ครอบครัวสามีอยากให้เรากลับไปอยู่กับท่าน แต่เราไม่ยอมไป ควรทำไงดีคะ?

เรื่องของเรื่องคือ ลูกชายเขาคือคนสุดท้องค่ะ ก่อนหน้านั้นที่เรากับสามีจะเจอกัน เรามาทำงานที่โรงงานแล้วมาเจอกัน ดันชอบกัน แล้วตกลงคบกันและได้แต่งงานกัน ปัจจุบันเราคบกัน เข้าปีที่ 7 ค่ะ แต่ปัญหานี้เริ่มมีมาแต่แรกๆเลยค่ะ พอเราแต่งงานกับสามี พ่อแม่ครอบครัวสามีก็บอกเราว่า อยากได้หลาน มีหลานให้เขาหน่อยได้ไหม เขาเลี้ยงแต่หลานคนอื่น ปล.พี่สาวเขาก็ไม่มีหลานให้ค่ะ พ่อแม่พี่สาวสามีก็บอกเราว่า มีบ้านสวนอยู่ ที่ตรงนั้นจะให้พวกเราสองคนสามีสร้างบ้าน แล้วอยู่ด้วยกันที่นั้น (ไม่ห่างจากบ้านพ่อแม่สามีไกลเท่าไหร่ค่ะ ขับรถ 1 นาทีถึง) ช่วงนั้นเรายังมีงวดรถ เป็นชื่อแม่สามีค่ะ แต่แฟนเป็นคนใช้งวดมา 1 ปี ก่อนเจอเรา ก่อนมาแต่งงานกับเรา พอเราแต่งงานกัน เราก็เลยช่วยใช้งวดรถให้ด้วย เดือนละ8 000 บาท แต่เราก็มีาระอยู่เหมือนกัน เราต้องส่งค่าประกันชีวิตให้คนในครอบครัวเรา 4 คน พ่อ แม่ น้อง และเรา ยังมีของตาเราด้วย ที่เราเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด ปีละ 5หมื่นค่ะรวมๆ ไหนจะค่าอยู่ ค่ากิน ค่าเช่าห้อง ค่าอื่นๆมาแฝงก็มีค่ะ รายรับไม่ค่อยพอค่ะ บางทีเหลือเก็บไม่เยอะด้วยซ้ำ *เมื่อเราตัดสินใจแต่งงานกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันนะคะ เราก็ช่วยกันใช้จ่ายค่ะ ใช้กระเป๋าเดียวกัน ซึ่งก็พอมีเหลือ แต่ไม่มากเหมือนเดิม ตอนนั้นยังเช่าห้องอยู่ค่ะ (เราก็รู้สึกผิดกับพ่อแม่เรา ที่เราไม่เคยมีเงินพอจะส่งให้ท่านได้ใช้เลย เป็นเวลา 4-5 ปี ช่วงที่ช่วยเขาส่งงวดรถยนต์ ตอนนี้ท่านยังไม่ได้บอกนะคะว่ารถจะให้ใคร เพราะเป็นชื่อแม่เขา เราไม่ได้คิดจะแย่งจะเอารถท่านนะคะ แค่อยากช่วยสามี แค่นั้นเลย) แต่ก็ให้เงินท่านใช้เวลาเทศกาล เวลากลับบ้าน 3-5 พันบาท แต่ไม่เคยให้เป็นก้อนเลยค่ะ พ่อแม่เราไม่เคยบ่นเลย ท่านบอกว่าท่านมีใช้อยู่ วันไหนไม่มีก็จะโทรมาเผื่อเรามีให้ เรารู้สึกผิดจริงๆที่ช่วยเหลือแต่สามี ช่วงที่พ่อแม่สามีบอกเราว่าให้เราเก็บเงินมาสร้างบ้านอยู่ที่สวนของท่าน ตอนแรกเราก็เชื่อ เพราะเรารักลูกชายของท่าน + ท่านใจดีค่ะ  แต่พอเวลาผ่านไป2-3 ปี หลังจากแต่งงาน เราเริ่มรู้สึกว่า ไม่ใช่ละ พี่สาวก็ทักแชทมาบอกเรา ว่ากลับมาอยู่บ้านไหม ลาออกมาอยู่บ้าน หางานแถวนี้ทำเอา ทำเซเว่น โลตัสก็ได้ (บอกก่อนนะคะว่าเราทำงานที่นี้ ได้ตำแน่งที่ดี เงินเดือนพอใช้ งานไม่หนัก แม่เราดีใจและภูมิใจที่ลูกสาวได้งานดีๆทำ เพราะเราลำบากตัดอ้อย รับจ้างมาตั้งแต่เล็กแล้วค่ะ) เราก็ได้ปฏิเสธไป ว่า เราทำแบบนั้นไม่ได้ จะให้เราลาออก มันไม่ได้ กว่าเราจะได้ตำแหน่งนี้มา กว่าจะได้งานดีๆทำ หัวหน้า เพื่อนร่วมงานดีๆแบบนี้ มันหายากมาก และเราก็ชอบงานนี้ด้วยค่ะ และอีกอย่างเรามีภาระ เรายังต้องหาเงิน เราไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน พี่เขาตอบมาว่า เดี๋ยวช่วยกันหาก็ได้ ซึ่งเราคิดแล้วว่า ไม่รอด ไม่ได้แน่นอน ทางบ้านแฟนเลี้ยงหมู แล้ว ขายหมูเป็นกิโลค่ะ มีพี่เขยเป็นคนช่วยทุกอย่าง แค่นั้นค่ะ เราก็ปฏิเสธไปค่ะ ยืนยันคำเดิม ว่าไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้ เวลาผ่านไป เราอยากได้บ้าน ที่นี้สักหลัง อยู่ใกล้ที่ทำงาน เราเลยตัดสินใจซื้อ เป็นชื่อเราค่ะ เมื่อปี66 เราส่งงวดละ 4700 (มือสองนะคะ) แต่กะจะรีโนเวทเอาเรื่อยๆ เมื่อบอกทางพ่อแม่พี่สาวสามี ว่าเราจะซื้อบ้านที่นี้นะ ครอบครัวเขาไม่ค่อยยินดีกับเรา และ พูดเชิงว่า ทำไมตอนนั้นเราตกลงกันว่า จะมาสร้างบ้านที่สวนทำไมเรากลับคำ (คือเรามาคิดดูหลายๆรอบแล้ว ถ้าเราสร้างบ้านที่สวนแม่เขา หากเราเลิกกัน เราจะได้อะไรคะ ก็ไม่ได้ ที่ๆแม่ของเรา บ้านจะยกกลับก็ไม่ได้ อีกอย่างมันไม่มีงาน หรือรายได้ที่พอกับรายจ่ายของเราค่ะ เราทำงานที่นี้รายรับ-รายจ่ายยังพอถูๆไถๆไปได้บ้าง และเราอยากออกมาใช้ชีวิตเป็นชีวิตของเราเอง) นั้นแหละคะ เรารู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้พูดต่อหน้าเรานะคะ ก็พูดให้คนอื่นฟัง คนอื่นมาบอกเรา ก็รู้สึกนอยๆไปพักนึง เราผิดหรอที่เราอยากกำหนดชีวิตของครอบครัวเราเอง เราก็ปล่อยผ่าน ทะเลาะกันกับสามีไปด้วยนะคะเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็อยากกลับไปอยู่บ้าน แต่มันติดที่ยังมีค่างวดรถยนต์ ปลายปี 67 งวดรถหมดค่ะ พ่อแม่เขาก็ยกให้เป็นรถของลูกชายเขาค่ะ เป็นชื่อของสามี เขาก็ไปเอารถป้ามาใช้แทน ซื้อต่อป้าประมาณนั้นค่ะ แต่เราบอกว่าเราขอไม่รับรู้เรื่องหนี้ของพ่อแม่นะ เพราะเราไม่ได้สร้าง สามีก็โอเค ก็ไม่มีปัญหาค่ะเรื่องนี้ สรุปเขาให้สามีเอารมาใช้ที่ทำงานค่ะ แต่เขาก็ยังมีอาการอยากดูแลรถคันนี้อยู่เพราะท่านเป็นคนออกเอง (ใจเราไม่ได้อยากได้นะคะ บอกสามีตั้งแต่แรกแล้ว ก็รถคันนี้เป็นของแม่เขา) แต่เราเป็นคนช่วยเขาใช้งวด ถือว่าท่านก็ใจดี และเห็นใจเราอยู่นะคะ (หรือเห็นใจลูกชายเขา อันนี้เราไม่แน่ใจค่ะ) แล้วพ่อสามีก็ให้ทอง1บาท กับลูกชายเขา เราแตะทองไม่ได้เลยะคะ เราเคยลองหยิบมาดู สามีตาขึงใส่เลย หลังจากนั้นเราเลยไม่ยุ่งของๆสามีอีก เข้าปี 68 เริ่มต้นปี แฟนเผลอพูดออกมา ก่อนพ่อสามีจะเข้ารพ.(นอน5.-6 วัน มีโรคประจำตัวค่ะ) พ่อพูดกับคนอื่นค่ะ ว่า ''ท่านคงตายก่อนที่ลูกชายท่านจะได้มาอยู่มาดูแล '' พอแฟนฟังก็ตกใจ เหมือนกันค่ะ ทำไมพ่อพูดแบบนี้ เรายังตกใจเลย เรื่องนี้แหละค่ะที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเคร เรารู้ว่าท่านอยากให้ลูกท่านกลับไปดูแล ไปอยู่ใกล้ๆท่าน แต่เรามีครอบครัว แต่งงาน แยกออกมาอยู่แบบชัดเจนแล้ว อีกอย่างเรากลับไปหาท่านทุกเทศกาลเลย (เราพึ่งมาส่งเงินให้แม่เราใช้ช่วงต้นปี68 ค่ะ เพราะรู้สึกผิดต่อท่านมากๆ) แต่ช่วงนั้นแฟนเราก็ไม่ได้ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้นะคะ คือมันไม่พอจริงๆ แทบไม่มีเก็บ ขนาดทำงานกัน สองคน มีก็ให้ ไม่มีก็ไม่ได้ให้ค่ะ ต่อมา เราถามสามีว่า เธออยากกลับบ้านไหมละ พ่อเธอพูดออกมาขนาดนี้ แถมพูดให้คนอื่นฟังอีก บางทีท่านพูดตรงๆก็ได้นะคะ เราก็จะปล่อยลูกชายเขาไปอยู่ สามีก็บอกว่า ยังไงก็ต้องกลับอยู่แล้ว ใครๆก็อยากอยู่บ้าน แต่ขอเก็บเงินสักก้อนก่อน กลับไปยังไงก็มีอะไรทำ (แต่สำหรับเรา เราไม่อยากเสี่ยงตายค่ะ เพราะเราเคยอยู่จุดที่ลำบาก ไม่มีเงิน ต้องไปหยิบยืม ดิ้นรนมากๆ ผ่านมาแล้ว เราเข็ด ) เราเลยบอกเขาว่า งั้นเธอก็ไปเถอะ อย่าห่วงเราเลย เราลาออกไม่ได้ กลับไปอยู่ด้วยไม่ได้ และที่สำคัญเราไม่สามารถมีหลานให้ท่านได้ หรือมีลูกให้เธอได้ เพราะเราเคยปล่อยมา 2-3 ปีแล้ว น้องไม่มาเลยค่ะ มีลูกยากมาก เราเลยตัดสินใจกินยาคุม และไม่มีลูกค่ะ ไม่อยากเพิ่มภาระแล้วค่ะ เราเหนื่อย  พอได้ยินคำตอบเรา เป็นรอบที่ 2 สามีก็ไปไม่ค่อยเป็นค่ะ เขาคงลำบากใจอยู่เหมือนกัน นั่นพ่อแม่ นี้ ภรรยา คนที่เขารัก เขาเลือกไม่ได้ แต่เขาพูดออกมาแล้ว ว่ายังไงก็ต้องไป แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าเราไม่ลาออก เราจะทำงานหาเงินแบบนี้แหละ กลายเป็นทะเลาะไปอีก ว่าเราไม่ชอบพ่อแม่เขาหรอ นั่นนี้ คือทุกคนบางทีเราก็เหนื่อยนะคะ เราอยากสร้างครอบครัว เราอยากมีเงินไว้เก็บไว้ใช้ เราอยากทำงานที่มั่นคง คือเราก็อยากกลับไปอยู่บ้านนะ อยากอยู่ใกล้ๆพ่อแม่ แต่นี้มันคืองาน เงิน อู่ข้าวอู่น้ำของเรา เราตั้งใจเรียนมาเพื่อหางานดีๆทำค่ะ จะได้มีเงินจุนเจือครอบครัว เราคือเสาหลักที่บ้าน เราพี่คนโต เรามีน้องชาย 1 คน แต่เราไม่ได้ส่งเสียน้อง น้องเรามีงานทำแล้ว ประเด็นคือ ทำไมพ่อแม่เขาถึงอยากให้ลูกเขากลับไปอยู่ดูแลมากๆ ไม่อยากให้พวกเราสร้างครอบครัวกันหรอ ไม่อยากให้เราทำงานหาเงินหรอ เราปวดหัวมากค่ะ สรุปเราจะยังไงต่อดี ถ้าเป็นแบบนี้เราคงหยุดดีไหม และกลับมาโฟกัสที่ครอบครัวเราแบบจริงจัง แต่มันเสียใจอยู่แล้ว 7 ปี สร้างมาด้วยกันขนาดนี้ ต้องมาแตกกันเพราะเรื่องพ่อแม่ ปล.พ่อแม่เราพูดกับเราว่า พ่อแม่ไม่ต้องการให้ลูกๆมาดูแล ท่านอยากให้เรามีคู่ชีวิตที่ดี เจอคนดีๆ ได้งานดีๆทำ สร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินเก็บเยอะๆ มีงานดีๆทำ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านไม่ต้องการให้เรากลับไปดูแลท่าน ท่านสองคนอยู่ที่บ้านได้ มีเงินส่งให้ท่านใช้บ้าง แวะมาหาท่านบ้างก็พอแล้ว เราร้องนอนคิด เครียดมากๆ ทำไมเรื่องนี้ไม่จบไม่ส้นสักที แม่เราบอกให้เราปล่อยเขาไป  รถก็ให้เขาไป ไม่ต้องไปเอา แม่เชื่อว่าเราสร้างใหม่ได้ เราอยู่ได้ น้ำตาเราไหลแบบเหมือนก๊อกน้ำไหลเลย สรุปสามีก็ต้องกลับไปบ้านเขาแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าช้าหรือเร็ว แล้วเราต้องรู้สึกยังไงดี เพราะเราดื้อ ไม่ได้เชื่อพ่อแม่เขา เราเลือกอาคตของเราเอง ไม่ได้ให้ใครมากำหนดชีวิตเรา เรารักเขานะคะ แต่ครั้งนี้กะว่าจะปล่อยเขาไป เราเองก็ไม่อยากให้สามีมาเลือก เราไม่อยากเห็นเขาลำบากใจค่ะ เราไม่มีหลานให้พ่อแม่เขาด้วยค่ะ ถ้าเขาเจอคนใหม่เขาน่าจะพร้อมอยู่ที่บ้านและมีลูกมีหลานให้ครอบครัวเขาได้ เรามีไม่ได้ เราลาออกไม่ได้ เราทำแบบนั้นไม่ได้ ผิดที่เรารึป่าวคะ บางทีเราสับสนไปหมดเลย ความรัก มันมีอะไรที่ลึก ซับซ้อนจริงๆค่ะ ไม่ใช่ว่ารักกันเฉยๆได้เลย ปัญหานี้เราจะผ่านมันไปยังไงดีคะ เหนื่อยใจมากๆค่ะ  เห็นใจพ่อแม่เขาอยู่ค่ะ มีโรคประจำตัว + อายุเยอะ 50+ 60 + แล้ว หูไม่ค่อยได้ยิน ตามองไม่ชัด แต่ขับรถไป-กลับ 600 โล มาหาลูกชายที่นี้ได้อยู่ แต่ก็มีพี่สาวอยู่ที่บ้านนะคะ คอยอยู่ช่วยขายของช่วยดูแลอยู่แล้ว เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการแบบไหน ทำไมไม่มาบอกเราตรงๆไปเลย ทำไมต้องไปพูดให้คนอื่นฟัง แล้วเราต้องมารู้จากปากคนอื่น รอบที่ 2 แล้วด้วยค่ะ เสียใจ แอบนอยจัง เหนื่อยจริงๆค่ะ สรุปเรากำลังเจออะไรอยู่คะเนี้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่