Green Book : สมุดปกเขียว คู่มือสำหรับการเดินทางของคนผิวสี



Green Book : สมุดปกเขียว คู่มือสำหรับการเดินทางของคนผิวดำ

เมื่อวานนี้มีโอกาสไปดู Green Book มาค่ะ ตอนแรกกังวลอยู่พอสมควรเพราะว่าเรากับเพื่อนกันทานข้าวอิ่มมาก แล้วต้องไปดู “หนังรางวัล” แบบนี้ ก่อนเข้าโรงก็คิดกับเพื่อนเหมือนกันว่าหนังอาจจะสนุกหรือน่าเบื่อไปเลยก็เป็นได้ นี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่คิดไว้ข้างต้นนะคะ แต่พอได้ดูแล้วเปลี่ยนใจกันแทบไม่ทันเลยค่ะ

Green Book ในที่นี้คืออะไร?
คือคู่มือการเดินทางสำหรับคนผิวสีในยุค 60s ที่ใช้ในการเดินทางไปรัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ด้านในจะบอกรายชื่อร้านอาหาร รายชื่อโรงแรมที่คนสีผิวสามารถเข้าพักได้ เนื่องจากในสมัยนั้นคนสีผิวไม่ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ดำเนินชีวิตร่วมกับคนผิวขาวได้ และเมืองพระอาทิตย์ตกดิน (ห้ามคนผิวสีออกบ้านหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน) สิ่งถือว่าเป็นการเหยียดและความไม่เท่าเทียมระหว่างสีผิวนั่นเอง



ตัวเอกของเรื่องมี 2 ตัว คือ โทนี่ เวลลาลองกา เจ้าของฉายาโทนี่ ลิป (โทนี่จอมปากดี,โทนี่จอมทอแห*ล) อิตาเลี่ยนผิวขาวผู้มีนิสัยหยาบคาย เสียงดัง ชอบใช้กำลัง และข้อเสียอีกมากมาย เขาทำงานเป็นผู้ดูแลผับที่ชื่อว่าโคบา มีหน้าที่ใช้กำลังโดยเฉพาะ โทนี่ตกงาน และได้งานใหม่เป็นคนขับรถให้ด๊อกเตอร์ดอน เชอร์ลีย์ ด๊อกเตอร์หนุ่มผู้จบปริญญาเอกด้านจิตวิทยาเพลง นักเปียโนผู้เก่งกาจ และเป็นชายผิวสี ที่กำลังจัดคอนเสิร์ตในรัฐทางตอนใต้ของอเมริกา (ค่อนข้างจะบ้านนอก และมีการดูถูกสีผิวที่เข้มข้นกว่าตอนเหนือ)

การแสดงของนักแสดงทั้งสองตัวทำให้เราเชื่อได้เลยว่าเขาทั้งสองคือคนที่มีบุคลิกภาพแบบนั้นจริงๆ มันสื่อผ่านออกมาทางแววตา ท่าทาง การขยับตัว มันธรรมชาติมากๆ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงและความเข้าอกเข้าใจกันของตัวละครก็ทำออกมาได้อย่างมีเหตุผล คนดูจะไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนหรือรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้ตัวละครทั้งคู่มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน



เนื้อเรื่องมุ่งนำเสนอภาพของชายผิวขาวที่คิดว่าตนเองมีเกียรติเหนือชายผิวสี แต่ต้องมาอยู่ในสถานภาพที่ต่ำกว่าคือเป็นคนขับรถ และคนรับใช้ เราได้ข้อสรุปสั้นๆ ในใจว่า โทนี่เป็นคนขาวแต่มีการกระทำที่ดำสนิทแต่ก็ยังมีข้อดีที่หลายคนในเมืองต่างลงความเห็นว่าเขานี่ละตัวจริง ในขณะที่ด๊อกเตอร์ดอนเป็นคนดำที่มีการกระทำและความคิดที่ขาวสะอาดแต่ก็มีบางอย่างที่เป็นเรื่องที่บอกกับใครไม่ได้ (เรื่องที่ผิดในยุคนั้น – ไม่ขอสปอยเนอะ) หนังจึงมุ่งบอกเราว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะขาวจนบริสุทธิ์ และดำเสียจนสนิทไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสีผิวหรือกมลสันดานก็ตาม

ความรู้สึกอิ่มเอมใจหลังที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คือเยอะมากเลยนะ มันทำให้รู้สึกว่าแม้ว่าเราจะปฏิบัติตนดีแค่ไหน แต่คนที่มีอคติและพร้อมเหยียดหยามคนอื่นก็ไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ เช่นเดียวกับด๊อกเตอร์ดอน เชอร์ลีย์ ที่แม้จะจบปริญญาเอก เป็นนักเปียโน ร่ำรวย พูดจาที่ไพเราะ แต่ก็ยังคงเป็นไอ้มืดหรือคนผิวดำในสายตาของคนขาวอยู่วันยันค่ำ

เราหวังว่าจะเห็น 1 ใน 2 ตัวละครเอกจะได้รับออสก้าในปีนี้ รวมทั้งทีมงานที่ทำหนังเรื่องนี้ออกมาได้นุ่มนวลและเกลี้ยงมาก 10/10 คะแนนค่ะ

ฝากกดติดตามด้วยนะคะ / แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
Page : จะดูหนังอ่ะ
Twitter : JarDoMovie



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่