Green Book (Peter Farrelly, 2018) คะแนน B+
"ความสัมพันธ์ต่างสีผิวถูกบอกเล่าได้อย่างเพลิดเพลิน" ถ้าจะมองหาหนังที่มีประเด็นทางสีผิวดราม่าแต่กลับบอกเล่าเรื่องราวได้เพลิดเพลินสนุกสนาน ดูแล้วรู้สึกเบาสบายผ่อนคลาย Green Book คือหนึ่งในหนังที่ให้อารมณ์เหล่านั้นได้อย่างถึงที่สุด ทั้งมุขตลก และความสัมพันธ์ระหว่างชายสองคนที่ต่างสีผิว ต่างเชื้อชาติ ตัวหนังเล่าเรื่องจริงของนักเปียโนผิวสีชื่อดัง 'ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี)' ที่จะต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา และจำเป็นต้องใช้หนังสือปกเขียวสำหรับนักท่องเที่ยวนิโกร (The Negro Motorist Green Book) รับสมัครคนขับรถส่วนตัว 'โทนีลิป (วิกโก มอร์เทนเซน)' จึงได้งานนี้เพราะมีชื่อเสียทางด้านจัดการความไม่สงบเรียบร้อย ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่กำลังตกงานพอดี ทั้งสองคนต้องเดินทางไปแต่ละเมืองทางตอนใต้ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน ดินแดนทางใต้ที่ไม่ต้อนรับนิโกร เต็มไปด้วยอันตรายตลอดเส้นทาง ทั้งสองคนจึงได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ก่อเกิดความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะฟีลกู๊ด
แน่นอนว่า ตัวภาพยนตร์พาเราไปพบกับความขัดแย้งและประเพณีต่างๆที่คนผิวสีถูกกระทำในช่วงยุด 60’s สอดแทรกผ่านตัวละครหลักในเรื่อง แม้ว่าภาพทั้งหมดจะไม่ได้ชัดเจนหรือสะท้อนให้เรารับรู้ถึงความโศกเศร้าของคนดำในยุคสมัยนั้นเหมือนที่หนังเรื่องอื่นๆเคยทำ เพราะประเด็นของหนังไม่ได้ให้น้ำหนักในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของคนผิวสีในประเทศแห่งนี้ แต่ให้เรามองภาพผ่านตัวละครผิวสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนขาวกับคนดำ 'ดอน เชอร์ลีย์' นักเปียโนผู้โด่งดังและฐานะดี จึงเป็นตัวละครที่อยู่ตรงกลางเส้นแบ่งนี้ เราจึงได้รับรู้ความรู้สึกอีกมุมหนึ่งผ่านตัวละครตัวนี้ ซึ่งตัวหนังเองทำได้ดีและประสบความสำเร็จ การแสดงของ 'มาเฮอร์ชาลา อาลี' สามารถสร้างตัวละครที่เปลี่ยวเหงา สับสน และมีจุดยืนที่พยายามพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างในความเชื่อของตัวเอง ส่วนการแสดงของ 'วิกโก มอร์เทนเซน' นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และช่วยทำให้ตัวหนังครบสมบูรณ์ พร้อมทั้งมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมน่าชื่นชม
ท้ายสุด 'Green Book' ให้แง่มุมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้น่ารักน่าชัง มีความสนุกสนานขบขัน มีบทภาพยนตร์ที่กลมกล่อมและสะท้อนภาพชีวิตจิตใจของตัวละครได้ดี ให้ภาพสะท้อนสังคมในยุค 60's ชนิดที่ไม่โหดร้ายเกินไปจนสูญเสียอรรถรสสไตล์หนังคอมเมดี้ นักแสดงนำทั้งสองคนรับส่งบทและถ่ายทอดตัวละครออกมาได้มีเสน่ห์ ประกอบกับเสียงดนตรีจากเปียโนอันไพเราะ บรรยากาศของหนังช่วงคริสต์มาสส่งท้ายปี ความดราม่าผสมความตลกในหนังจึงสร้างรอยยิ้มและเรียกความซึ้งใจได้ในน้ำหนักพอเหมาะพอดี ดังนั้น Green Book จึงน่าจะได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย สมทบชาย, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บทเวทีออสการ์ที่จะถึงในปีนี้ และน่าจะมีสิทธิได้รางวัลติดไม้ติดมือมาพอสมควร...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Green Book (Peter Farrelly, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
"ความสัมพันธ์ต่างสีผิวถูกบอกเล่าได้อย่างเพลิดเพลิน" ถ้าจะมองหาหนังที่มีประเด็นทางสีผิวดราม่าแต่กลับบอกเล่าเรื่องราวได้เพลิดเพลินสนุกสนาน ดูแล้วรู้สึกเบาสบายผ่อนคลาย Green Book คือหนึ่งในหนังที่ให้อารมณ์เหล่านั้นได้อย่างถึงที่สุด ทั้งมุขตลก และความสัมพันธ์ระหว่างชายสองคนที่ต่างสีผิว ต่างเชื้อชาติ ตัวหนังเล่าเรื่องจริงของนักเปียโนผิวสีชื่อดัง 'ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี)' ที่จะต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา และจำเป็นต้องใช้หนังสือปกเขียวสำหรับนักท่องเที่ยวนิโกร (The Negro Motorist Green Book) รับสมัครคนขับรถส่วนตัว 'โทนีลิป (วิกโก มอร์เทนเซน)' จึงได้งานนี้เพราะมีชื่อเสียทางด้านจัดการความไม่สงบเรียบร้อย ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่กำลังตกงานพอดี ทั้งสองคนต้องเดินทางไปแต่ละเมืองทางตอนใต้ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน ดินแดนทางใต้ที่ไม่ต้อนรับนิโกร เต็มไปด้วยอันตรายตลอดเส้นทาง ทั้งสองคนจึงได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ก่อเกิดความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะฟีลกู๊ด
แน่นอนว่า ตัวภาพยนตร์พาเราไปพบกับความขัดแย้งและประเพณีต่างๆที่คนผิวสีถูกกระทำในช่วงยุด 60’s สอดแทรกผ่านตัวละครหลักในเรื่อง แม้ว่าภาพทั้งหมดจะไม่ได้ชัดเจนหรือสะท้อนให้เรารับรู้ถึงความโศกเศร้าของคนดำในยุคสมัยนั้นเหมือนที่หนังเรื่องอื่นๆเคยทำ เพราะประเด็นของหนังไม่ได้ให้น้ำหนักในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของคนผิวสีในประเทศแห่งนี้ แต่ให้เรามองภาพผ่านตัวละครผิวสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนขาวกับคนดำ 'ดอน เชอร์ลีย์' นักเปียโนผู้โด่งดังและฐานะดี จึงเป็นตัวละครที่อยู่ตรงกลางเส้นแบ่งนี้ เราจึงได้รับรู้ความรู้สึกอีกมุมหนึ่งผ่านตัวละครตัวนี้ ซึ่งตัวหนังเองทำได้ดีและประสบความสำเร็จ การแสดงของ 'มาเฮอร์ชาลา อาลี' สามารถสร้างตัวละครที่เปลี่ยวเหงา สับสน และมีจุดยืนที่พยายามพิสูจน์บางสิ่งบางอย่างในความเชื่อของตัวเอง ส่วนการแสดงของ 'วิกโก มอร์เทนเซน' นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และช่วยทำให้ตัวหนังครบสมบูรณ์ พร้อมทั้งมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมน่าชื่นชม
ท้ายสุด 'Green Book' ให้แง่มุมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้น่ารักน่าชัง มีความสนุกสนานขบขัน มีบทภาพยนตร์ที่กลมกล่อมและสะท้อนภาพชีวิตจิตใจของตัวละครได้ดี ให้ภาพสะท้อนสังคมในยุค 60's ชนิดที่ไม่โหดร้ายเกินไปจนสูญเสียอรรถรสสไตล์หนังคอมเมดี้ นักแสดงนำทั้งสองคนรับส่งบทและถ่ายทอดตัวละครออกมาได้มีเสน่ห์ ประกอบกับเสียงดนตรีจากเปียโนอันไพเราะ บรรยากาศของหนังช่วงคริสต์มาสส่งท้ายปี ความดราม่าผสมความตลกในหนังจึงสร้างรอยยิ้มและเรียกความซึ้งใจได้ในน้ำหนักพอเหมาะพอดี ดังนั้น Green Book จึงน่าจะได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย สมทบชาย, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บทเวทีออสการ์ที่จะถึงในปีนี้ และน่าจะมีสิทธิได้รางวัลติดไม้ติดมือมาพอสมควร...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/