ม็อบคนใต้ หอบทุเรียน ดักรอ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ค้านกาสิโน-แลนด์บริดจ์ ทบทวนพรบ.SEC
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9638605
ม็อบคนใต้ หอบทุเรียน ดักรอ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ก่อนถกครมสัญจร ถาม“เจอควายเจอได้ ทำไมไม่มาเจอคน” ภูมิธรรม-มนพร รับยื่น เยาวชนจังหวัดชายแดนใต้ ค้านกาสิโน-แลนด์บริดจ์
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ก.พ.2568 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล พร้อมกลุ่มนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีสันติวิทย์สงขลา อ.จะนะ และประชาชนภาคใต้ไม่เอากาสิโน ซึ่งเป็นเยาวชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปักหลักชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ซึ่งห่างจากอาคารประชุมครม.เพียง 900 เมตร
กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ถือป้ายคัดค้าน มีข้อความระบุว่า หยุดขายชาติ พ.ร.บ. SEC เครือข่ายพะโต๊ะ สัมปทานต่างชาติ เท่ากับขายชาติ 99 ปี แลนด์บริดจ์ นิคมอุตสาหกรรมคือความหายนะของภาคใต้ ขณะที่กลุ่มนักศึกษาได้ถือป้ายคัดค้านกาสิโน, การพนันไม่ทำให้ใ, Stop กาสิโน, คนดีสร้างป่าคนบ้าสร้างบ่อน
ขณะที่ข้อเรียกร้องกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องให้ทบทวนพ.ร.บ.SEC ซึ่งจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นเดียวกับพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งประชาชนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตทั้งประมงพื้นบ้าน
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาล ทบทวนพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยขอให้รัฐบาลฟังเสียงจากประชาชนบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง ระหว่างการปราศรัย แกนนำประกาศว่า “
จะรอแต่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น รถอุ๊งอิ๊งค์ต้องเข้ามา ขนาดไปเจอควายยังเจอได้ นี่เป็นคนแท้ๆ ทำไมจึงจะไม่มา วันนี้นำทุเรียน 2 ลูก มารอมอบให้ ถ้าเป็นรองนายกฯมาไม่ให้ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น”
โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม รับหนังสือร้องเรียน
“โรม” โต้ “หม่องชิตตู่” ยันฝ่ายค้านไม่มีอำนาจขอออกหมายจับ ยันรัฐบาลจะต้องปราบทุกเทา ไม่เว้นกะเหรี่ยงเทา
https://ch3plus.com/news/political/morning/433321
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ โพสต์เฟซบุ๊กตอบ หลัง “หม่องชิตตู่” ถาม “ผมทำผิดกฎหมายไทยอะไร ข้อไหน ละเมิดประเทศหรือประชาชนคนไทยเรื่องอะไร “ถึงจะออกหมายจับ แจง แค่ให้เช่าพื้นที่ ไม่เกี่ยวค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยระบุว่า
เรื่องที่ “หม่องชิตตู่” ถามว่าฝ่ายค้านมีสิทธิ์อะไรในการออกหมายจับ ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าผมและฝ่ายค้านเราไม่มีอำนาจในการที่จะไปขอออกหมายจับได้ (อยากมีอยู่เหมือนกัน) อันนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ ฝ่ายค้านมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หากรัฐบาลทำหน้าที่ผิดพลาดสร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง เราก็มีกลไกของสภาที่จะต้องดำเนินการต่อรัฐบาลต่อไป นี่คือภารกิจของผมและฝ่ายค้าน
ผมทราบดีว่าบรรดาจีนเทา และคนถูกหลอกมากมายใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และนี่ก็เป็นความผิดพลาดของการบังคับใช้กฎหมายของประเทศเราที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ หนำซ้ำเรายังมีไทยเทาที่ยังต้องดำเนินการในการปราบปรามต่อไป
แต่ถึงกระนั้นความเทาของไทยเทา ก็ไม่ได้หมายความว่ากะเหรี่ยงเทาอย่าง หม่องชิตตู่ จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกรรมทำเข็ญต่อคนทั่วโลกแต่อย่างใด ผมถึงต้องยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องปราบปรามบรรดาสีเทาทั้งหลายพวกนี้ให้หมดสิ้นไม่เว้นใครไว้ทั้งนั้น และต้องมีการขยายผล ต่อรายใหญ่ใหญ่ที่อยู่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม รวมไปถึงการยึดทรัพย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้
อนึ่ง ผมเริ่มแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมการออกหมายจับถึงไม่สามารถทำได้ ท่านรัฐมนตรีทวี สอดส่อง ต้องอย่าทำให้คนเริ่มสงสัยว่าที่ออกหมายจับไม่ได้ เป็นเพราะหม่องชิตตู่ได้กุมความลับเอาไว้บางอย่างของทางฝั่งไทย จนฝั่งไทยต้องเล่นละครตบตาประชาชนทั้งประเทศทำทีว่าจะมีการออกหมายจับแต่สุดท้ายกลายเป็นการฟอกขาว โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลไกความยุติธรรมของประเทศไทยจะไม่เป็นแบบนั้น
ปล. ส่วนรูปที่แนบมา หลังจากที่เสอจื้อเจียง ถูกจับในประเทศไทยก็ได้มีการจัดพิธีภาวนาให้กับเสอจื้อเจียง ซึ่งพิธีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังของหม่อมชิตตู่ได้ประกาศว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะต้องออกไป
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid0WuYzAMeSTwZwiBYNMo7TA6XgcrhvjHt8AY6EQE1E38BPpeBqtvxNLhEg84ATLM6Al
ถอยแล้ว! อังคณา ถอนญัตติป่วยทิพย์ อ้างข้อมูลไม่พอ-ต้องศึกษาต่อ ลั่นไม่กลัวถูกฟ้อง แค่ให้รอบคอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054309
ถอยแล้ว! อังคณา ถอนญัตติป่วยทิพย์ อ้างข้อมูลไม่พอ-ต้องศึกษาต่อ ลั่นไม่กลัวถูกฟ้อง แค่ให้รอบคอบ คาดยื่นอีกทีสมัยประชุมหน้า
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นาง
อังคณา นีละไพจิตร สว. เปิดเผยว่าตนได้ถอนญัตติ เรื่องขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติในการให้สิทธิ์แก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันแล้ว เนื่องจากข้อมูลตอนนี้ยังไม่เพียงพอ ขาดข้อมูลด้านการแพทย์ เมื่อขอข้อมูลแล้วถูกอ้างเป็นสิทธิของผู้ป่วย ประกอบกับเวลามีใครมาพูดหรือสงสัยในเรื่องนี้ ก็มักจะถูกตอบโต้กลับ จึงมองว่าควรจะมีข้อมูลที่เพียงพอมากกว่านี้ อีกทั้งมีหลายคนติงว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงต้องดูว่าข้อกฎหมายตัดอำนาจ สว.ในการอภิปรายเรื่องนี้หรือไม่
“
ยืนยันว่าไม่ได้กลัวเรื่องการถูกฟ้องร้อง เพราะดิฉันทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอด และตอนนี้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก เราจึงให้ความเห็นเรื่องนี้ในทางวิชาการ ไม่ได้โจมตีบุคคล จึงคิดว่าไม่ควรนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้อง เพราะความเห็นในเชิงวิชาการ ควรได้รับความเคารพ”นาง
อังคณา กล่าว
นาง
อังคณา กล่าวต่อว่า จุดยืนของเรื่องนี้เห็นตรงกันกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่ระบุว่ การที่นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยที่ไม่มีการย้ายเข้าออก จึงสงสัยว่าอาการไม่ดีขึ้นเลยหรือ และมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และที่ผ่านมาเราพยายามหาข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่มักจะถูกอ้างว่าเป็นข้อมูลของผู้ป่วย ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ตนมองว่าผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยควรจะสละสิทธิ์นี้ เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพราะเรื่องนี้สาธารณะคลางแคลงใจมาก
”
เราก็งงอยู่ว่า 180 วัน รักษาโดยที่ไม่ได้ออกมาเลยหรือ และพอออกมาแล้ว ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เคยป่วยวิกฤตมาก่อน จึงเป็นคำถามว่า หากเป็นกรณีผู้ป่วยรายอื่น จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันแบบนี้หรือไม่“ นางอังคณา กล่าว
นาง
อังคณา กล่าวด้วยว่า จุดยืนและเป้าหมายที่เสนอญัตตินี้ เพราะมองว่าผู้ป่วยทุกคนควรได้รับสิทธิในการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน ควรเปิดโอกาสให้ไปคุมขังที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่น กรณีของ “
บุ้ง เนติพร” ที่ควรได้รับการรักษาใกล้ชิดกับแพทย์เฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม น่าจะกลับมายื่นญัตติดังกล่าวได้อีกครั้งในสมัยประชุมหน้า
เมื่อถามว่า คาดหวังการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการเคลียร์ประเด็นดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน นาง
อังคณา กล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจ เพราะกสม. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระได้ตรวจสอบแล้ว และต้องดูว่า ป.ป.ช. สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน และต้องดูว่า ป.ป.ช.มีอำนาจเรียกข้อมูลได้มากกว่า กสม.หรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้จะสามารถไขข้อสงสัย หรือสุดท้ายจะเงียบไป นาง
อังคณา กล่าวว่า ปัญหาคือเวลาที่สังคม หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็จะถูกตอบโต้ อย่างคราวที่แล้ว พล.ต.อ.เ
สรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ถูกพูดลอยๆ ว่า ประเทศไทยไม่มีพลตำรวจเอกหญิง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย และสุดท้ายยังคงมีความคลุมเครือ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้กระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ ควรออกมาชี้แจง เพื่อให้เป็นมาตรฐานคุ้มครองคนทุกคนอย่างเท่าเทียม.
JJNY : ม็อบคนใต้หอบทุเรียน ดักรออิ๊งค์│“โรม”โต้“หม่องชิตตู่”ยันไม่มีอำนาจ│อังคณาถอนญัตติป่วยทิพย์│สหรัฐอ่วมอากาศสุดขั้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9638605
ม็อบคนใต้ หอบทุเรียน ดักรอ ‘นายกฯอิ๊งค์’ ก่อนถกครมสัญจร ถาม“เจอควายเจอได้ ทำไมไม่มาเจอคน” ภูมิธรรม-มนพร รับยื่น เยาวชนจังหวัดชายแดนใต้ ค้านกาสิโน-แลนด์บริดจ์
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ก.พ.2568 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล พร้อมกลุ่มนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีสันติวิทย์สงขลา อ.จะนะ และประชาชนภาคใต้ไม่เอากาสิโน ซึ่งเป็นเยาวชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปักหลักชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ซึ่งห่างจากอาคารประชุมครม.เพียง 900 เมตร
กลุ่มผู้ชุมนุม ได้ถือป้ายคัดค้าน มีข้อความระบุว่า หยุดขายชาติ พ.ร.บ. SEC เครือข่ายพะโต๊ะ สัมปทานต่างชาติ เท่ากับขายชาติ 99 ปี แลนด์บริดจ์ นิคมอุตสาหกรรมคือความหายนะของภาคใต้ ขณะที่กลุ่มนักศึกษาได้ถือป้ายคัดค้านกาสิโน, การพนันไม่ทำให้ใ, Stop กาสิโน, คนดีสร้างป่าคนบ้าสร้างบ่อน
ขณะที่ข้อเรียกร้องกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องให้ทบทวนพ.ร.บ.SEC ซึ่งจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นเดียวกับพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งประชาชนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตทั้งประมงพื้นบ้าน
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาล ทบทวนพ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยขอให้รัฐบาลฟังเสียงจากประชาชนบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง ระหว่างการปราศรัย แกนนำประกาศว่า “จะรอแต่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น รถอุ๊งอิ๊งค์ต้องเข้ามา ขนาดไปเจอควายยังเจอได้ นี่เป็นคนแท้ๆ ทำไมจึงจะไม่มา วันนี้นำทุเรียน 2 ลูก มารอมอบให้ ถ้าเป็นรองนายกฯมาไม่ให้ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น”
โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม รับหนังสือร้องเรียน
“โรม” โต้ “หม่องชิตตู่” ยันฝ่ายค้านไม่มีอำนาจขอออกหมายจับ ยันรัฐบาลจะต้องปราบทุกเทา ไม่เว้นกะเหรี่ยงเทา
https://ch3plus.com/news/political/morning/433321
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ โพสต์เฟซบุ๊กตอบ หลัง “หม่องชิตตู่” ถาม “ผมทำผิดกฎหมายไทยอะไร ข้อไหน ละเมิดประเทศหรือประชาชนคนไทยเรื่องอะไร “ถึงจะออกหมายจับ แจง แค่ให้เช่าพื้นที่ ไม่เกี่ยวค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยระบุว่า
เรื่องที่ “หม่องชิตตู่” ถามว่าฝ่ายค้านมีสิทธิ์อะไรในการออกหมายจับ ผมขอยืนยันตรงนี้ว่าผมและฝ่ายค้านเราไม่มีอำนาจในการที่จะไปขอออกหมายจับได้ (อยากมีอยู่เหมือนกัน) อันนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ ฝ่ายค้านมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ให้ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หากรัฐบาลทำหน้าที่ผิดพลาดสร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง เราก็มีกลไกของสภาที่จะต้องดำเนินการต่อรัฐบาลต่อไป นี่คือภารกิจของผมและฝ่ายค้าน
ผมทราบดีว่าบรรดาจีนเทา และคนถูกหลอกมากมายใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และนี่ก็เป็นความผิดพลาดของการบังคับใช้กฎหมายของประเทศเราที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ หนำซ้ำเรายังมีไทยเทาที่ยังต้องดำเนินการในการปราบปรามต่อไป
แต่ถึงกระนั้นความเทาของไทยเทา ก็ไม่ได้หมายความว่ากะเหรี่ยงเทาอย่าง หม่องชิตตู่ จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกรรมทำเข็ญต่อคนทั่วโลกแต่อย่างใด ผมถึงต้องยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องปราบปรามบรรดาสีเทาทั้งหลายพวกนี้ให้หมดสิ้นไม่เว้นใครไว้ทั้งนั้น และต้องมีการขยายผล ต่อรายใหญ่ใหญ่ที่อยู่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม รวมไปถึงการยึดทรัพย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้
อนึ่ง ผมเริ่มแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมการออกหมายจับถึงไม่สามารถทำได้ ท่านรัฐมนตรีทวี สอดส่อง ต้องอย่าทำให้คนเริ่มสงสัยว่าที่ออกหมายจับไม่ได้ เป็นเพราะหม่องชิตตู่ได้กุมความลับเอาไว้บางอย่างของทางฝั่งไทย จนฝั่งไทยต้องเล่นละครตบตาประชาชนทั้งประเทศทำทีว่าจะมีการออกหมายจับแต่สุดท้ายกลายเป็นการฟอกขาว โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลไกความยุติธรรมของประเทศไทยจะไม่เป็นแบบนั้น
ปล. ส่วนรูปที่แนบมา หลังจากที่เสอจื้อเจียง ถูกจับในประเทศไทยก็ได้มีการจัดพิธีภาวนาให้กับเสอจื้อเจียง ซึ่งพิธีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังของหม่อมชิตตู่ได้ประกาศว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะต้องออกไป
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid0WuYzAMeSTwZwiBYNMo7TA6XgcrhvjHt8AY6EQE1E38BPpeBqtvxNLhEg84ATLM6Al
ถอยแล้ว! อังคณา ถอนญัตติป่วยทิพย์ อ้างข้อมูลไม่พอ-ต้องศึกษาต่อ ลั่นไม่กลัวถูกฟ้อง แค่ให้รอบคอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5054309
ถอยแล้ว! อังคณา ถอนญัตติป่วยทิพย์ อ้างข้อมูลไม่พอ-ต้องศึกษาต่อ ลั่นไม่กลัวถูกฟ้อง แค่ให้รอบคอบ คาดยื่นอีกทีสมัยประชุมหน้า
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. เปิดเผยว่าตนได้ถอนญัตติ เรื่องขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติในการให้สิทธิ์แก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันแล้ว เนื่องจากข้อมูลตอนนี้ยังไม่เพียงพอ ขาดข้อมูลด้านการแพทย์ เมื่อขอข้อมูลแล้วถูกอ้างเป็นสิทธิของผู้ป่วย ประกอบกับเวลามีใครมาพูดหรือสงสัยในเรื่องนี้ ก็มักจะถูกตอบโต้กลับ จึงมองว่าควรจะมีข้อมูลที่เพียงพอมากกว่านี้ อีกทั้งมีหลายคนติงว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงต้องดูว่าข้อกฎหมายตัดอำนาจ สว.ในการอภิปรายเรื่องนี้หรือไม่
“ยืนยันว่าไม่ได้กลัวเรื่องการถูกฟ้องร้อง เพราะดิฉันทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอด และตอนนี้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก เราจึงให้ความเห็นเรื่องนี้ในทางวิชาการ ไม่ได้โจมตีบุคคล จึงคิดว่าไม่ควรนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้อง เพราะความเห็นในเชิงวิชาการ ควรได้รับความเคารพ”นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา กล่าวต่อว่า จุดยืนของเรื่องนี้เห็นตรงกันกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่ระบุว่ การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยที่ไม่มีการย้ายเข้าออก จึงสงสัยว่าอาการไม่ดีขึ้นเลยหรือ และมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และที่ผ่านมาเราพยายามหาข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่มักจะถูกอ้างว่าเป็นข้อมูลของผู้ป่วย ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ตนมองว่าผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยควรจะสละสิทธิ์นี้ เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพราะเรื่องนี้สาธารณะคลางแคลงใจมาก
”เราก็งงอยู่ว่า 180 วัน รักษาโดยที่ไม่ได้ออกมาเลยหรือ และพอออกมาแล้ว ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เคยป่วยวิกฤตมาก่อน จึงเป็นคำถามว่า หากเป็นกรณีผู้ป่วยรายอื่น จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันแบบนี้หรือไม่“ นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา กล่าวด้วยว่า จุดยืนและเป้าหมายที่เสนอญัตตินี้ เพราะมองว่าผู้ป่วยทุกคนควรได้รับสิทธิในการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน ควรเปิดโอกาสให้ไปคุมขังที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่น กรณีของ “บุ้ง เนติพร” ที่ควรได้รับการรักษาใกล้ชิดกับแพทย์เฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม น่าจะกลับมายื่นญัตติดังกล่าวได้อีกครั้งในสมัยประชุมหน้า
เมื่อถามว่า คาดหวังการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการเคลียร์ประเด็นดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน นางอังคณา กล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจ เพราะกสม. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระได้ตรวจสอบแล้ว และต้องดูว่า ป.ป.ช. สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน และต้องดูว่า ป.ป.ช.มีอำนาจเรียกข้อมูลได้มากกว่า กสม.หรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้จะสามารถไขข้อสงสัย หรือสุดท้ายจะเงียบไป นางอังคณา กล่าวว่า ปัญหาคือเวลาที่สังคม หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็จะถูกตอบโต้ อย่างคราวที่แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ถูกพูดลอยๆ ว่า ประเทศไทยไม่มีพลตำรวจเอกหญิง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย และสุดท้ายยังคงมีความคลุมเครือ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้กระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ ควรออกมาชี้แจง เพื่อให้เป็นมาตรฐานคุ้มครองคนทุกคนอย่างเท่าเทียม.