“Man Made Destination” เมกะโปรเจ็กต์สำคัญและเป้าหมายอนาคตของประเทศไทยจะมีหน้าตาอย่างไร ยังน่าสงสัยและกังขา ทั้งรูปแบบและกระบวนการจัดการ ลองไปดูว่า “แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น” ที่ประสบความสำเร็จที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาอยู่ที่ไหนกันบ้าง
1. ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland & Disney World, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ)
อาณาจักรสวนสนุกอายุเกิน 100 ปี ด้วยจุดแข็ง “ไม่มีใครไม่รู้จัก” แบรนด์สวนสนุกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มีอาณาจักรในหลายประเทศ เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ผสมผสานคอนเทนต์ด้ารความบันเทิง เทคโนโลยี และจากแอนิเมชั่นอันโด่งดังด้วยตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ บวกการตลาดสุดพีกในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคนทุกเพศทุกวัย ดิสนีย์แลนด์ สร้างรายได้จากทั้งค่าตั๋ว ของที่ระลึก ร้านอาหาร และโรงแรมในเครือ ด้วยฐานแฟนคลับมหาศาลทั่วโลกและเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับมนุษย์ทุกวัย หากมีคำกล่าวว่า “See Angkor Wat and die” ก็จะมีคำกล่าวด้วยว่า “ไม่มีใครไม่อยากไปดิสนีย์แลนด์สักครั้งในชีวิต”
Disney จะลงทุนในธุรกิจสวนสนุกเพิ่มสองเท่า เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวสองแสนล้านบาท) ภายใน 10 ปี ขยายธุรกิจสวนสนุก มีพื้นที่มากกว่า 1,000 เอเคอร์สำหรับการพัฒนาในอนาคตทั่วโลก ซึ่งเทียบเท่ากับสวนสนุก Disney Land แห่งใหม่ประมาณ 7 แห่ง เพื่อเข้าถึงและดึงดูดผู้บริโภคราว 700 ล้านคน ที่เป็นแฟน Disney แต่ยังไม่เคยไปเที่ยว Disney Land
ปี 2024 ธุรกิจสวนสนุกของดิสนีย์ทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายได้เพิ่มขึ้น 5% เป็น 34,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พอจะมีใครจำได้ไหมว่า Tokyo Disneyland เปิดอย่างเป็นทางการในปี 1983 รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการ Tokyo Disneyland มีมูลค่าเกือบ 180,000 ล้านเยน หรือประมาณ 51,688 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมากในสมัยนั้น
2. มาเก๊า (Macau, จีน)
ด้วยจุดแข็ง มาเก๊าคือศูนย์กลางคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำรายได้จากการพนันสูงกว่า Las Vegas หลายเท่า เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกส การสร้างสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีโรงแรมหรูระดับโลกตั้งอยู่มากมาย เช่น Venetian Macao, Wynn Palace, City of Dreams ทำให้มาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์หรูหรา และความบันเทิงระดับสูง
ตั้งแต่ปี 2004 บริษัทกาสิโนยักษ์ใหญ่ Las Vegas Sands (LVS) ได้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในมาเก๊า โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.2 แสนล้านบาท!!
หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือ The Londoner Macao ซึ่งเป็นรีสอร์ทครบวงจรสไตล์อังกฤษ มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7 หมื่นล้านบาท การลงทุนเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ LVS ในการเสริมสร้างศักยภาพของมาเก๊าในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
3. ดูไบ (Dubai, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
จุดขายของดูไบ มีตั้งแต่ความหรูหราอลังการงานสร้างและความไฮเทค ดูไบมีตึกสูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa โครงการอสังหาริมทรัพย์หรูหรา เช่น Palm Jumeirah และ The World Islands เป็นศูนย์กลางช้อปปิ้งระดับโลก โดยมี Dubai Mall ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้น ดูไบนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หรูหรา เช่น โรงแรม Burj Al Arab และ Atlantis The Palm บวกกับความเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
4. ลาสเวกัส (Las Vegas, สหรัฐอเมริกา)
ศูนย์กลางความบันเทิงและคาสิโนของโลกระดับโมเดลต้นแบบและตำนาน มีโรงแรมหรู เช่น Bellagio, The Venetian, MGM Grand ลาสเวกัสกลายเป็นแบรนด์กาสิโนรีสอร์ตที่ไม่ว่าใครก็อยากไป เพราะไม่ได้มีแค่กาสิโน แต่ยังเป็นศูนย์รวมโชว์และการแสดงระดับโลก เช่น คอนเสิร์ต Cirque du Soleil, Magic Shows มีรายได้จากกาสิโน โรงแรม และการท่องเที่ยวมหาศาล จากการสร้างจุดขายด้าน Nightlife ด้วยแสงสีเสียงสุดมหัศจรรย์บรรเจิดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
5. สิงคโปร์ (Marina Bay Sands & Sentosa, สิงคโปร์)
Marina Bay Sands โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สุดตระการต้าเหนืออ่าวมารีนา กลายเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลกที่มี SkyPark หรือสวนลอยฟ้าสุดแสนอลังการ ด้วยโครงสร้างหลักๆ ประกอบด้วยอาคาร 3 อาคารตั้งเรียงกัน ภายในประกอบด้วยโรงแรมหรู กาสิโน ศูนย์การค้า ร้านอาหารและบาร์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ และพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมและความบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย มี Gardens by the Bay และ Universal Studios Singapore ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการความบันเทิงและธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจ ทำให้มีนักเดินทางมาทั้งเพื่อทำงานและท่องเที่ยว
Marina Bay Sands ยังได้ชื่อว่า เป็นอาคารกาสิโนที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.71 แสนล้านบาท จากราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวที่มีมูลค่ามหาศาล พัฒนาโดยบริษัทลาสเวกัสแซนส์ (LVS) ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกโมเช ซาฟดี
โดยภาพรวมแล้ว แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ประสบความสำเร็จ มักมีองค์ประกอบร่วมกัน เช่น การออกแบบที่โดดเด่น, ความบันเทิงครบวงจร, การลงทุนขนาดใหญ่, และ การตลาดระดับโลก ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
Cr.
https://www.posttoday.com/smart-city/719914
สัมภาษณ์พิเศษ "รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์" ยกกรณีศึกษากาสิโนใน 3 ประเทศอาเซียน "ฟิลิปปินส์-กัมพูชา" ล้มเหลว "สิงคโปร์" คุมเข้มประสบความสำเร็จ พร้อมเสนอ 5 มาตรการสำคัญของไทย
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" วิเคราะห์บทเรียนการดำเนินกิจการกาสิโนในต่างประเทศ พร้อมชี้จุดอ่อนของ "ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ของไทย
กรณีฟิลิปปินส์: จากคาสิโนสู่วังวนปัญหา
"ฟิลิปปินส์เปิดบ่อนกาสิโนมาตั้งแต่ปี 2519 หรือกว่า 50 ปีแล้ว แต่ประเทศก็ยังอยู่อย่างนี้ ไม่ได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศมากมาย" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าว โดยชี้ให้เห็นว่าแม้รายได้ของรัฐจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนบ่อน แต่ปัญหาที่ตามมาก็มีมากมาย
ในช่วงแรก รัฐบาลให้หน่วยงานรัฐดำเนินการ ก่อนจะเปิดให้เอกชนเข้ามา ทำให้จำนวนบ่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ฟิลิปปินส์หันไปเปิดพนันออนไลน์แบบออฟชอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยอ้างว่าให้เฉพาะชาวต่างชาติเล่น
"คนที่เล่นส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งที่จีนมีกฎหมายห้ามพลเมืองเล่นพนันออนไลน์และห้ามจัดทัวร์พาคนไปเล่นพนัน" อาจารย์นวลน้อยอธิบาย เมื่อรัฐบาลจีนกดดัน ฟิลิปปินส์จึงต้องลดจำนวนใบอนุญาตลง
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อพบว่ามีการใช้กาสิโนเป็นแหล่งฟอกเงิน จนฟิลิปปินส์ติดบัญชีเทาของคณะกรรมการเฉพาะกิจว่าด้วยการฟอกเงินระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ยังพบปัญหาคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง การค้ามนุษย์ และการกักขังหน่วงเหนี่ยวชาวต่างชาติเป็นพันคน
"เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจาก 8-9 ล้านคนเหลือไม่ถึง 5 ล้านคน รัฐบาลก็หันมากระตุ้นให้คนในประเทศเล่นพนันมากขึ้น มีการเพิ่มตู้สล็อตหลายพันตู้ และเปิดพนันออนไลน์สำหรับคนในประเทศแทน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและอาจสร้างปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่าเดิม"
กรณีกัมพูชา: บทเรียนจากสีหนุวิล
เมืองสีหนุวิลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาที่ผิดทิศทาง จากเมืองชายทะเลท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง กลายเป็นศูนย์กลางกาสิโนและพนันออนไลน์ที่เต็มไปด้วยปัญหา
"มีชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายมาอยู่หลายแสนคน เกิดปัญหาอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ มีทั้งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง การค้ามนุษย์ การกักขังหน่วงเหนี่ยว จนรัฐบาลจีนต้องขอความร่วมมือให้ปราบปราม"
หลังการปราบปราม เมืองสีหนุวิลกลับกลายเป็นเมืองร้าง "มีแต่ตึกรกร้างว่างเปล่า การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เคยมีตึกถล่มมาแล้ว เป็นปัญหาที่ทิ้งค้างไว้ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะการสร้างก็ไม่ได้มาตรฐาน จะปรับปรุงหรือรื้อถอนก็ยาก"
สิงคโปร์: ต้นแบบการควบคุมที่เข้มงวด
"สิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาเซียนเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าว โดยระบุว่าความสำเร็จมาจากการมีธรรมาภิบาลที่ดี การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด และความโปร่งใสในการดำเนินการ
สิงคโปร์มีการควบคุมที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น โดยกำหนดให้มีกาสิโนเพียง 2 แห่ง และจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 3% ของพื้นที่รวม มีการสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาถึงเหตุผลที่ต้องมีกาสิโน เนื่องจากทิศทางการท่องเที่ยวเริ่มแย่ลงและไม่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากพอ
มาตรการสำคัญอีกประการคือการเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโนสำหรับคนในประเทศ เริ่มต้นที่ 100 เหรียญสิงคโปร์ต่อครั้ง และเพิ่มเป็น 150 เหรียญในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังห้ามการปล่อยวงเงินเครดิตให้กับคนในประเทศ อนุญาตเฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น
ข้อเสนอแนะสำหรับประเทศไทย
จากบทเรียนในต่างประเทศ รศ.ดร.นวลน้อยมีข้อเสนอแนะหลายประการ:
กฎหมายต้องชัดเจน ไม่หลวม "ต้องเขียนให้ชัดเจนว่าจะมีกี่แห่ง ขนาดเท่าไหร่ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นอำนาจของซุปเปอร์บอร์ดที่จะไปกำหนดภายหลัง"
รับฟังความคิดเห็นประชาชน "ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพราะเวลาเกิดปัญหา คนในพื้นที่รับผลกระทบหมด"
มีมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่เข้มงวด "โดยเฉพาะในห้อง VIP ที่มักเป็นแหล่งฟอกเงิน ต้องมีระบบตรวจสอบที่รัดกุม"
กำหนดแผนเยียวยาชัดเจน "ต้องมีแผนชัดเจนเรื่องการบำบัดเยียวยาผู้ติดพนัน มีการจัดสรรงบประมาณเฉพาะสำหรับเรื่องนี้ เหมือนที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเก๊าทำ"
ควบคุมการขยายตัว "อย่ารีบร้อนขยายตัว ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจกำหนดให้มีการทบทวนทุก 5 ปี"
"ประเทศไทยมีจุดอ่อนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่แข็งแรง หน่วยงานกำกับดูแลไม่เข้มแข็ง และมีปัญหาความโปร่งใส เราอยู่อันดับร้อยกว่าในเรื่องความโปร่งใส ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับ 5 ของโลก" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าวทิ้งท้าย
พร้อมเน้นย้ำว่าความสำเร็จหรือล้มเหลวของการมีคาสิโนขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลเป็นสำคัญ
Cr.
https://www.thansettakij.com/economy/620156
5 “Man-Made Destinations” ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก และ ถอดบทเรียนกาสิโน 3 ชาติ "ความสำเร็จ-ล้มเหลว" ที่ไทยต้องศึกษา
1. ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland & Disney World, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ)
อาณาจักรสวนสนุกอายุเกิน 100 ปี ด้วยจุดแข็ง “ไม่มีใครไม่รู้จัก” แบรนด์สวนสนุกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก มีอาณาจักรในหลายประเทศ เช่น อเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ผสมผสานคอนเทนต์ด้ารความบันเทิง เทคโนโลยี และจากแอนิเมชั่นอันโด่งดังด้วยตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ บวกการตลาดสุดพีกในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคนทุกเพศทุกวัย ดิสนีย์แลนด์ สร้างรายได้จากทั้งค่าตั๋ว ของที่ระลึก ร้านอาหาร และโรงแรมในเครือ ด้วยฐานแฟนคลับมหาศาลทั่วโลกและเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับมนุษย์ทุกวัย หากมีคำกล่าวว่า “See Angkor Wat and die” ก็จะมีคำกล่าวด้วยว่า “ไม่มีใครไม่อยากไปดิสนีย์แลนด์สักครั้งในชีวิต”
Disney จะลงทุนในธุรกิจสวนสนุกเพิ่มสองเท่า เป็น 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวสองแสนล้านบาท) ภายใน 10 ปี ขยายธุรกิจสวนสนุก มีพื้นที่มากกว่า 1,000 เอเคอร์สำหรับการพัฒนาในอนาคตทั่วโลก ซึ่งเทียบเท่ากับสวนสนุก Disney Land แห่งใหม่ประมาณ 7 แห่ง เพื่อเข้าถึงและดึงดูดผู้บริโภคราว 700 ล้านคน ที่เป็นแฟน Disney แต่ยังไม่เคยไปเที่ยว Disney Land
ปี 2024 ธุรกิจสวนสนุกของดิสนีย์ทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายได้เพิ่มขึ้น 5% เป็น 34,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พอจะมีใครจำได้ไหมว่า Tokyo Disneyland เปิดอย่างเป็นทางการในปี 1983 รู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการ Tokyo Disneyland มีมูลค่าเกือบ 180,000 ล้านเยน หรือประมาณ 51,688 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมากในสมัยนั้น
2. มาเก๊า (Macau, จีน)
ด้วยจุดแข็ง มาเก๊าคือศูนย์กลางคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำรายได้จากการพนันสูงกว่า Las Vegas หลายเท่า เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมจีนและโปรตุเกส การสร้างสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีโรงแรมหรูระดับโลกตั้งอยู่มากมาย เช่น Venetian Macao, Wynn Palace, City of Dreams ทำให้มาเก๊าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์หรูหรา และความบันเทิงระดับสูง
ตั้งแต่ปี 2004 บริษัทกาสิโนยักษ์ใหญ่ Las Vegas Sands (LVS) ได้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในมาเก๊า โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.2 แสนล้านบาท!!
หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือ The Londoner Macao ซึ่งเป็นรีสอร์ทครบวงจรสไตล์อังกฤษ มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7 หมื่นล้านบาท การลงทุนเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ LVS ในการเสริมสร้างศักยภาพของมาเก๊าในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
3. ดูไบ (Dubai, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
จุดขายของดูไบ มีตั้งแต่ความหรูหราอลังการงานสร้างและความไฮเทค ดูไบมีตึกสูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa โครงการอสังหาริมทรัพย์หรูหรา เช่น Palm Jumeirah และ The World Islands เป็นศูนย์กลางช้อปปิ้งระดับโลก โดยมี Dubai Mall ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้น ดูไบนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หรูหรา เช่น โรงแรม Burj Al Arab และ Atlantis The Palm บวกกับความเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
4. ลาสเวกัส (Las Vegas, สหรัฐอเมริกา)
ศูนย์กลางความบันเทิงและคาสิโนของโลกระดับโมเดลต้นแบบและตำนาน มีโรงแรมหรู เช่น Bellagio, The Venetian, MGM Grand ลาสเวกัสกลายเป็นแบรนด์กาสิโนรีสอร์ตที่ไม่ว่าใครก็อยากไป เพราะไม่ได้มีแค่กาสิโน แต่ยังเป็นศูนย์รวมโชว์และการแสดงระดับโลก เช่น คอนเสิร์ต Cirque du Soleil, Magic Shows มีรายได้จากกาสิโน โรงแรม และการท่องเที่ยวมหาศาล จากการสร้างจุดขายด้าน Nightlife ด้วยแสงสีเสียงสุดมหัศจรรย์บรรเจิดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
5. สิงคโปร์ (Marina Bay Sands & Sentosa, สิงคโปร์)
Marina Bay Sands โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สุดตระการต้าเหนืออ่าวมารีนา กลายเป็นสถาปัตยกรรมระดับโลกที่มี SkyPark หรือสวนลอยฟ้าสุดแสนอลังการ ด้วยโครงสร้างหลักๆ ประกอบด้วยอาคาร 3 อาคารตั้งเรียงกัน ภายในประกอบด้วยโรงแรมหรู กาสิโน ศูนย์การค้า ร้านอาหารและบาร์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ และพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมและความบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย มี Gardens by the Bay และ Universal Studios Singapore ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการความบันเทิงและธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจ ทำให้มีนักเดินทางมาทั้งเพื่อทำงานและท่องเที่ยว
Marina Bay Sands ยังได้ชื่อว่า เป็นอาคารกาสิโนที่มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.71 แสนล้านบาท จากราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวที่มีมูลค่ามหาศาล พัฒนาโดยบริษัทลาสเวกัสแซนส์ (LVS) ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกโมเช ซาฟดี
โดยภาพรวมแล้ว แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ประสบความสำเร็จ มักมีองค์ประกอบร่วมกัน เช่น การออกแบบที่โดดเด่น, ความบันเทิงครบวงจร, การลงทุนขนาดใหญ่, และ การตลาดระดับโลก ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
Cr. https://www.posttoday.com/smart-city/719914
สัมภาษณ์พิเศษ "รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์" ยกกรณีศึกษากาสิโนใน 3 ประเทศอาเซียน "ฟิลิปปินส์-กัมพูชา" ล้มเหลว "สิงคโปร์" คุมเข้มประสบความสำเร็จ พร้อมเสนอ 5 มาตรการสำคัญของไทย
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" วิเคราะห์บทเรียนการดำเนินกิจการกาสิโนในต่างประเทศ พร้อมชี้จุดอ่อนของ "ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ของไทย
กรณีฟิลิปปินส์: จากคาสิโนสู่วังวนปัญหา
"ฟิลิปปินส์เปิดบ่อนกาสิโนมาตั้งแต่ปี 2519 หรือกว่า 50 ปีแล้ว แต่ประเทศก็ยังอยู่อย่างนี้ ไม่ได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศมากมาย" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าว โดยชี้ให้เห็นว่าแม้รายได้ของรัฐจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนบ่อน แต่ปัญหาที่ตามมาก็มีมากมาย
ในช่วงแรก รัฐบาลให้หน่วยงานรัฐดำเนินการ ก่อนจะเปิดให้เอกชนเข้ามา ทำให้จำนวนบ่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ฟิลิปปินส์หันไปเปิดพนันออนไลน์แบบออฟชอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยอ้างว่าให้เฉพาะชาวต่างชาติเล่น
"คนที่เล่นส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งที่จีนมีกฎหมายห้ามพลเมืองเล่นพนันออนไลน์และห้ามจัดทัวร์พาคนไปเล่นพนัน" อาจารย์นวลน้อยอธิบาย เมื่อรัฐบาลจีนกดดัน ฟิลิปปินส์จึงต้องลดจำนวนใบอนุญาตลง
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อพบว่ามีการใช้กาสิโนเป็นแหล่งฟอกเงิน จนฟิลิปปินส์ติดบัญชีเทาของคณะกรรมการเฉพาะกิจว่าด้วยการฟอกเงินระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ยังพบปัญหาคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง การค้ามนุษย์ และการกักขังหน่วงเหนี่ยวชาวต่างชาติเป็นพันคน
"เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจาก 8-9 ล้านคนเหลือไม่ถึง 5 ล้านคน รัฐบาลก็หันมากระตุ้นให้คนในประเทศเล่นพนันมากขึ้น มีการเพิ่มตู้สล็อตหลายพันตู้ และเปิดพนันออนไลน์สำหรับคนในประเทศแทน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและอาจสร้างปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่าเดิม"
กรณีกัมพูชา: บทเรียนจากสีหนุวิล
เมืองสีหนุวิลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาที่ผิดทิศทาง จากเมืองชายทะเลท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง กลายเป็นศูนย์กลางกาสิโนและพนันออนไลน์ที่เต็มไปด้วยปัญหา
"มีชาวจีนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายมาอยู่หลายแสนคน เกิดปัญหาอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ มีทั้งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง การค้ามนุษย์ การกักขังหน่วงเหนี่ยว จนรัฐบาลจีนต้องขอความร่วมมือให้ปราบปราม"
หลังการปราบปราม เมืองสีหนุวิลกลับกลายเป็นเมืองร้าง "มีแต่ตึกรกร้างว่างเปล่า การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เคยมีตึกถล่มมาแล้ว เป็นปัญหาที่ทิ้งค้างไว้ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะการสร้างก็ไม่ได้มาตรฐาน จะปรับปรุงหรือรื้อถอนก็ยาก"
สิงคโปร์: ต้นแบบการควบคุมที่เข้มงวด
"สิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาเซียนเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าว โดยระบุว่าความสำเร็จมาจากการมีธรรมาภิบาลที่ดี การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด และความโปร่งใสในการดำเนินการ
สิงคโปร์มีการควบคุมที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น โดยกำหนดให้มีกาสิโนเพียง 2 แห่ง และจำกัดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 3% ของพื้นที่รวม มีการสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาถึงเหตุผลที่ต้องมีกาสิโน เนื่องจากทิศทางการท่องเที่ยวเริ่มแย่ลงและไม่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากพอ
มาตรการสำคัญอีกประการคือการเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโนสำหรับคนในประเทศ เริ่มต้นที่ 100 เหรียญสิงคโปร์ต่อครั้ง และเพิ่มเป็น 150 เหรียญในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังห้ามการปล่อยวงเงินเครดิตให้กับคนในประเทศ อนุญาตเฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น
ข้อเสนอแนะสำหรับประเทศไทย
จากบทเรียนในต่างประเทศ รศ.ดร.นวลน้อยมีข้อเสนอแนะหลายประการ:
กฎหมายต้องชัดเจน ไม่หลวม "ต้องเขียนให้ชัดเจนว่าจะมีกี่แห่ง ขนาดเท่าไหร่ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นอำนาจของซุปเปอร์บอร์ดที่จะไปกำหนดภายหลัง"
รับฟังความคิดเห็นประชาชน "ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพราะเวลาเกิดปัญหา คนในพื้นที่รับผลกระทบหมด"
มีมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่เข้มงวด "โดยเฉพาะในห้อง VIP ที่มักเป็นแหล่งฟอกเงิน ต้องมีระบบตรวจสอบที่รัดกุม"
กำหนดแผนเยียวยาชัดเจน "ต้องมีแผนชัดเจนเรื่องการบำบัดเยียวยาผู้ติดพนัน มีการจัดสรรงบประมาณเฉพาะสำหรับเรื่องนี้ เหมือนที่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเก๊าทำ"
ควบคุมการขยายตัว "อย่ารีบร้อนขยายตัว ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจกำหนดให้มีการทบทวนทุก 5 ปี"
"ประเทศไทยมีจุดอ่อนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่แข็งแรง หน่วยงานกำกับดูแลไม่เข้มแข็ง และมีปัญหาความโปร่งใส เราอยู่อันดับร้อยกว่าในเรื่องความโปร่งใส ขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับ 5 ของโลก" รศ.ดร.นวลน้อยกล่าวทิ้งท้าย
พร้อมเน้นย้ำว่าความสำเร็จหรือล้มเหลวของการมีคาสิโนขึ้นอยู่กับการกำกับดูแลเป็นสำคัญ
Cr. https://www.thansettakij.com/economy/620156