“เผ่าภูมิ” เปิดมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ให้ บสย.คำประกันการซื้อรถยนต์กระบะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท ค้ำฟรี 3 ปี กระตุ้นตลาดยานยนต์ที่ซบเซา เปิดรับคำขอ 1 เม.ย.-30 ธ.ค.68 คาดปลดปล่อยรถปิกอัพ 6,250 คัน
วันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่กระทรวงการคลัง ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ซึ่งมาตรการนี้กระทรวงการคลัง โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันการซื้อรถยนต์กระบะ ในระยะแรก วงเงิน 5,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท โดย บสย.จะค้ำประกันและจ่ายส่วนต่างของภาระหนี้กับราคาขายทอดตลาดให้กับสถาบันการเงินตามเงื่อนไข โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ประชาชนใน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 รัฐบาลจะช่วยออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันเหลือเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด
มาตรการนี้จะเปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 30 ธันวาคม 2568 ซึ่งสอดรับกับช่วงเวลางานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 เป็นอย่างดี
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า มาตรการลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง คาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ช่วยเหลือและสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น SME ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่เพื่อประกอบอาชีพและสร้างรายได้
มาตรการนี้จะปลดปล่อยรถกระบะได้กว่า 6,250 คัน สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 5,000 ล้านบาท ลดความเสี่ยงและสร้างแรงจูงใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นอุตสาหกรรมรถกระบะ และช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และ Supply Chain เช่น ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้จำนวนมาก
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า ยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง ซึ่งไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค ก่อให้เกิดการผลิตและการจ้างงานจำนวนมาก โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอยู่ในภาวะหดตัว ยอดขายในประเทศลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งในส่วนของผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ Supply Chain อื่นๆ กระทบการจ้างงานจำนวนมาก นอกจากนี้รถกระบะเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในภาคเกษตรและตามต่างจังหวัด เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย เป็นต้น
ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ เนื่องจากมีความกังวลในความเสี่ยงในการชำระหนี้ของ SME และราคารถมือสองตกต่ำ เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน บยส.จะเป็นกลไกลดความเสี่ยงและเพื่อสร้างแรงจูงใจทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพิ่มการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์และช่วยให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพได้ต่อไป
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
เผ่าภูมิ” เปิดตัว “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ให้ บสย.ค้ำประกันซื้อรถปิกอัพวงเงิน 5,000 ล้าน คาดปลดปล่อยได้ 6,250 คัน
วันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่กระทรวงการคลัง ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดตัวมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ซึ่งมาตรการนี้กระทรวงการคลัง โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันการซื้อรถยนต์กระบะ ในระยะแรก วงเงิน 5,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท โดย บสย.จะค้ำประกันและจ่ายส่วนต่างของภาระหนี้กับราคาขายทอดตลาดให้กับสถาบันการเงินตามเงื่อนไข โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ประชาชนใน 3 ปีแรก ส่วนปีที่ 4-7 รัฐบาลจะช่วยออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันเหลือเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด
มาตรการนี้จะเปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 30 ธันวาคม 2568 ซึ่งสอดรับกับช่วงเวลางานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 เป็นอย่างดี
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า มาตรการลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จะกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง คาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ช่วยเหลือและสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น SME ที่ต้องการซื้อรถกระบะใหม่เพื่อประกอบอาชีพและสร้างรายได้
มาตรการนี้จะปลดปล่อยรถกระบะได้กว่า 6,250 คัน สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 5,000 ล้านบาท ลดความเสี่ยงและสร้างแรงจูงใจให้สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ และกระตุ้นอุตสาหกรรมรถกระบะ และช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และ Supply Chain เช่น ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้จำนวนมาก
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า ยานยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง ซึ่งไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค ก่อให้เกิดการผลิตและการจ้างงานจำนวนมาก โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอยู่ในภาวะหดตัว ยอดขายในประเทศลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งในส่วนของผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ Supply Chain อื่นๆ กระทบการจ้างงานจำนวนมาก นอกจากนี้รถกระบะเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในภาคเกษตรและตามต่างจังหวัด เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย เป็นต้น
ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะ เนื่องจากมีความกังวลในความเสี่ยงในการชำระหนี้ของ SME และราคารถมือสองตกต่ำ เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร่งด่วน บยส.จะเป็นกลไกลดความเสี่ยงและเพื่อสร้างแรงจูงใจทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพิ่มการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ให้กับ SMEs เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์และช่วยให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพได้ต่อไป
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์