บรรทัดทอง จากเดือด จ่อดิ่ง ค่าเช่าแพงเกิน ร้านเล็กปิดกิจการ ประกาศเซ้ง กูรูแนะ ทรัพย์สินจุฬาฯ ลดค่าเช่า
ทำเล “บรรทัดทอง” แหล่งรวบรวมรวมสตรีทฟู้ดชื่อดัง มีพื้นที่ตั้งแต่แยกพระราม 4 – แยกเจริญผล โดยมีความยาวประมาณ 1.5-1.8 กม. ซึ่งเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
แต่ในปี 2568 การเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในย่านนี้ที่มีร้านค้าขนาดเล็ก ประกาศขอเซ้งพื้นที่ และผู้ประกอบการบางส่วนที่เปิดมานานหลายสิบปีในทำเลแห่งนี้ ต้องประกาศปิดร้านค้าออกไปจากพื้นที่ ทำให้มีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับย่านการค้า “บรรทัดทอง” ที่กำลังบูมมาก!
“ธนินท์รัฐ ภักดีภิญโญ” ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีก หรือเรียกว่า “อาจารย์ใหญ่” ได้ร่วมวิเคราะห์ว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหาร ขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือเรียกว่า ผู้ประกอบการกลุ่มร้านอาหารสตรีทฟู้ด ได้เริ่มออกมาประกาศเซ้งกิจการจำนวนมาก บนถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นโครงการของ สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬา
ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์สาเหตุจากการสำรวจพื้นที่ และการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่เปิดขายร้านอาหารในทำเลบรรทัดทอง พบปัจจัยที่สำคัญหลายด้านทั้ง
- ค่าเซ้งสัญญา 3 ปี และต้องลงทุนเป็นจำนวนเงินหลักล้านบาท
- ค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท สองปัจจัยนี้คือต้นทุนคงที่ ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
-ค่าเงินเดือนพนักงาน ทั้งกุ๊ก พนักงานเสิร์ฟ เป็นต้น
- ต้นทุนจากค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า
-ค่าภาษีโรงเรือนหรือภาษีที่ดิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ
- ในทำเลทองแห่งนี้ ผู้ประกอบการสามารถขายอาหารได้เพียงช่วง 18.30 - 23.30 . เท่านั้น หรือประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ได้ขายอาหารได้ 24 ชั่วโมง จึงทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องขายอาหารต่อหน่วย ในราคาที่แพงมาก แต่เมื่อสำรวจลูกค้าที่มาใช้บริการ ประมาณกลุ่มลูกค้า 85% เป็นคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษา อาจมาใช้บริการได้ไม่บ่อย ซึ่งขัดต่อหลักการตลาดที่จะต้องทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมาใช้บริการเป็นประจำ จึงจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้
ทั้งนี้สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ จึงต้องมุ่งจัดกิจกรรมการตลาดในทุกรูปแบบ เพื่อดึงทราฟฟิก ในการกระตุ้นให้ผู้บริ โภคมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมควรพิจารณาลดอัตราค่าเช่าและค้าเซ้งลงมาในอัตราที่เหมาะสม
สำหรับการให้ส่วนลดค่าเช่า ควรปรับลดลงมาที่ 30-50% แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้า สามารถไปต่อได้ แบบ Win-win ในรูปมาตรฐานการบริหาร ที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ยึดถือปฏิบัติกันมา
อีกทั้งเมื่อประเมินอาคารพานิชย์ในทำเลแห่งนี้ ส่วนใหญ่มีอายุใช้งานประมาณ 50 ปี ถูกตัดค่าเสื่อมราคาไปแล้ว โดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ จึงแทบไม่มีมีต้นทุนในการบริหารพื้นที่ รวมถึงปัจจัยสำคัญคือ เมื่อประเมินภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ดี สะท้อนจากผู้ประกอบการต่างมีรายได้ที่ลดลง และมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ควรเร่งพิจารณาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องประสบภาวะขาดทุนจนต้องเลิกกิจการไปในที่สุด หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แต่หากไม่รีบแก้ไขในระยะเวลาไม่นาน โครงการนี้ อาจจะเสียหายตามไปด้วย
https://www.facebook.com/share/p/14drfyJhm3/
บรรทัดทอง จากเดือด จ่อดิ่ง ค่าเช่าแพงเกิน ร้านเล็กปิดกิจการ ประกาศเซ้ง กูรูแนะ ทรัพย์สินจุฬาฯ ลดค่าเช่า
ทำเล “บรรทัดทอง” แหล่งรวบรวมรวมสตรีทฟู้ดชื่อดัง มีพื้นที่ตั้งแต่แยกพระราม 4 – แยกเจริญผล โดยมีความยาวประมาณ 1.5-1.8 กม. ซึ่งเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
แต่ในปี 2568 การเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในย่านนี้ที่มีร้านค้าขนาดเล็ก ประกาศขอเซ้งพื้นที่ และผู้ประกอบการบางส่วนที่เปิดมานานหลายสิบปีในทำเลแห่งนี้ ต้องประกาศปิดร้านค้าออกไปจากพื้นที่ ทำให้มีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับย่านการค้า “บรรทัดทอง” ที่กำลังบูมมาก!
“ธนินท์รัฐ ภักดีภิญโญ” ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจค้าปลีก หรือเรียกว่า “อาจารย์ใหญ่” ได้ร่วมวิเคราะห์ว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหาร ขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือเรียกว่า ผู้ประกอบการกลุ่มร้านอาหารสตรีทฟู้ด ได้เริ่มออกมาประกาศเซ้งกิจการจำนวนมาก บนถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นโครงการของ สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬา
ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์สาเหตุจากการสำรวจพื้นที่ และการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่เปิดขายร้านอาหารในทำเลบรรทัดทอง พบปัจจัยที่สำคัญหลายด้านทั้ง
- ค่าเซ้งสัญญา 3 ปี และต้องลงทุนเป็นจำนวนเงินหลักล้านบาท
- ค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท สองปัจจัยนี้คือต้นทุนคงที่ ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
-ค่าเงินเดือนพนักงาน ทั้งกุ๊ก พนักงานเสิร์ฟ เป็นต้น
- ต้นทุนจากค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า
-ค่าภาษีโรงเรือนหรือภาษีที่ดิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ
- ในทำเลทองแห่งนี้ ผู้ประกอบการสามารถขายอาหารได้เพียงช่วง 18.30 - 23.30 . เท่านั้น หรือประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ได้ขายอาหารได้ 24 ชั่วโมง จึงทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องขายอาหารต่อหน่วย ในราคาที่แพงมาก แต่เมื่อสำรวจลูกค้าที่มาใช้บริการ ประมาณกลุ่มลูกค้า 85% เป็นคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษา อาจมาใช้บริการได้ไม่บ่อย ซึ่งขัดต่อหลักการตลาดที่จะต้องทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมาใช้บริการเป็นประจำ จึงจะทำให้ธุรกิจไปต่อได้
ทั้งนี้สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ จึงต้องมุ่งจัดกิจกรรมการตลาดในทุกรูปแบบ เพื่อดึงทราฟฟิก ในการกระตุ้นให้ผู้บริ โภคมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมควรพิจารณาลดอัตราค่าเช่าและค้าเซ้งลงมาในอัตราที่เหมาะสม
สำหรับการให้ส่วนลดค่าเช่า ควรปรับลดลงมาที่ 30-50% แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้า สามารถไปต่อได้ แบบ Win-win ในรูปมาตรฐานการบริหาร ที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ยึดถือปฏิบัติกันมา
อีกทั้งเมื่อประเมินอาคารพานิชย์ในทำเลแห่งนี้ ส่วนใหญ่มีอายุใช้งานประมาณ 50 ปี ถูกตัดค่าเสื่อมราคาไปแล้ว โดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ จึงแทบไม่มีมีต้นทุนในการบริหารพื้นที่ รวมถึงปัจจัยสำคัญคือ เมื่อประเมินภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ดี สะท้อนจากผู้ประกอบการต่างมีรายได้ที่ลดลง และมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ควรเร่งพิจารณาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องประสบภาวะขาดทุนจนต้องเลิกกิจการไปในที่สุด หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แต่หากไม่รีบแก้ไขในระยะเวลาไม่นาน โครงการนี้ อาจจะเสียหายตามไปด้วย
https://www.facebook.com/share/p/14drfyJhm3/