เนื่องจากเห็นกระทู้แนะนำโดยสมาชิกเรื่องกองทุนประกันสังคมจะล้มในอีก 30ปี นั้นขอให้เพื่อนสมาชิกอ่านและศึกษารายละเอียดก่อนจะตื่นตูมแบบฟังเค้าเล่ามาแล้วตกใจ เรื่องกองทุนประกันสังคมจะล้มในอีก30ปี นั้นบางคนพูดเอามันส์สื่อบางเจ้าก็พาดหัวข่าวเกินจริง คนไทยบางคนก็ตื่นตูมเมื่อฟังเค้าเล่ามาหรืออ่านแต่พาดหัวข่าวซึ่งเรื่องนี้ข้อเท็จจริงคือ
ตามกฎหมายเดิมผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ปกส. ที่ฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000บาท (สูงสุด 750บาท/เดือน) นั้นถ้าใช้การคำนวนโมเดลโดยจำลองสถานการณ์ของการเกิดน้อยลงและตายช้าขึ้นของคนไทยตามข้อมูลสถิติในปัจจุบันนั้นจะทำให้อีก 30ปีเงินเก็บขาเข้ากองทุนชราภาพจากผู้ประกันตนจะเริ่มเก็บได้น้อยกว่าเงินขาออกที่จ่ายออกให้กับผู้ประกันตนที่รับสิทธิบำนาญชราภาพดังนั้นก็เลยมีการหาวิธีการแก้ไขคือ
1. แก้กฎหมายเพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุดที่จะเก็บเงินเข้ากองทุน ปกส. โดยแบ่งเป็น 3ระยะ
ปี 2569-2571 เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุดเป็น 17,500 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 875บาท
ปี 2572-2574 เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุด 20,000 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 1,000บาท
ปี 2575 เป็นต้นไป เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุด 23,000 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 1,150บาท
2. แก้กฎหมายขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นอายุ 15 - 65 ปี (จากเดิมอายุ 15ปี - 60ปี) เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ยังทำงานหลังอายุ 55ปียังสามารถเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้ต่อไปจนถึงอายุ 65ปี แต่ผู้ประกันตนยังสามารถขอยื่นรับ นำเหน็จชราภาพ/บำนาญชราภาพ ได้เมื่ออายุครบ 55ปีบริบูรณ์ตามเดิม
3. แก้กฎหมายให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับเงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม
ซึ่งการทำทั้ง 3ข้อนี้ก็จะเพิ่มเงินเข้ากองทุน ปกส. ทำให้ระยะเวลาที่เงินเก็บขาเข้ากองทุนชราภาพจากผู้ประกันตนจะเริ่มเก็บได้น้อยกว่าเงินขาออกที่จ่ายออกให้กับผู้ประกันตนที่รับสิทธิบำนาญชราภาพจากที่คำนวนโมเดลจะยืดระยะเวลาออกไปจาก 30ปีได้อีกหลายสิบปีซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นก็คงมีการแก้ไขปรับปรุงไปเรื่องตามสถานการณ์ของการเกิดน้อยลงและตายช้าขึ้นของคนไทย
ประกันสังคมอีก 30 ปี กลายเป็น 0 --> อ่านและศึกษารายละเอียดก่อนจะตื่นตูม
ตามกฎหมายเดิมผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ปกส. ที่ฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000บาท (สูงสุด 750บาท/เดือน) นั้นถ้าใช้การคำนวนโมเดลโดยจำลองสถานการณ์ของการเกิดน้อยลงและตายช้าขึ้นของคนไทยตามข้อมูลสถิติในปัจจุบันนั้นจะทำให้อีก 30ปีเงินเก็บขาเข้ากองทุนชราภาพจากผู้ประกันตนจะเริ่มเก็บได้น้อยกว่าเงินขาออกที่จ่ายออกให้กับผู้ประกันตนที่รับสิทธิบำนาญชราภาพดังนั้นก็เลยมีการหาวิธีการแก้ไขคือ
1. แก้กฎหมายเพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุดที่จะเก็บเงินเข้ากองทุน ปกส. โดยแบ่งเป็น 3ระยะ
ปี 2569-2571 เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุดเป็น 17,500 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 875บาท
ปี 2572-2574 เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุด 20,000 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 1,000บาท
ปี 2575 เป็นต้นไป เพิ่มฐานเงินเดือนสูงสุด 23,000 บาท -- ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดเดือนละ 1,150บาท
2. แก้กฎหมายขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นอายุ 15 - 65 ปี (จากเดิมอายุ 15ปี - 60ปี) เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ยังทำงานหลังอายุ 55ปียังสามารถเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้ต่อไปจนถึงอายุ 65ปี แต่ผู้ประกันตนยังสามารถขอยื่นรับ นำเหน็จชราภาพ/บำนาญชราภาพ ได้เมื่ออายุครบ 55ปีบริบูรณ์ตามเดิม
3. แก้กฎหมายให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับเงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม
ซึ่งการทำทั้ง 3ข้อนี้ก็จะเพิ่มเงินเข้ากองทุน ปกส. ทำให้ระยะเวลาที่เงินเก็บขาเข้ากองทุนชราภาพจากผู้ประกันตนจะเริ่มเก็บได้น้อยกว่าเงินขาออกที่จ่ายออกให้กับผู้ประกันตนที่รับสิทธิบำนาญชราภาพจากที่คำนวนโมเดลจะยืดระยะเวลาออกไปจาก 30ปีได้อีกหลายสิบปีซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นก็คงมีการแก้ไขปรับปรุงไปเรื่องตามสถานการณ์ของการเกิดน้อยลงและตายช้าขึ้นของคนไทย