Green Book (2018): การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ





Best Picture Oscar 2019 ในปีที่มีหนังสมบูรณ์แบบอย่าง Roma(2018) ที่ผมเชียร์สุดตัวเป็นคู่แข่ง จนดองไว้เพิ่งได้มาดู จึงไม่แปลกใจเลยว่าหาก Roma พลาดรางวัลเพราะความอนุรักษ์นิยมของ Oscar ที่ยังไม่ยอมรับหนังของ Netflix ก็คงต้องเป็น Green Book ที่เหมาะสมแก่รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมพ่วงด้วยบทดั้งเดิมยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปอย่างหมดจด

ถ้าไม่ใช่ปีของ Rami Malek ที่สวมบทเป็น Freddy Mercury ได้ถึงจิตวิญญาณ ก็ต้องเป็น Viggo Mortensen นี่ล่ะที่ควรได้จากตัวละครอิตาเลียนพุงหลามแสนน่ารักน่าชังจนลืมภาพของพระเอกสุดเท่ห์ไปหมด ที่เข้าขากับ Mahershala Ali แบกหนังทั้งเรื่องจนได้รางวัล

ฝั่งการกำกับที่ทำได้ยอดเยี่ยมเก็บรายละเอียดทุกรายทางของแต่ละฉากตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งต้องทึ่งเมื่อเห็นงานในเครดิตของผู้กำกับ Peter Farrelly ที่เป็นหนังตลกเบาสมองจัด ๆ จนมาทำงานหนัง Feel Good ก็ทำได้อย่างละเมียดละไมจนได้รับรางวัลใหญ่

สารภาพว่าที่ดองมาเป็นปีเพราะหน้าหนังเรื่องนี้ไม่ชวนดึงดูดเอาเสียเลย ถึงจะมีรางวัลการันตีก็เถอะ ทั้งพล็อตหนัง Road Trip ของสองคนที่ต่างกันสิ้นเชิง, ประเด็นผิวสี, การเล่าเรื่องในช่วงยุค 60s ,และความเป็นอเมริกันจ๋า ล้วนแต่เคยผ่านตามาหมดแล้ว แต่เมื่อยิ่งเปิดดูยิ่งเห็นแต่ละฉากที่ล้วนมีความหมายแทรกเป็นเหตุและผลอยู่ทั้งเรื่อง การนำเอาสองตัวละครที่ตรงข้ามกันสิ้นเชิงทั้งสถานะ ผิวสี การศึกษา มาพัฒนาความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง จากการแสดงทรงพลังของทั้งคู่ที่ทั้ง น่ารัก มีอารมณ์ขัน คมคาย จนกลายเป็นมิตรภาพที่ทำให้เชื่อได้สนิทใจ โดยมีฉากน่าประทับใจร้อยเรียงมาโดยไม่รู้สึกถูกยัดเยียดสักนิด

ถ้าให้ความรู้สึกของหนังเรื่องนี้คงนึกถึงหนังฝรั่งเศสเรื่อง The Intouchables (2011) ที่มาจากเรื่องจริงของคนต่างสีผิวต่างสถานะแต่มาเรียนรู้กันจนเป็นมิตรภาพน่าประทับใจ มีความรู้สึกอิ่มเอมเมื่อได้ชมไม่แตกต่างกัน

ด้วยความเป็นหนังรางวัลอยู่แล้วจึงไม่ขอวิเคราะห์วิจารณ์มาก แค่มาเชียร์ว่า ไปดูเถิด มีหนังดีงามแบบนี้ไม่กี่เรื่องที่สมควรดูเพื่อจรรโลงหัวใจในโลกอันวุ่นวายนี้ แล้วคุณจะรักมัน

ขอบคุณที่โลกนี้มีภาพยนตร์

10/10 ยอดเยี่ยม ละเมียด หมดจด งดงาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่