รีวิวภาพยนตร์ Green Book (2018) – มิตรภาพข้ามเส้นแบ่ง

Green Book เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างจากเรื่องจริงของมิตรภาพระหว่าง ดร. ดอน เชอร์ลีย์ (Mahershala Ali) นักเปียโนชาวแอฟริกัน-อเมริกันชื่อดัง และ โทนี่ ลิป (Viggo Mortensen) คนขับรถและบอดี้การ์ดชาวอิตาเลียน-อเมริกัน ในช่วงยุค 1960s ที่อเมริกายังคงเต็มไปด้วยการแบ่งแยกเชื้อชาติ

เนื้อเรื่องย่อ

ภาพยนตร์เล่าเรื่องการเดินทางของ ดร. เชอร์ลีย์ ไปทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเต็มไปด้วยการเหยียดเชื้อชาติ โทนี่ ลิป ซึ่งเป็นคนหัวรุนแรงและมีอคติต่อคนผิวดำ ถูกจ้างให้เป็นคนขับรถและคุ้มกันเขาระหว่างทัวร์ ทั้งคู่เริ่มต้นจากความไม่เข้าใจกัน แต่เมื่อการเดินทางดำเนินไป พวกเขากลับได้เรียนรู้จากกันและกัน เกิดเป็นมิตรภาพที่แท้จริง

จุดเด่นของหนัง

✅ การแสดงที่ทรงพลัง – Mahershala Ali ถ่ายทอดบทบาท ดร. เชอร์ลีย์ ได้อย่างสง่างาม ลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่ Viggo Mortensen ก็ตีบทแตกในบทของโทนี่ ลิป ที่มีพัฒนาการจากคนหยาบกระด้างไปเป็นเพื่อนแท้ของเชอร์ลีย์

✅ บทภาพยนตร์และการดำเนินเรื่อง – หนังผสมผสานระหว่างดราม่าหนักๆ กับอารมณ์ขันได้อย่างลงตัว ทำให้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหนักๆ ดูเข้าถึงง่ายและน่าติดตาม

✅ ดนตรีและบรรยากาศยุค 60s – ซาวด์แทร็กและฉากต่างๆ ถ่ายทอดบรรยากาศของอเมริกาในยุคนั้นได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการแสดงเปียโนของเชอร์ลีย์ที่สร้างความประทับใจ

จุดที่อาจมีข้อถกเถียง
 • มีเสียงวิจารณ์ว่าหนังเล่าเรื่องจากมุมมองของโทนี่ ลิปมากเกินไป และลดทอนความซับซ้อนของปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ
 • ลูกชายของ ดร. เชอร์ลีย์ เคยออกมาวิจารณ์ว่าหนังบิดเบือนความจริงบางส่วนเกี่ยวกับตัวพ่อของเขา

สรุป

Green Book เป็นหนังที่อบอุ่นและทรงพลัง ถ่ายทอดเรื่องราวของมิตรภาพที่ก้าวข้ามกำแพงของเชื้อชาติและอคติ แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับมุมมองการเล่าเรื่อง แต่โดยรวมแล้ว หนังให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังแนว ดราม่า-โรดมูฟวี่ ที่มีทั้งอารมณ์ขันและความซาบซึ้ง

คะแนน: ⭐⭐⭐⭐⭐ (5/5) – เป็นหนึ่งในหนังที่ควรค่าแก่การรับชม