หยุดเอาเปรียบผู้บริโภค! เสียงเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมในวงการขนส่งพัสดุ
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้บริโภคทุกคน
วันนี้เราอยากเล่าประสบการณ์ที่หลายคนอาจเคยเจอหรือใกล้เคียง และเชื่อว่ามันสะท้อนปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรถูกมองข้ามอีกต่อไป...
จุดเริ่มต้นของปัญหา: เมื่อ "บริการ" กลายเป็น "การละเลย"
ในฐานะเราที่ใช้บริการขนส่งพัสดุของหลากหลายเจ้า ซึ่งเราก็จะส่งพัสดุตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายเป็นหลัก แม้จะเคยเจอปัญหาเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง เช่น พัสดุมาช้ากว่ากำหนด หรือบางครั้งเกิดความเสียหายเล็กน้อยระหว่างการขนส่ง แต่เราก็ยอมมองข้ามเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่แก้ไขได้
แต่แล้ว... เรื่องราวที่เกิดขึ้นล่าสุดกลับทำให้เราต้องหยุดคิดใหม่ว่า
"จริงเหรอ?"
เรื่องราวที่เกิดขึ้น: พัสดุหายไปไหน?
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้ส่งพัสดุผ่านบริษัทขนส่งพัสดุค่ายแดง เป็นพัสดุที่ไม่ใช่แบบเก็บเงินปลายทาง และถูกส่งภายในกรุงเทพฯถึงกรุงเทพฯ ซึ่งตามปกติใช้เวลาเพียง 1-2 วันในการจัดส่งเท่านั้น หลังจากส่งพัสดุออกไป เราก็เข้าใจโดยสุจริตใจว่าพัสดุได้ถึงมือลูกค้าของเราแล้ว ซึ่งปกติมันต้องเป็นอย่างนั้น
แต่เมื่อผ่านมาประมาณ 4 วันจากวันที่ส่งพัสดุให้ลูกค้าไป ลูกค้าทักมาบอกว่า
"ยังไม่ได้รับพัสดุเลย". เราจึงแนะนำให้ลูกค้าลองตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากที่ลูกค้าลองไปค้นหาอีกครั้งแต่ก็ไม่พบเหมือนเดิม (เนื่องจากลูกค้ายุ่งก้บธุระจึงไม่ได้ทำการตรวจสอบสถานะพัสดุก่อนหน้านี้)
หลักฐานที่ชัดเจน: การเซ็นรับเองโดยพนักงาน
เพื่อคลายข้อสงสัย ในเบื้องต้นเราจึงตรวจสอบสถานะพัสดุอย่างละเอียด
จนพบข้อมูลที่น่าตกใจ: พัสดุถูกพนักงานของบริษัทขนส่งเซ็นรับเองและจบงานตั้งแต่ยังอยู่ที่โกดังคัดแยกพัสดุ โดยไม่ถูกส่งต่อให้ลูกค้าปลายทางเลย!
หลักฐานที่เราพบคือภาพถ่าย
"เซ็นรับพัสดุ" ในแอปพลิเคชันของบริษัทเอง ซึ่งปกติแล้วหมายความว่าบริษัทได้ทำการส่งพัสดุให้ปลายทางเสร็จสิ้นแล้วถึงจะขึ้นสถานะนี้ แต่กรณีนี้พัสดุไม่น่าจะได้ทำการส่งออกจากโกดังไปถึงลูกค้าด้วยซ้ำ
ความพยายามที่ไร้ผล: ติดต่อไปทุกช่องทาง
หลังจากที่เราพบหลักฐาน เราจึงได้ติดต่อไปที่ Call Center ของบริษัทเพื่อจะถามถึงสาเหตุและวิธีการเคลม แต่ติดต่อยากมาก
พอเรากรอกเลขพัสดุเพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ สุดท้ายเรากลับพบแต่เพียงเสียงรอสายแล้วระบบก็ตัดสายไปทุกครั้ง และมากกว่าสิบครั้ง
ต่อมาเราจึงลองติดต่อไปยังร้านขนส่งต้นทางที่เป็นตัวแทนของบริษัทขนส่งพัสดุแห่งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือและหวังว่าเค้าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งเขาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เมื่อร้านขนส่งพัสดุต้นทางพยายามติดต่อสอบถามไปยังบริษัทขนส่งพัสดุ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ "ไม่สามารถระบุข้อเท็จจริงได้ว่าพัสดุอยู่ที่ไหน? แล้วทำไมถึงจบงานทั้งที่ยังไม่ส่งให้ปลายทาง?"
ร้านขนส่งพัสดุต้นทางได้เล่าและยืนยันกับเราว่า เขตที่ลูกค้าเราอาศัยอยู่มีปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อย และมีลูกค้าของที่ขนส่งพัสดุต้นทางมาขอให้เขาตามพัสดุให้ก็หลายคน
ร้านขนส่งพัสดุต้นทางแนะนำให้เราแจ้งลูกค้าของเราว่า หากสะดวก…ให้ลองไปหาพัสดุเองที่โกดังตามพิกัดและเบอร์ติดต่อที่เขาหามาให้
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีลูกค้าคนไหนควรต้องทำเช่นนั้น เพราะ
เราจ่ายค่าบริการเพื่อให้บริษัทขนส่งพัสดุเพื่อส่งพัสดุไปถึงยังปลายทาง ไม่ใช่ฝากของไว้แล้วให้เราไปรับพัสดุเองที่โกดัง!
เมื่อเรารับข้อมูลมา เราเลยลองโทรไปที่โกดังแทนลูกค้าก่อน แต่โทรไปหลายรอบก็ไม่มีใครรับ ปล่อยให้สายว่างตลอด
ผลกระทบและความไม่เป็นธรรม: การเคลมที่ถูกปฏิเสธ
เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราจำเป็นต้องส่งสินค้าใหม่ให้ลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี และพร้อมกันนั้นเราก็ได้ยื่นเรื่องเคลมค่าเสียหายผ่านแอปและเว็ปไซต์กับบริษัทขนส่งพัสดุตามที่บริษัทได้แจ้งไว้บนหน้าเว็บไซค์
แต่กระบวนการเคลมกลับเต็มไปด้วยอุปสรรค:
+ ระบบเคลมในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของบริษัทไม่มีตัวเลือกที่ครอบคลุมกรณีที่เราประสบปัญหา จึงทำให้ไม่สามารถยื่นเคลมได้จนทำให้ล่วงเลยระยะเวลาที่บริษัทขนส่งพัสดุกำหนด
+ เมื่อโทรติดต่อ Call Center ก็ได้สามารถส่งต่อเรื่องได้ กลายเป็นสายว่างและตัดไป แม้ต้องพยายามโทรติดต่อไปอีกมากกว่าสิบครั้ง
+ แม้สุดท้ายจะหาวิธีเคลมสำเร็จในที่สุด แต่เมื่อยื่นเคลมไปและเวลาผ่านไปครึ่งเดือน บริษัทขนส่งพัสดุกลับ “ปฏิเสธการเคลม” ของเรา โดยอ้างว่า "เกินระยะเวลาหลังเซ็นรับ"
คำถามคือ...
ทำไมเราต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดจากบริษัทเอง?
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? และไม่ควรมองข้าม!
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ "พัสดุหาย" หรือ "การเคลมช้า" แต่มันสะท้อนถึง
ความไม่รับผิดชอบและการเอาเปรียบผู้บริโภค ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการขนส่งพัสดุ
ลองคิดดูว่า หากบริษัทขนส่งพัสดุทำแบบนี้กับ 100 คน, 1,000 คน หรือ 100,000 คน ความเสียหายรวมทั้งหมดจะมากมายขนาดไหน? และบริษัทเหล่านี้จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องรับโทษอะไรเลยใช่หรือไม่?
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาจากเรื่องนี้
1.หน้าที่หลักของบริษัทขนส่งคืออะไร?
+ บริษัทขนส่งต้องรับพัสดุจากผู้ส่งและนำส่งถึงปลายทางตามที่ระบุ หากลูกค้าเลือกใช้บริการก็เพราะคาดหวังว่าพัสดุจะถึงมือผู้รับ ไม่ใช่ถูกกองไว้ที่ใดหรือหายไปโดยไร้คำอธิบาย
2.พนักงานเซ็นรับพัสดุเอง: ทำไมถึงเกิดขึ้น?
+ การเซ็นรับพัสดุแทนลูกค้าสามารถทำได้ในบางกรณี เช่น เมื่อไม่มีผู้รับอยู่บ้านและพัสดุไม่ใช่ประเภท COD โดยพนักงานต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับ หรือหากติดต่อผู้รับไม่ได้จริงๆ พนักงานส่งพัสดุควรถ่ายภาพพัสดุพร้อมสถานที่จัดส่งไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
3.โยนความผิดให้ลูกค้า: เกินระยะเวลาเคลม?
+ สาเหตุของการเคลมช้ามาจากกระบวนการที่ซับซ้อนและขาดความชัดเจนของบริษัทเอง แต่กลับโยนความผิดมาให้ลูกค้าแทน
4.การติดต่อที่ยากเย็นแสนเข็ญ:
+ การติดต่อ Call Center มักใช้เวลานาน บางครั้งถูกปล่อยสายว่างหรือตัดสายไปเอง หรือบอกว่ารับเรื่องไว้แล้วแต่สุดท้ายกลับเงียบหายไปโดยไม่แจ้งความคืบหน้า
5.เงื่อนไขและข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม:
+ เงื่อนไขการใช้บริการของบริษัทขนส่งในหลายๆข้อมักเอื้อประโยชน์ให้บริษัทฝ่ายเดียว และไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
ร่วมกันสร้างพลังเพื่อเปลี่ยนแปลง!
หากคุณเคยเจอปัญหาจากการใช้บริการขนส่งพัสดุ เช่น
+ พัสดุหายระหว่างการขนส่ง แล้วไม่รับผิดชอบ
+ สินค้าเสียหายจากการจัดการที่ไม่ระมัดระวัง แล้วไม่รับผิดชอบ
+ พนักงานเซ็นรับพัสดุเองโดยไม่ส่งถึงปลายทาง
+ การเคลมค่าเสียหายที่ไม่เป็นธรรม
เราขอเชิญชวนทุกคนที่เคยประสบปัญหามาร่วมกันสร้างพลัง เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของผู้บริโภคทุกคน!
แนวทางการดำเนินการ:
1.
รวบรวมหลักฐาน : เก็บเอกสาร รูปภาพ วิดีโอ หรือหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
2.
ลงชื่อร่วมกลุ่ม : เพื่อแสดงพลังและความตั้งใจในการต่อสู้กับปัญหานี้
3.
ร่วมกันฟ้องร้อง : เราจะดำเนินการร้องเรียน และดำเนินการทางกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการขนส่งพัสดุ
แชร์เรื่องราวของคุณได้ที่นี่!
หากคุณเคยเจอปัญหาคล้ายกัน สามารถแชร์เรื่องราวด้านใต้ หรือติดต่อเรามาได้ที่หลังไมค์ พร้อมแนบหลักฐานมาด้วยนะคะ
Facebook Page :
รวมตัวผู้เสียหายจากบริษัทขนส่งพัสดุ
เสียงของพวกคุณมีความสำคัญ และเราเชื่อว่าหากเราทุกคนรวมตัวกัน เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ดีขึ้นได้
เพราะสิทธิ์ของผู้บริโภคต้องได้รับการเคารพ และบริษัทขนส่งพัสดุต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผลทุกกรณี
#j&texpress #flashexpress #kex #ไปรษณีย์ไทย
"หยุด"บริการที่ไร้มาตราฐานและเอาเปรียบผู้บริโภคจากบริษัทขนส่งพัสดุ ใครได้รับความไม่ได้รับความเป็นธรรม เชิญทางนี้
วันนี้เราอยากเล่าประสบการณ์ที่หลายคนอาจเคยเจอหรือใกล้เคียง และเชื่อว่ามันสะท้อนปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรถูกมองข้ามอีกต่อไป...
แต่แล้ว... เรื่องราวที่เกิดขึ้นล่าสุดกลับทำให้เราต้องหยุดคิดใหม่ว่า "จริงเหรอ?"
แต่เมื่อผ่านมาประมาณ 4 วันจากวันที่ส่งพัสดุให้ลูกค้าไป ลูกค้าทักมาบอกว่า "ยังไม่ได้รับพัสดุเลย". เราจึงแนะนำให้ลูกค้าลองตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากที่ลูกค้าลองไปค้นหาอีกครั้งแต่ก็ไม่พบเหมือนเดิม (เนื่องจากลูกค้ายุ่งก้บธุระจึงไม่ได้ทำการตรวจสอบสถานะพัสดุก่อนหน้านี้)
หลักฐานที่เราพบคือภาพถ่าย "เซ็นรับพัสดุ" ในแอปพลิเคชันของบริษัทเอง ซึ่งปกติแล้วหมายความว่าบริษัทได้ทำการส่งพัสดุให้ปลายทางเสร็จสิ้นแล้วถึงจะขึ้นสถานะนี้ แต่กรณีนี้พัสดุไม่น่าจะได้ทำการส่งออกจากโกดังไปถึงลูกค้าด้วยซ้ำ
ร้านขนส่งพัสดุต้นทางแนะนำให้เราแจ้งลูกค้าของเราว่า หากสะดวก…ให้ลองไปหาพัสดุเองที่โกดังตามพิกัดและเบอร์ติดต่อที่เขาหามาให้
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีลูกค้าคนไหนควรต้องทำเช่นนั้น เพราะ เราจ่ายค่าบริการเพื่อให้บริษัทขนส่งพัสดุเพื่อส่งพัสดุไปถึงยังปลายทาง ไม่ใช่ฝากของไว้แล้วให้เราไปรับพัสดุเองที่โกดัง!
เมื่อเรารับข้อมูลมา เราเลยลองโทรไปที่โกดังแทนลูกค้าก่อน แต่โทรไปหลายรอบก็ไม่มีใครรับ ปล่อยให้สายว่างตลอด
ผลกระทบและความไม่เป็นธรรม: การเคลมที่ถูกปฏิเสธ
แต่กระบวนการเคลมกลับเต็มไปด้วยอุปสรรค:
+ ระบบเคลมในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของบริษัทไม่มีตัวเลือกที่ครอบคลุมกรณีที่เราประสบปัญหา จึงทำให้ไม่สามารถยื่นเคลมได้จนทำให้ล่วงเลยระยะเวลาที่บริษัทขนส่งพัสดุกำหนด
+ เมื่อโทรติดต่อ Call Center ก็ได้สามารถส่งต่อเรื่องได้ กลายเป็นสายว่างและตัดไป แม้ต้องพยายามโทรติดต่อไปอีกมากกว่าสิบครั้ง
+ แม้สุดท้ายจะหาวิธีเคลมสำเร็จในที่สุด แต่เมื่อยื่นเคลมไปและเวลาผ่านไปครึ่งเดือน บริษัทขนส่งพัสดุกลับ “ปฏิเสธการเคลม” ของเรา โดยอ้างว่า "เกินระยะเวลาหลังเซ็นรับ"
คำถามคือ... ทำไมเราต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดจากบริษัทเอง?
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? และไม่ควรมองข้าม!
ลองคิดดูว่า หากบริษัทขนส่งพัสดุทำแบบนี้กับ 100 คน, 1,000 คน หรือ 100,000 คน ความเสียหายรวมทั้งหมดจะมากมายขนาดไหน? และบริษัทเหล่านี้จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องรับโทษอะไรเลยใช่หรือไม่?
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาจากเรื่องนี้
+ บริษัทขนส่งต้องรับพัสดุจากผู้ส่งและนำส่งถึงปลายทางตามที่ระบุ หากลูกค้าเลือกใช้บริการก็เพราะคาดหวังว่าพัสดุจะถึงมือผู้รับ ไม่ใช่ถูกกองไว้ที่ใดหรือหายไปโดยไร้คำอธิบาย
2.พนักงานเซ็นรับพัสดุเอง: ทำไมถึงเกิดขึ้น?
+ การเซ็นรับพัสดุแทนลูกค้าสามารถทำได้ในบางกรณี เช่น เมื่อไม่มีผู้รับอยู่บ้านและพัสดุไม่ใช่ประเภท COD โดยพนักงานต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับ หรือหากติดต่อผู้รับไม่ได้จริงๆ พนักงานส่งพัสดุควรถ่ายภาพพัสดุพร้อมสถานที่จัดส่งไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
3.โยนความผิดให้ลูกค้า: เกินระยะเวลาเคลม?
+ สาเหตุของการเคลมช้ามาจากกระบวนการที่ซับซ้อนและขาดความชัดเจนของบริษัทเอง แต่กลับโยนความผิดมาให้ลูกค้าแทน
4.การติดต่อที่ยากเย็นแสนเข็ญ:
+ การติดต่อ Call Center มักใช้เวลานาน บางครั้งถูกปล่อยสายว่างหรือตัดสายไปเอง หรือบอกว่ารับเรื่องไว้แล้วแต่สุดท้ายกลับเงียบหายไปโดยไม่แจ้งความคืบหน้า
5.เงื่อนไขและข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม:
+ เงื่อนไขการใช้บริการของบริษัทขนส่งในหลายๆข้อมักเอื้อประโยชน์ให้บริษัทฝ่ายเดียว และไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
+ พัสดุหายระหว่างการขนส่ง แล้วไม่รับผิดชอบ
+ สินค้าเสียหายจากการจัดการที่ไม่ระมัดระวัง แล้วไม่รับผิดชอบ
+ พนักงานเซ็นรับพัสดุเองโดยไม่ส่งถึงปลายทาง
+ การเคลมค่าเสียหายที่ไม่เป็นธรรม
เราขอเชิญชวนทุกคนที่เคยประสบปัญหามาร่วมกันสร้างพลัง เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของผู้บริโภคทุกคน!
แนวทางการดำเนินการ:
2. ลงชื่อร่วมกลุ่ม : เพื่อแสดงพลังและความตั้งใจในการต่อสู้กับปัญหานี้
3. ร่วมกันฟ้องร้อง : เราจะดำเนินการร้องเรียน และดำเนินการทางกฎหมายเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการขนส่งพัสดุ
Facebook Page : รวมตัวผู้เสียหายจากบริษัทขนส่งพัสดุ
เสียงของพวกคุณมีความสำคัญ และเราเชื่อว่าหากเราทุกคนรวมตัวกัน เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ดีขึ้นได้
เพราะสิทธิ์ของผู้บริโภคต้องได้รับการเคารพ และบริษัทขนส่งพัสดุต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผลทุกกรณี
#j&texpress #flashexpress #kex #ไปรษณีย์ไทย