ที่มา -
https://kaowonni.blogspot.com/2025/02/Thailand-s-Population-Crisis.html
อัตราการเกิดในประเทศไทยได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 ซึ่งเป็นปีแรกที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 5 แสนคน
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมและเศรษฐกิจไทย ทั้งในแง่ดีและแง่เสีย
๐
ผลกระทบในแง่ลบ
การลดลงของประชากรและการขาดแคลนแรงงาน
อัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการตายทำให้จำนวนประชากรเริ่มลดลง ส่งผลให้อุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน
คาดการณ์ว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า จำนวนแรงงานจะลดลงจาก 37.2 ล้านคนเหลือเพียง 22.8 ล้านคน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวและสังคม
ครอบครัวเดี่ยวจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ครอบครัวขยายจะลดน้อยลง ส่งผลให้ความผูกพันในสังคมลดลง วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การแต่งงานช้า และมีค่านิยมในการใช้ชีวิตเป็นโสดมากขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยทั้งหมด
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
กำลังซื้อและการบริโภคของประชากรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากจำนวนผู้บริโภคหลัก (กลุ่มอายุทำงาน) ลดลง ทำให้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้น
ภาครัฐอาจจัดเก็บภาษีน้อยลง เนื่องจากฐานภาษีทั้งหมดถูกกระจายไปตามจำนวนประชากรที่ลดลงทุกปี1.
ผลกระทบที่อาจเป็นประโยชน์ในบางมุมมอง
๐
แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงทั่วไปถูกมองว่าเป็นวิกฤติ แต่ก็มีมุมมองทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความสามารถในการรองรับทรัพยากรบางประการที่อาจถือว่าเป็นประโยชน์:
การบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมจำนวนประชากรทั่วโลกหรือในประเทศใดประเทศหนึ่งที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นอัตราการเติบโตของประชากรที่ชะลอลงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับหนึ่ง
การจัดการทรัพยากรภายในประเทศ
หากควบคุมการเติบโตของจำนวนประชากรได้ดี ประเทศไทยอาจจัดการทรัพยกรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานได้ดีขึ้นด้วยการวางแผนสำหรับจำนวนทรัพยกรตามขนาดของผู้ใช้งานจริง
๐
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ได้มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียได้แสดงความคิดเห็นไว้หลากหลาย เช่น
ความคาดหวังทางสังคม
หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าการไม่มีลูกหรือเลี้ยงดูลูกไม่ใช่แค่เรื่องของคู่สมรส แต่ยังเป็นการปล่อยให้สังคมต้องแบกรับต้นทุนระยะยาว เช่น การเตรียมพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงอายุ และระบบสวัสดิการ
ภาระทางการเงิน
มีการแสดงความคิดเห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกราคาแพงขึ้นทุกปี ทำให้ผู้ปกครองใหม่ต้องเผชิญกับความเครียดทางการเงินมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้หลายคนเลือกไม่มีลูกหรือจะมีบุตรจำนวนน้อย
เสริมสร้างมาตรการจูงใจ
ประชาชนมีความคาดหวังว่ารัฐบาลควรออกมาตรการจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ทางการเงิน, สวัสดิการสำหรับผู้ปกครอง, หรือโครงการสนับสนุนการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้เกิดตัวเลขเด็กใหม่ทบทวนกลับมาอีกครั้ง
๐
วิธีการแก้ไขหรือปรับตัวเข้ากับการเปลียนแปลง
เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ รัฐบาลไทยควรดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดตัดสินใจในการมีบุตร เช่น มาตรการจูงใจทางการเงินสำหรับคู่สมรส การปรับปรุงระบบสวัสดิการสำหรับผู้ปกครอง การสนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมอาชีพสำหรับผู้ปกครองใหม่ๆ การปรับปรุงสภาพการทำงานให้เหมาะสมกับการเลี้ยงดูลูกหลานมากขึ้น
โดยรวมแล้ว อัตราการเกิดต่ำไม่ใช่แค่เป็นเรื่องเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นทิศทางเชิงกลยุทธ์ทั่วไปในสังคมหลายแห่ง ท่ามกลางความพยายามในการปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงใหม่นี้ สังคมไทยจะต้องหาวิธีการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กับความจำเป็นทั้งในระยะยาวและระยะสั้นทางด้านกำลังคนและสุขภาพครอบครัว
.....................................
การเปลี่ยนแปลงทางประชากร: อัตราการเกิดต่ำในประเทศไทย ทิศทางใหม่ของสังคมและเศรษฐกิจ
ที่มา - https://kaowonni.blogspot.com/2025/02/Thailand-s-Population-Crisis.html
อัตราการเกิดในประเทศไทยได้ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 ซึ่งเป็นปีแรกที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 5 แสนคน
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมและเศรษฐกิจไทย ทั้งในแง่ดีและแง่เสีย
๐ ผลกระทบในแง่ลบ
การลดลงของประชากรและการขาดแคลนแรงงาน
อัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการตายทำให้จำนวนประชากรเริ่มลดลง ส่งผลให้อุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน
คาดการณ์ว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า จำนวนแรงงานจะลดลงจาก 37.2 ล้านคนเหลือเพียง 22.8 ล้านคน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวและสังคม
ครอบครัวเดี่ยวจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ครอบครัวขยายจะลดน้อยลง ส่งผลให้ความผูกพันในสังคมลดลง วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การแต่งงานช้า และมีค่านิยมในการใช้ชีวิตเป็นโสดมากขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยทั้งหมด
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
กำลังซื้อและการบริโภคของประชากรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากจำนวนผู้บริโภคหลัก (กลุ่มอายุทำงาน) ลดลง ทำให้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้น
ภาครัฐอาจจัดเก็บภาษีน้อยลง เนื่องจากฐานภาษีทั้งหมดถูกกระจายไปตามจำนวนประชากรที่ลดลงทุกปี1.
ผลกระทบที่อาจเป็นประโยชน์ในบางมุมมอง
๐ แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงทั่วไปถูกมองว่าเป็นวิกฤติ แต่ก็มีมุมมองทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความสามารถในการรองรับทรัพยากรบางประการที่อาจถือว่าเป็นประโยชน์:
การบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมจำนวนประชากรทั่วโลกหรือในประเทศใดประเทศหนึ่งที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นอัตราการเติบโตของประชากรที่ชะลอลงเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ในระดับหนึ่ง
การจัดการทรัพยากรภายในประเทศ
หากควบคุมการเติบโตของจำนวนประชากรได้ดี ประเทศไทยอาจจัดการทรัพยกรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานได้ดีขึ้นด้วยการวางแผนสำหรับจำนวนทรัพยกรตามขนาดของผู้ใช้งานจริง
๐ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ได้มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียได้แสดงความคิดเห็นไว้หลากหลาย เช่น
ความคาดหวังทางสังคม
หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าการไม่มีลูกหรือเลี้ยงดูลูกไม่ใช่แค่เรื่องของคู่สมรส แต่ยังเป็นการปล่อยให้สังคมต้องแบกรับต้นทุนระยะยาว เช่น การเตรียมพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงอายุ และระบบสวัสดิการ
ภาระทางการเงิน
มีการแสดงความคิดเห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกราคาแพงขึ้นทุกปี ทำให้ผู้ปกครองใหม่ต้องเผชิญกับความเครียดทางการเงินมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้หลายคนเลือกไม่มีลูกหรือจะมีบุตรจำนวนน้อย
เสริมสร้างมาตรการจูงใจ
ประชาชนมีความคาดหวังว่ารัฐบาลควรออกมาตรการจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ทางการเงิน, สวัสดิการสำหรับผู้ปกครอง, หรือโครงการสนับสนุนการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้เกิดตัวเลขเด็กใหม่ทบทวนกลับมาอีกครั้ง
๐ วิธีการแก้ไขหรือปรับตัวเข้ากับการเปลียนแปลง
เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ รัฐบาลไทยควรดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดตัดสินใจในการมีบุตร เช่น มาตรการจูงใจทางการเงินสำหรับคู่สมรส การปรับปรุงระบบสวัสดิการสำหรับผู้ปกครอง การสนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมอาชีพสำหรับผู้ปกครองใหม่ๆ การปรับปรุงสภาพการทำงานให้เหมาะสมกับการเลี้ยงดูลูกหลานมากขึ้น
โดยรวมแล้ว อัตราการเกิดต่ำไม่ใช่แค่เป็นเรื่องเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นทิศทางเชิงกลยุทธ์ทั่วไปในสังคมหลายแห่ง ท่ามกลางความพยายามในการปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงใหม่นี้ สังคมไทยจะต้องหาวิธีการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กับความจำเป็นทั้งในระยะยาวและระยะสั้นทางด้านกำลังคนและสุขภาพครอบครัว
.....................................