ว่า ความตาย จะทำให้เธอได้ไปพบกับโทมัสอีกครั้ง
เธอจึงยอม ยอมที่จะถุก อีดิธ ฆ่าตาย และ เธอจะได้กลับไปบรรเลงเปียโนบทเดิม ในปราสาทสีเลือดของเธอ รอการกลับมาของ โทมัส วิญญาณรักที่เธอหวังจะผนึกเอาไว้ใน Crimson Peak ตลอดกาล...
- E n d C r e d i t M a n -