สำหรับคนที่อยากรู้เนื้อเรื่องของคำสาปเจ้าหญิงนิทรา
หนังแนวGothic ผี ปีศาจ คำสาปและความลับ
เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำสายโกธิคให้ดูนะ (ถ้าเบื่อง่ายไม่แนะนำให้ดู หนังเอื่อยมากกกก)
แต่เรื่องนี้ถ้าเทียบกับ Crimson Peak แล้ว
ออกแนว Dark Gothic นะ ไม่ค่อยมีสีสัน คุมโทนดำ เทา ฟ้า ม่วง ทั้งเรื่อง
ให้อารมณ์หม่นกว่าCrimson Peak อาจจะเพราะธีมเรื่องมีแต่ผีกับความลับก็ได้
สำหรับใครไม่อยากดู ไม่กล้าดู หรือชอบอ่าน
เราแกะมาทุกฉาก ทั้งเรื่อง ตัดทิ้งบางส่วนแค่บทสนธนาเล็กๆน้อยๆ
ถ้าไม่ขี้เกียจอ่าน ก็เชิญเลยจ้าาาา
***ลินดา & ก.ไก่ไม่ค่อยถูกกันอ่ะ
5555555555555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เปิดเรื่องมาโทมัส ไคเซอร์กำลังฝัน ในความฝันเขาอยู่กลางทะเลทราย ด้านหน้าเป็นเหมือนกระโจมสีขาวผ้าพริ้วๆ ด้านหน้าทางเข้ามีรูปปั้นเหมือนอนูบิสยืนอยู่ ด้านในมีหญิงงามในชุดโกธิคนอนหลับอยู่ ขณะที่กำลังจะจูบหญิงสาวสวยที่นอนอยู่ จู่ๆภาพก็ตัดไปที่บ้านร้างและเสียงรบกวนจากปีศาจ ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา และคิดว่าตัวเองโดนผีอำ ซึ่งโทมัสเป็นจิตกร มักจะหมกมุ่นอยู่ในห้องและวาดภาพหญิงสาวในความฝันกับสถานที่ในความฝัน เพื่อนเข้ามาชวนออกไปสังสรรค์ก็ไม่ไป พออาการผีอำหนักเข้าก็ไปพบจิตแพทย์แต่ก็โดนสวดกลับมาว่าหมกมุ่นและเหนื่อยมากเท่านั้น
ตัดภาพมาขณะที่กำลังนั่งวาดภาพอยู่ในสวนก็ได้ยินเสียงหญิงสาวเรียก “โทมัส...” พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นแค่ชายกระโปรงวิ่งเข้าพุ่มไม้ไป ขณะที่กำลังชะเง้อมองด้วยความสงสัย กริ๊งงงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “โทมัส ไคเซอร์ใช่มั้ยคะ สวัสดีค่ะดิฉันแคทเธอรีนจากสำนักงานจัดการด้านทรัพย์สิน คุณพอจะแวะมารับมรดกของคุณได้มั้ยคะ”
ฉากตัดมาที่สำนักงานจัดการด้านทรัพย์สิน โทมัสกำลังสำรวจเอกสารมรดกที่ได้จากไคลด์ ไคเซอร์ คุณลุงผู้ลึกลับและไม่เคยติดต่อกันเลย ซึ่งบ้านและที่ดินที่ได้รับเป็นมรดกของตระกูลที่ถูกส่งต่อมาสู่ลูกผู้ชายภายในตระกูลเท่านั้น และอยู่ห่างจากตัวเมืองถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งโทมัสไม่ได้สนใจและอยากจะขายมันและเพราะว่าที่ดินไม่เคยถูกขายเลยดังนั้นการจะประเมินราคาเป็นเรื่องยากแคทเธอรีนจึงแนะนำให้โทมัสไปสำรวจที่ดินด้วยตัวเองก่อน พอโทมัสเปิดเอกสารอีกฉบับที่ลุงส่งมาให้ก็เจอกับภาพบ้านร้างหลังใหญ่ซึ่งมันเหมือนกับบ้านร้างในความฝันของเขา ก่อนเสียงหญิงสาวจะดังขึ้นมาในหัวพร้อมขอความช่วยเหลือ”โทมัส ช่วย ด้วย โทมัส ช่วย ฉัน ด้วย”
หลังจากกลับจากสำนักงานจัดการฯ โทมัสก็เปิดจดหมายของลุงที่แนบมากับรูปบ้าน ใจความของจดหมายพูดถึง ยายและแม่ของโทมัสที่พยายามกีดกันลุงและโทมัสไม่ให้มาพบกันเพราะคำสาปของตระกูล(ในจดหมายพูดว่า ผู้ชายในตระกูลมีสิ่งเลวร้ายที่มากับเราตั้งแต่เกิด) ซึ่งลุงดูแลบ้านไคเซอร์การ์เด้นมา 40 ปีแล้วและพอแล้ว อยากจะส่งต่อให้โทมัส และเพราะสายเลือดของโทมัส เขาสามารถเข้าถึงได้ทุกห้องภายในบ้าน แต่ลุงแนบคำเตือนมาด้วยว่า ห้ามไปห้องลับใต้ดินเด็ดขาด จงเชื่อคำลุงนะหลาน มันมีเหตุผลที่ถูกปิดไว้พร้อมสิ่งของที่ใช้ปกป้องจากเงื้อมมือของผู้บุกรุก ขอให้โชคดี มันคือคำสาปและคำอวยพร ขอให้วิญญาณอยู่ข้างหลาน เมื่ออ่านจดหมายจบ โทมัสก็รีบเก็บกระเป๋าขับรถออกไปทันที
เมื่อโทมัสขับรถไปถึงไคเซอร์การ์เด้นก็เป็นช่วงดึกแล้ว เขาได้ยินเสียงหญิงสาวร้องเรียกลอยมาอีกครั้ง เขาเดินไปเปิดประตูแต่มันถูกล็อกเอาไว้ เมื่อมองผ่านกระจกมัวๆเข้าไปก็เห็นเหมือนกับหุ่นรูปปั้นเหมือนคนสีขาวมากมายอยู่หน้าประตู เขาจึงอ้อมไปอีกฝั่งของตัวบ้าน แต่เพราะมันเป็นคฤหาสห์กว้าง ขี้เกียจเดินสำรวจจึงไปเอาเหล็กในรถมางัดประตูแทน พอเปิดประตูได้ หุ่นที่เคยยืนขวางด้านในหายไปหมดแล้ว ภายในบ้านเต็มไปด้วยรูปปั้นหัวมนุษย์สีขาว วางเกะกะทุกมุม รูปปั้นเทพตามสถาปัตยกรรมกรีกถูกโซ่ล่ามไว้ ในขณะที่โทมัสกำลังสำรวจบ้าน ผีทิชชู(เหมือนซอมบี้แต่ก็เหมือนมัมมี่ขอเรียกผีทิชชู่)ก็เดินแว๊บๆโชว์ความผอมอยู่ข้างหลัง บ้านเหมือนจะต้อนรับโทมัส เพราะมีระบบออโตเปิดให้ตลอด ภายในห้องที่เชื้อเชิญโทมัสมีหุ่นคนสีขาวยืนเกะกะอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางห้องมีเชิงเทียนแบบยาวๆทรงเรือสุพรรณหงส์วางอยู่บนตู้ที่เหมือนตู้วางของทำพิธีกรรม ขณะที่โธมัสจะเอื้อมมือไปจับ ผีทิชชู่ก็กระแทกประตูเล่น โทมัสจึงสวัสดีและเดินตามหา กลับไปพบกับหญิงสาวนางหนึ่ง(ใจกล้ามากนะ) ซึ่งเธอคือ ลินดา โคลแมน เป็นเหมือนเลขาสำนักงานจัดการทรัพย์สินที่เอากุญแจบ้านมาให้และจัดหาผู้ประเมินบ้านให้ ทั้งคู่ยืนคุยกันเจาะแจะในบ้านท่ามกลางงานปั้นหุ่นสีขาวและสายตาที่จับจ้องพวกเขาอยู่ แล้วจู่ๆลิน็ถามหาจดหมายของไคลด์ แอบสร้างความสงสัยให้โทมัสนิดๆ แต่ก็หายไปเมื่อเจอรอยยิ้มหวานๆ ลินดาแก้เก้อขอโทษและขอตัวกลับ
โทมัสกลับบ้านมานอนและฝันถึงหญิงสาวอีกครั้ง แต่ในสถานที่ใหม่ คืนนี้เขาพบหญิงสาวนอนในรังนกขนาดใหญ่ริมน้ำตกเธอตื่นขึ้นมาและคุยกับโทมัสเป็นครั้งแรก พวกเขาคุยกันเจาะแจะเกี่ยวกับความฝันนี้ว่าเหมือนจริงเกินไปและในโลกแห่งความจริงหญิงสาวก็อยู่ใกล้เขา นั่นทำให้หญิงสาวตื่นจากหลับใหล(ความฝัน) ก่อนที่เธอจะแนะนำตัวว่าชื่อไบรอา โรส และไม่ใช่เจ้าหญิงนิทรา นางบอกว่าในความเป็นจริงร่างยังหลับใหลอยู่และกำลังรอจุมพิตจากโทมัสและกำลังจะจูบกัน ก่อนจะถูกรบกวนจากปีศาจคลุมหน้า “โทมัส อย่าไป” ไบรอาเรียกโทมัสในความฝัน โทมัสตื่นขึ้นมาในสภาพผีอำ ก่อนที่ปีศาจคลุมหน้าจะคลืบคลานมาจากทางปลายเท้าช้าๆและ ตุ๊บ ตื่นจากฝันซ้อนฝัน
วันต่อมาผู้ประเมินชื่อบิลลิ่งมาตีราคาที่บ้านร้างซึ่งก็โดนติสภาพบ้านยับเยินเลย ก่อนที่โทมัสจะถามเขาเรื่องสิ่งผิดปกติเช่น ผี ภายในบ้าน บิลลิ่งบอกว่า หลายปีมานี้มีคนหายแถวนี้ 2-3 คน แต่ตำรวจก็มาค้นบ้านแล้วไม่พบหลักฐานหรืออะไรผิดปกติ แต่นั่นก็ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นเพราะบ้านลึกลับนี่และพาลไม่ชอบลุงของเขาไปด้วย บิลลิ่งแนะนำให้ซ่อมไฟฟ้าก่อนแล้วจะมาอีกรอบพร้อมแนะนำช่างไฟคนเดียวในเมืองให้ ก่อนจะแนะนำให้เข้าไปสำรวจห้องใต้ดินเพราะไม่มีปรากฏอยู่ในแปลนบ้านก่อนทำการประเมินครั้งหน้า (บิลลิ่งคิดจากประสบการณ์ว่าเป็นคลังสมบัติ ก็แหงหล่ะไม่อยู่ในแปลนนี่หว่า) พอบิลลิ่งกลับไปโทมัสก็เลยเข้าไปสำรวจความเสียหายของไฟฟ้าก่อน พอซ่อมได้แล้ว ไฟก็ติด(แน่สิ) และตรงที่เคยเป็นที่วางเทียนก็ปรากฎขึ้นชัดๆด้วยไฟสีแดงแสนเชิญชวน บนชั้นนั้นเหมือนจะเป็นตู้ที่มีชั้นวางของประกอบพิธีกรรม มีกริซที่ด้ามจับเป็นรูปตา
และเพราะไฟฟ้ามา ทำให้เขาสังเกตเห็นสัญลักษณ์วงกลมที่ฐานเชิงเทียนก่อนจะทะลึ่งกด ปุ๊งง เสียงเหมือนประตูเปิด แต่ทุกอย่างยังนิ่งสนิท โทมัสพยายามดันตู้หลังนั้น ดันซ้ายก็แล้ว ขวาก็แล้วไม่ขยับเลย สังเกตมุมบนมุมล่างก็ไม่มีอะไรเลยหยิบแจ็กแกตกลับบ้าน มีเสียงแปลกๆเรียกก็ไม่สนหรอก เปิดประตูไม่ได้
โทมัสไปยังสำนักกองเสมียนเทศบาลและขอดูบันทึกอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลไคเซอร์ (พอบอกว่าเป็นไคเซอร์การ์เด้นเจ้าหน้าที่ตกใจร้อง “อ้าว” เลย ตกใจแต่ร้องอ้าว งงมะ) โทมัสเปิดแฟ้มกางดูแปลนบ้านก็พบว่า บ้านได้รับการรับรองครั้งสุดท้ายในปี 1975 และพบกับกระดาษโน๊ตที่ถูกเขียนด้วยลายมือถึงเรื่องราวปริศนาที่เกิดขึ้นในบ้าน เช่น อะไรที่ทำให้การสำรวจครั้งแรกไม่ผ่าน ใครอยู่ที่นั่นตอนเขาหายไป มีใครอยู่ในบ้านอีก จู่ๆโทมัสก็ปวดท้องและล้มลงก่อนจะมีเสียงลึกลับไม่เป็นภาษาดังมาและมองเห็นภาพข้างหน้าเลือนลางสลับไปมาเป็นภาพของไบรอาตัดกับภาพข้างหน้าที่มองเป็นบุคคลลึกลับ 3 คนยืนจ้องมองมาที่เขาก่อนจะหายไปพร้อมอาการปวดท้องนั้น
โทมัสมาดักลินดาที่บาร์ก่อนจะขอคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่พบที่กองเสมียนฯ เขาบอกเธอว่าบ้านมีอายุมากกว่าที่ถูกบันทึกไว้ซึ่งชื่อแรกสุดในบ้านมาจากปี 1876 โดยเจคอป ไคเซอร์ ลินดาตีหน้ามึนสงสัยว่าทำไมเขามาขอข้อมูลเพิ่มจากเธอ ก่อนที่โทมัสจะหยิบโน๊ตที่ถูกเขียนด้วยลายมือที่พบในแฟ้มให้เธอและบอกว่ามันตรงกับลายมือของเธอ ซึ่งนั่นทำให้ลินดาโกรธมาก โทมัสพยายามคาดคั้นสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับไคเซอร์การ์เด้น (โทมัสเพิ่งได้บ้านมา 2 วัน แต่ลินดาสืบเรื่องบ้านมาหลายเดือนแล้ว) ก่อนที่เธอจะบอกว่าเธอมาตามหาพี่ชายที่เธอเชื่อว่าตายอยู่ในนั้น(เขาที่หมายถึงในโน๊ตคือลุค)และมีคนอีก 52 คนตายในนั้นในช่วง 125 ปี ซึ่งลินดาเชื่อว่ามีสิ่งเลวร้ายอยู่ที่นั่น ซึ่งโทมัสไม่ได้สนใจ เขาแค่อยากขายบ้านแล้วรีบไปจากเมืองนี่ พูดจบโทมัสก็ทรุดลงอาการเหมือนตอนอยู่สำนักกองเสมียน ภาพเลือนรางตรงหน้าคือลินดาตัดสลับไปมากับปีศาจคลุมหน้า บ้านร้าง หุ่นสีขาว เครื่องปั่นด้ายโบราณและปีศาจคลุมหน้าอีก เสี้ยวสุดท้ายคือลินดาและหมอ หมอบอกว่าเป็นอาการ panic และให้ยานอนหลับไป
ห่วงสู่การหลับของโทมัส เขาพบว่าตัวเองเข้ามาในความฝัน(อีกแล้ว) เสียงของไบรอาที่เรียกให้ไปหา นางบอกกับโทมัสว่าเขาคือคนเดียวที่จะช่วยนางได้ เขาคือเจ้าแห่งดินแดนที่นางถูกสาปไว้ ในความฝันเขาอาจจะไม่ใช่คนวิเศษ แต่ในชีวิตจริงเขามีพลังมหาศาล (ทอแหลม ดูออก) และบอกว่าเป็นเพราะปีศาจคลุมหน้า ซึ่งไบรอาบอกว่าปีศาจคลุมหน้าเป็นเพียงผู้บุกรุกในโลกของโทมัส ปีศาจคลุมหน้าทำให้ไบรอาติดค้าง หากไม่ลบคำสาปของปีศาจคลุมหน้า เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วโทมัสก็ถามถึงวิธีลบคำสาป นางก็พูดอ้อมๆ แต่บอกว่าหากอยู่ห่างจากไคเซอร์การ์เด้น โทมัสจะสั่นแล้วทรุดนั่นเป็นคำสาป ก่อนจะย้ำว่าสายเลือดปลุกนางได้และเปิดได้ทุกประตู ก่อนที่นางจะบอกว่า”ท่านต้องรีบตื่นแล้ว” ปึ้งงง
โทมัสตื่นมาพร้อมแดดจ้าในช่วงบ่ายแก่ๆบนโซฟาในบ้านของลินดา ซึ่งก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลิน็บอกคุณช็อกแต่ไม่เป็นไรแล้วฉันพาไปโรงบาลแต่คุณขอกลับมา(ละเมอ) พอถึงบ้านคุณก็ไม่เป็นอะไร ก่อนที่ลินดาจะเปิดรูปในคอมให้โทมัสดู(เป็นรูปลินดา&ลุค) ตอนแรกโทมัสก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆลินดาถึงเปลี่ยนใจมาช่วย แต่ลินดาบอกว่าสนใจเรื่องเดียวกันก็น่าจะช่วยกัน นางแค่อยากหาพี่ให้เจอ โทมัสสงสัยว่าพี่ชายนางอยู่ที่นี่หรอ นางก็เล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้วไม่ได้อยู่ที่นี่บ้านนางอยู่โอเรกอน พี่มาอยู่กับแฟน พอพี่หายไปก็ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะฟื้นใจดี นางเลยมาเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ที่นี่(พอร์ดแลนด์) ซึ่งนางคิดว่าเป็นทางเดียวที่อาจจะช่วยได้ ซึ่งในคืนที่หายไป พยานบอกว่าลุคพี่ชายลินดาเมามากับแฟนแล้วคึกเข้าไปสำรวจไคเซอร์การ์เด้น ก่อนจะหายตัวไป และทุกๆ 2-3 ปีจะมีคนหายไป ก่อนที่ลินดาจะเล่าว่าเจ้าของบ้านหลังนี้รุ่นก่อนๆมีหลายคนที่พยายามทำลายบ้าน และเผาบ้านทิ้ง แต่ไม่นานพวกเขาเหล่านั้นก็ตาย ตายอุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย ผู้ชาย เก็บตัว (หมายถึงทุกคนมีลักษณะคล้ายๆกัน) เป็นแบบนี้มาทุกรุ่น ลินดาเชื่อว่าเป็นเพราะเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่โทมัสคิดว่าเป็นเรื่องของคำสาป เมื่อความเห็นไม่ตรงกันลินดาจึงขอดูจดหมายของไคลด์ ไคเซอร์ ลินดาบอกว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับสายเลืยด ก่อนที่โทมัสจะคิดบางอย่างออกและชวนลินดาออกไป
พวกเขากลับไปยังไคเซอร์การ์เด้น กลับไปยังห้องชั้นใต้ดินที่วางเชิงเทียนรูปเรือสุพรรณหงส์ โทมัสมั่นใจว่ามีห้องลับอยู่ข้างหลังนั่น และลิน็มั่นใจจากข้อความในจดหมายของไคลด์เช่นกัน ลินดาสังเกตที่ตราบนเชิงเทียน เธอคิดว่าสิ่งที่ติดแห้งแกร๋งอยู่บนวงกลมนั้นคือเลือด โทมัสเองก็คิดเช่นนั้น และเขาก็สังเกตกริซด้ามตาอีกรอบ “สายเลือด” ลินดาย้ำก่อนที่จะมองหน้ากันว่า ใช่แน่ๆเลย โทมันจึงเอานิ้วจิ้มปลายกริซ และเอานิ้วเปื้อนเลือดนั้นกดปุ่มอีกรอบ ปึ้ง ห้องแห่งความลับได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
[Spoiler] The Curse Of Sleepig Beauty
หนังแนวGothic ผี ปีศาจ คำสาปและความลับ
เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำสายโกธิคให้ดูนะ (ถ้าเบื่อง่ายไม่แนะนำให้ดู หนังเอื่อยมากกกก)
แต่เรื่องนี้ถ้าเทียบกับ Crimson Peak แล้ว
ออกแนว Dark Gothic นะ ไม่ค่อยมีสีสัน คุมโทนดำ เทา ฟ้า ม่วง ทั้งเรื่อง
ให้อารมณ์หม่นกว่าCrimson Peak อาจจะเพราะธีมเรื่องมีแต่ผีกับความลับก็ได้
สำหรับใครไม่อยากดู ไม่กล้าดู หรือชอบอ่าน
เราแกะมาทุกฉาก ทั้งเรื่อง ตัดทิ้งบางส่วนแค่บทสนธนาเล็กๆน้อยๆ
ถ้าไม่ขี้เกียจอ่าน ก็เชิญเลยจ้าาาา