เราชอบคิดว่าตัวเองอยู่ในยุคที่เจริญและมีเหตุผลแล้วใช่มั้ยล่ะ? แต่พอพูดถึงความตายขึ้นมาทีไร ความเชื่อแปลกๆ ก็โผล่มาเต็มไปหมด! (ใครเคยรู้สึกแปลกๆ เวลาจะพูดถึงคนตายในแง่ไม่ดีบ้าง ยกมือขึ้น!) แต่บอกเลยว่าเทียบกับบรรพบุรุษเราไม่ได้เลย! พวกเค้าจริงจังกับเรื่องความตายแบบ... โคตรจริงจัง! สำหรับพวกเค้า ความตายไม่ใช่แค่เรื่องน่าเศร้า แต่มันคือเวลาที่ต้องทำพิธีกรรมสุดอลัง เพื่อปกป้องคนเป็นจาก... เอิ่ม... ผี? ปีศาจ? อะไรซักอย่าง! 👻
เพราะฉะนั้น พิธีศพโบราณไม่ได้มีไว้แค่ส่งคนตายไปสู่สุคติ แต่มันคือการปกป้องคนเป็นด้วย! แล้วนี่คือ 4 พิธีศพสุดเพี้ยน ที่ Fact Fun ไปขุดมาให้:

อียิปต์โบราณ: ใช้แรงงานกันยันชาติหน้า
ชาวอียิปต์โบราณจริงจังกับเรื่องชีวิตหลังความตายแบบ... สุดๆ! พวกเค้าคิดว่าชีวิตจริงเพิ่งจะเริ่มต้นตอนตายไปแล้ว! แล้วชีวิตหลังความตายของฟาโรห์จะหรูหราได้ไง ถ้าไม่มีคนรับใช้?

ก็เลยเอางี้เลย! ฆ่าพวกคนรับใช้ ทหาร ช่างฝีมือ เมียๆ ทั้งหลาย แล้วเอาไปฝังพร้อมฟาโรห์! จะได้ไปปรนนิบัติพัดวีกันต่อในชาติหน้า! 😬
Ellen Morris ศาสตราจารย์ด้าน Ancient Studies จาก Columbia University บอกว่า ไอ้ประเพณีฆ่าคนไปรับใช้ในชาติหน้าเนี่ย มันเริ่มมาตั้งแต่สมัยฟาโรห์องค์แรกของราชวงศ์ที่ 1 เลยนะ! ฆ่ากันเป็นสิบๆ คน!

มันดูโหดร้ายใช่มั้ยล่ะ? แต่บางคนก็บอกว่า มันคือ "ความเมตตา" นะ! คือรับประกันว่าได้ไปสวรรค์ ได้ไปอยู่กับฟาโรห์ที่เป็นเหมือนพระเจ้า ยังไงก็ดีกว่าอยู่ต่อ แล้วโดนฟาโรห์องค์ใหม่ใช้งานหนักกว่าเดิม!

แต่ถึงอย่างนั้น นักอียิปต์วิทยาหลายคนก็รู้สึก... กระอักกระอ่วนใจ กับเรื่องนี้ เพราะปกติแล้ว พวกเค้าชอบบอกว่า ชาวอียิปต์โบราณเนี่ย เป็นคนดี มีเมตตา บลาๆๆ

ซากาลัสซอส, ตุรกี: กลัวผีจนสั่น
นักโบราณคดีที่ตุรกีไปขุดเจอหลุมศพแปลกๆ ที่บอกเลยว่า คนตายคนนี้... ไม่น่าจะป๊อปปูล่า! คือเค้าฝังคนตายไว้ระหว่าง 25 BCE ถึง 100 CE แล้วพิธีศพมัน... พิลึก!

เผาศพแล้ว แต่ไม่ย้ายเถ้ากระดูกไปไหนเลย! ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ!
เอาตะปูงอๆ ตอกล้อมรอบศพ! 🔨 (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม)
แล้วก็เอาอิฐกับปูนฉาบปิดทับหลุมศพ!

คือแต่ละอย่างมันก็ไม่แปลกเท่าไหร่นะ แต่พอเอามารวมกัน... มันโคตรจะ "จัดเต็ม" เกินไป!

นักวิจัยที่ขุดเจอหลุมศพนี้บอกว่า "หลังเผาศพแล้ว เราสังเกตเห็นการแทรกแซงที่ผิดปกติหลายอย่าง การวางตะปู ดูเหมือนจะเป็นการสร้างกำแพงเวทมนตร์ล้อมรอบซากศพ การเปลี่ยนพื้นที่เผาศพให้เป็นสถานที่ฝังศพ และการใช้ปูนฉาบอิฐปิดทับ ก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยเห็นในพิธีศพที่ซากาลัสซอสเลย"

สรุปคือ พิธีศพนี้ถูกออกแบบมาทุกขั้นตอน เพื่อ "กันไม่ให้คนตายหนีออกมาได้"! ตะปูงอๆ เนี่ย เค้าเอาไว้ "ตรึงวิญญาณของคนตายที่กระสับกระส่าย" ไม่ให้กลับมาหลอกหลอนคนเป็น! ส่วนฝาอิฐกับปูนหนาๆ ก็เอาไว้กดทับศพ เผื่อตะปูเอาไม่อยู่! แล้วปูนก็อาจจะช่วย "ฆ่าเชื้อ" ในตัวคนตายด้วย!

รายงานวิจัยสรุปว่า หลุมศพนี้แสดงให้เห็นถึง "ความกลัวผีอย่างรุนแรง"! ไม่ว่าคนตายจะตายด้วยวิธีไหน ตายแบบมีเงื่อนงำ หรือตายเพราะโรคติดต่อ คนเป็นก็กลัวว่าคนตายจะกลับมาแก้แค้น!

อังกฤษและไอร์แลนด์: ฝังมันซะที่สี่แยก!
ถ้ากดวิญญาณคนตายไว้ไม่ได้ ก็ทำให้มัน "งง" ซะ! จะได้หาทางกลับบ้านไม่ถูก! อย่างน้อย นี่คือความเชื่อของชาวอังกฤษและไอริชมานานหลายร้อยปี!
เค้าจะแบกศพไปฝังตาม "ถนนศพ" ที่กำหนดไว้เท่านั้น! จะได้ไม่มีผีมาหลอกหลอน! แล้วถ้าอยากให้ชัวร์ว่าผีจะไม่กลับมาจริงๆ ล่ะก็... ฝังมันซะที่ "สี่แยก"!

Paul Devereux บอกไว้ในหนังสือ Spirit Roads ว่า "ศพของคนที่ฆ่าตัวตาย จะถูกฝังไว้ที่สี่แยก เพราะการฆ่าตัวตายถือเป็นบาปอย่างร้ายแรง คนที่ฆ่าตัวตาย ก็จะเป็นคนนอกคอก แม้กระทั่งหลังความตาย การฝังในโบสถ์ก็เป็นไปไม่ได้ ส่วนสี่แยกก็มีข้อดีเพิ่มเติมคือ 'วิญญาณของพวกเค้าจะถูกผูกไว้ที่นั่น'" แล้วเค้าก็เอาตะแลงแกงไปตั้งไว้ที่สี่แยกด้วยนะ!

ประเพณีนี้มีมาตั้งแต่สมัยแองโกล-แซกซอน แล้วก็เพิ่งจะหายไปเพราะมีกฎหมายออกมาห้ามในปี 1820 นี่เอง! Shakespeare ยังเคยพูดถึงเรื่องนี้เลย! Puck ใน A Midsummer Night's Dream พูดถึงวิญญาณที่กระสับกระส่ายที่ "ถูกฝังไว้ที่สี่แยก"

Bill Angus กับ Lisa Hopkins บอกว่า Shakespeare กำลัง "อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ของสี่แยกในฐานะสถานที่ที่ใช้กักขังวิญญาณที่ไม่สงบ ของคนที่ฆ่าตัวตาย ฆาตกรที่ถูกประหารชีวิต และผู้ทรยศ ซึ่งอาจจะเดินเตร็ดเตร่กลับบ้านในยามค่ำคืน ไปยังสถานที่ที่พวกเค้าเคยเจอเหตุการณ์สะเทือนใจ"

"ที่สี่แยกนี้ พวกเค้าอาจจะถูกตรึงไว้ บางทีก็ถูกตรึงไว้จริงๆ การเคลื่อนไหวของพวกเค้าถูกยับยั้งไว้ ในสถานที่ที่แปลกประหลาด ที่เป็นทั้งทางผ่านและการเปลี่ยนแปลงถาวร"

โปแลนด์: จัดการแวมไพร์แบบถึงพริกถึงขิง! 🧛‍♀️
หลายคนคิดว่าแวมไพร์มาจากทรานซิลเวเนียใช่มั้ยล่ะ? ผิดถนัด! ถ้าดูจากหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว บ้านเกิดที่แท้จริงของ Dracula, Lestat และ Edward Cullen คือ... โปแลนด์!

ที่ Pień หมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโปแลนด์ มีหลุมศพ "แวมไพร์" หลายหลุมเลยนะ! มีผู้หญิงคนนึงถูกฝังโดยมีกุญแจคล้องนิ้วโป้งเท้า แล้วก็มีเคียววางพาดคอ! มีเด็กคนนึงก็ถูกคล้องกุญแจเหมือนกัน แล้วก็ถูกฝังคว่ำหน้าลงดิน! คือป้องกันสุดฤทธิ์!

ศาสตราจารย์ Dariusz Poliński บอกว่า "ลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ บ่งชี้ว่านี่คือสุสานสำหรับคนที่ถูกกีดกัน สำหรับคนที่ควรถูกลืม"

ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใหรือจน ผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็ก ถ้าถูกกลัวหรือถูกขับไล่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พวกเค้าก็จะถูกปฏิบัติแบบนี้หลังความตาย ถูกฝังในหลุมศพที่ไม่ระบุชื่อ โดยมีกุญแจคล้องไว้ แล้วก็มีมีดวางพาดคอ!

มันอาจจะดูงมงายนะ แต่มันก็สมเหตุสมผลในแบบของมัน! Lesley Gregoricka บอกว่า การวางเคียวไว้บนคอเนี่ย เค้าทำเพื่อป้องกันไม่ให้แวมไพร์ฟื้นขึ้นมาทำร้ายคนเป็น!

แล้วที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ ในปี 2015 นักโบราณคดีขุดเจอหลุมศพแวมไพร์อีก 5 หลุม ที่ Drawsko ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโปแลนด์! มีผู้หญิงคนนึงถูกฝังโดยมีเคียวพาดกระดูกเชิงกราน มีหินวางบนคอ แล้วก็มีเหรียญยัดปากไว้ด้วย!

แล้วล่าสุด (จนถึงตอนนี้) ที่ Chełm ทางตะวันออกของโปแลนด์ นักโบราณคดีก็ขุดเจอศพเด็ก 2 คน ถูกฝังคว่ำหน้า หัวถูกตัดแยกออกจากตัว แล้วก็มีหินหนักๆ ทับไว้ที่ลำตัว!

สำนักงานอนุรักษ์โบราณสถานประจำจังหวัดลูบลิน บอกว่า ลักษณะเหล่านี้คือ "ลักษณะของหลุมศพแวมไพร์" การฝังคว่ำหน้า การตัดหัว หรือการกดทับศพด้วยหิน เป็นวิธีที่ใช้ป้องกันไม่ให้คนที่ถูกมองว่าเป็นปีศาจออกจากหลุมศพ!

ที่โปแลนด์เนี่ย มันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้คนกลัวแวมไพร์กันขนาดนี้! ส่วนใหญ่ก็คือ ความโชคร้าย! คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแวมไพร์ มักจะเป็นเหยื่อคนแรกของโรคระบาด หรือไม่ก็เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของความโชคร้ายต่างๆ!

มันอาจจะดูน่ากลัวนะ แต่ในแง่นึง มันก็ดีกว่าวิธีจัดการกับผีร้ายแบบอื่น! Christopher Caes บอกว่า "การเป็นแวมไพร์ก็เหมือนเป็นการเห็นอกเห็นใจกันในระดับหนึ่ง เพราะแวมไพร์ตายไปแล้ว คุณไม่ต้องเผาใครทั้งเป็น ไม่ต้องประหารใคร ไม่ต้องขังใคร คุณแค่โทษคนตายก็พอ"

พิธีศพโบราณเหล่านี้ เผยให้เห็นถึงความเชื่อที่หลากหลายและน่าสะพรึงกลัวของวัฒนธรรมโบราณเกี่ยวกับความตาย! แม้ว่าเราอาจจะมองว่าพิธีเหล่านี้แปลกประหลาดหรือป่าเถื่อน แต่ก็ช่วยให้เราเข้าใจความวิตกกังวลและความเชื่อที่หล่อหลอมสังคมและพิธีกรรมของพวกเค้า

อ้างอิง : https://factfun.co/ancient-burial-practices/