กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จี้รัฐออกมาตรการค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เห็นใน 2 เดือน ไม่ใช่ 4 เดือน เหตุยอดขายร่วงมาเป็นปี คาดปี 2568 ยังน่าห่วง เดือน ม.ค. ยอดผลิตรถทุกประเภทได้แค่ 107,103 คัน ลดลง 24.63% ยอดขาย 48,092 คัน ลดลง 12.26% ส่งออกเหลือ 62,321 คัน ต่ำสุดรอบ 33 เดือน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2568 ว่า ยังคงเป็นอีกปีที่น่าห่วง เพราะสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จึงขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจาก 4 เดือนเป็น 2 เดือน ด้วยเป็นระยะเวลาที่นานเกินไป และอาจไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาส 1/2568 นั้นปรับตัวดีขึ้น จากความล่าช้ายิ่งทำให้เป็นการฉุดดึงเศรษฐกิจชะลอตัวออกไปอีก
เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีซัพพลายเชนจำนวนมาก ทั้งยางล้อ ปิโตรเลียม เหล็ก หนัง กระจก ท่อเสีย หม้อต้มน้ำ ซึ่งซัพพลายเชนเหล่านี้จะได้อานิสงส์ต่อเมื่อมียอดผลิตรถเกิดขึ้นจริง ดังนั้นหากรัฐต้องการให้ GDP ประเทศโตมากกว่า 3% ตามเป้าจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา และผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศโตตามไปด้วย
“มันลากยาวมาตั้งแต่ปี 2567 โรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ต้องลดจำนวนโอที และได้เงินเดือนเพียง 75% ด้วยยอดผลิต ยอดขายรถมันตกลงมาหมด ยังคงเป็นอีกปีที่น่าห่วง แต่ถ้ารัฐช่วยได้เร็วมีการซื้อรถได้มากขึ้น ผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตราสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามไปด้วย”
สำหรับเดือนมกราคม 2568 พบว่า มีการผลิตรถทั้งสิ้น 107,103 คัน ลดลง 24.63% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะการผลิตขายในประเทศลดลงถึง 31.78% หรือ 32,059 คันเท่านั้น และการผลิตส่งออกลดลง 21.1% หรือผลิตได้เพียง 75,044 คัน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 48,092 คัน ลดลง 12.26% ผลจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ 2.5% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง โดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ
การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 62,321 คัน ลดลง 28.13% จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่
และจากเดือนธันวาคมมีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคม จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกได้น้อยในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 จดทะเบียนสะสม 242,076 คัน เพิ่มขึ้น 63.85%
ที่มา:
https://www.prachachat.net/economy/news-1760272?
ยอดส่งออกรถต่ำสุดรอบ 33 เดือน ขอรัฐค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะด่วน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2568 ว่า ยังคงเป็นอีกปีที่น่าห่วง เพราะสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จึงขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจาก 4 เดือนเป็น 2 เดือน ด้วยเป็นระยะเวลาที่นานเกินไป และอาจไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาส 1/2568 นั้นปรับตัวดีขึ้น จากความล่าช้ายิ่งทำให้เป็นการฉุดดึงเศรษฐกิจชะลอตัวออกไปอีก
เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีซัพพลายเชนจำนวนมาก ทั้งยางล้อ ปิโตรเลียม เหล็ก หนัง กระจก ท่อเสีย หม้อต้มน้ำ ซึ่งซัพพลายเชนเหล่านี้จะได้อานิสงส์ต่อเมื่อมียอดผลิตรถเกิดขึ้นจริง ดังนั้นหากรัฐต้องการให้ GDP ประเทศโตมากกว่า 3% ตามเป้าจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา และผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศโตตามไปด้วย
“มันลากยาวมาตั้งแต่ปี 2567 โรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ต้องลดจำนวนโอที และได้เงินเดือนเพียง 75% ด้วยยอดผลิต ยอดขายรถมันตกลงมาหมด ยังคงเป็นอีกปีที่น่าห่วง แต่ถ้ารัฐช่วยได้เร็วมีการซื้อรถได้มากขึ้น ผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตราสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามไปด้วย”
สำหรับเดือนมกราคม 2568 พบว่า มีการผลิตรถทั้งสิ้น 107,103 คัน ลดลง 24.63% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะการผลิตขายในประเทศลดลงถึง 31.78% หรือ 32,059 คันเท่านั้น และการผลิตส่งออกลดลง 21.1% หรือผลิตได้เพียง 75,044 คัน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 48,092 คัน ลดลง 12.26% ผลจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ 2.5% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง โดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ
การส่งออก รถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 62,321 คัน ลดลง 28.13% จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่
และจากเดือนธันวาคมมีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคม จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกได้น้อยในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 จดทะเบียนสะสม 242,076 คัน เพิ่มขึ้น 63.85%
ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-1760272?