สวัสดีค่ะ ☻ ✿
เราอายุ 29 ปี
เป็นโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด(pulmonary embolism) มา6ปี
และภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง(pulmonary hypertension) เรามาตรวจเจอ3ปีหลังค่ะ
✿ ตอนนี้เราได้รับการผ่าตัดมาได้ 1ปีแล้ว ✿
>> ชีวิตตอนเด็กเราเป็นเด็กที่แข็งแรงมาก ร่าเริง ชอบทำกิจกรรม
และเล่นกีฬาปกติทั่วไป
>> เราเรียนทางด้านอาหาร
เรียนภาคทวิภาคีมาตลอดค่ะ คือเรียนและฝึกงานไปด้วย(ทำงานนั้นเหละค่ะ)
เราทำงานในครัวมาตลอด ถ้าคนเคยทำงานด้านนี้ก็จะรู้ว่างานหนักพอควรเลย เราทำงานมากเกินไปไม่ได้ค่อยดูแลตัวเอง
ตอนเรียนเราอยากหาตังจ่ายค่าเทอมเอง เลยทำโอทีเยอะมาก เวลานอนน้อยมาก เวลากินก็กินไม่เป็นเวลา
เลิกงานก็มีเที่ยวมีดื่มบ้าง ปกติทั่วไปค่ะ
>> ก่อนจะเรียนจบ เราป่วย1รอบ
อยู่ดีๆก็จะเป็นลม ภาพมืดไปหมด เราไป รพ.เอกชน(แถวสาทร) คุณหมอบอกเราอ่อนเพลียพักผ่อนน้อย เราก็ปล่อยผ่านไม่ได้สนใจ
>> พอเรียนจบเราก็หางานทำเลยไฟแรงสุดๆค่ะ ใช่ชีวิตลำบากลำบน เหนื่อยมากชีวิตกรุงเทพ เร่งรีบ แข่งขันกันไปหมด
แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกดีค่ะ
>> เราทำงานได้ไม่นาน เราก็ชอบมีอาการเป็นลม แบบอยู่ดีๆจะเป็นลมก็เป็น ก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่อยู่ๆเราไปทำงานเราก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ หายใจเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม จนทำงานไม่ไหว
เราเลยขอลากับไปพักที่ห้อง ห้องเราอยู่ชั้น2 ปกติเราขึ้นบรรไดได้ปกติเลย แต่วันนั้นเราเดินขึ้น3-4ขั้นก็มีอาการเหนื่อยแบบเหนื่อยมากๆ
เหนื่อยเดินต่อไม่ไหว เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ เลยให้พี่ชายพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชน(แถวบางนา)
หมอบอกคลื่นหัวใจเราผิดปกติมากให้รีบไปหาหมอ (เราขอหมอไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่บ้าน)
>> เราอยู่สุพรรณบุรีค่ะ
เราเลยไป รพ.ประจำอำเภอ ตอนนั้นเราเริ่มใจไม่ดี หายใจไม่อิ่ม และเดินก็เหนื่อยหอบ (เราเอาผลวัดคลื่นหัวใจจากคุณหมออีกคนไปด้วย)
แต่หมอบอกว่า เราคิดไปเอง เราปกติทุกอย่าง ไม่เป็นอะไร ให้กับบ้านได้ ตอนนั้นเรารู้ตัวว่าอาการเราไม่ค่อยดีเลย แต่ก็ต้องกับเพราะหมอให้กับ
>> แต่!! <<
แม่เราไปซื้อนมเปรี้ยวให้กินก่อนกับบ้าน เรานั่งรอแม่หน้า รพ.
อยู่ๆเราก็อยากจะอาเจียน ก็นั่งอาเจียนปกติ
>> หลังจากนี้แม่เล่าให้ฟังว่า
ตอนนั้นเราตัวซีดเขียว ปากม่วงเหมือนคนกำลังจะตาย (แม่เล่าให้ฟังนะเราก็ไม่รู้ตัวตอนนั้น)
แม่เรียกพี่พยาบาลเอาเปลมารับเราขึ้นไปห้องฉุกเฉิน เราไม่รู้เรื่องอะไรแล้วตอนนั้น
แม่บอกแม่ด่าลั่น รพ.เลย (ด้วยความที่แม่โมโหหมอและกลัวว่าเราจะเป็นอะไรไปด้วย) แม่บอกหมอมาขอโทษแม่ที่วินิฉัยอาการเราไม่ดี
>> เราAdmitนอน รพ.ไป1อาทิตย์ หมอก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร แต่อยู่ๆแขนข้างขวาเราก็บวมใหญ่ขึ้น ใหญ่กว่าแขนปกติประมาณ2เท่าเลย
หมอคิดว่าแขนเราอักเสบติดเชื้อ เรานอนฉีดยาแก้อักเสบอยู่หลายวันแต่ก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายหมอส่งตัวเราไป รพ.จังหวัด ส่งไปทำECHOหัวใจ
>> แต่พอเราไป รพ.จังหวัด
พยาบาลที่นั้นบอกเราว่า เราดูปกติดีเหมือนคนไม่เป็นอะไร ไม่ต้องทำECHOหัวใจหลอก
>> เราก็งงค่ะ ?
เพราะหมอส่งตัวเรามารักษาต่อก็ต้องทำให้เรารึป่าว และตอนนั้นเราอาการไม่ค่อยดีด้วย "หรือหน้าตาเราอาจจะดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วย" ก็ไม่น่าใช่
แม่เราเข้าไปคุยขอให้เขาทำให้ สรุปเราก็ได้ทำค่ะ
>> ผลECHOหัวใจ ออกมาว่าเจอลิ้มเลือดอยู่ที่ปอด หมอบอกให้เรานั่งเชยๆอย่าเดิน เราได้เข้าไปรักษาที่ห้องผู้ป่วยกึ่งวิกฤต
ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก ทั้งกลัว ทั้ง งง เราไม่เคยป่วยหนัก ไม่เคยนอน รพ. เลย
ทั้งโดนสวนสายฉี่ ทั้งให้ออกซิเจน สายอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
>> จากนั้นหมอส่งเราไปทำCT Scanปอดและแขนขวาที่บวม
ผลCT Scanออกมาคือเจอลิ้มเลือดที่ขั่วปอด เส้นเลือดที่ปอดและมีลิ้มเลือดที่แขนข้างขวาด้วย
หมอบอกว่าปกติผู้ป่วยส่วนมากจะเจอลิ้มเลือดที่ขา แต่ของเรามาเป็นที่แขน
หมอถามเราว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเราเป็นยังไงมาบ้าง เพื่อจะหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ก็หาสาเหตุที่เป็นไม่ได้ค่ะ
ตอนนั้นเรารักษาด้วยการฉีดยาละลายลิ้มเลือดที่หน้าท้อง เรานอน รพ. อยู่ 3อาทิตย์
หมอบอกให้เรากินยาไปก่อน 6เดือน อาจจะมีโอกาสไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เราก็มีความหวังนะ แต่พอครบ 6เดือน
หมอบอกเราหาสาเหตุไม่เจอเขากลัวหยุดยาแล้วจะกับมาเป็นเยอะอีก เลยต้องกินยาตลอดชีวิตและแขนข้างที่บวมก็คงบวมไปแบบนี้
>> เรานอยตัวเองมากๆ จิตตกสุดๆ เหมือนรับตัวเองไม่ได้ตอนนั้น เราพยายามตั้งใจเรียนให้จบและเราพึ้งเรียนจบเอง
เรากำลังจะได้ทำตามความฝันของเรา แต่กับต้องมาป่วยแบบนี้ ร้องไห้ทุกวันเลยตอนนั้น
>> ส่วนเรื่องแขนที่บวม
เราไปนวดแผนไทยกับน้าที่เรียนด้านแผนไทยมาค่ะ เรานวดหลายครั้งมาก จนตอนนี้แขนเรายุบลงแต่ก็อาจจะไม่ได้เท่ากับอีกข้างแต่ก็ยุบลงกว่าตอนแรก หมอบอกแขนข้างที่มีลิ้มเลือดมันจะมีอาการปวดหน่วงๆหนักๆเป็นปกติเพราะเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เต็มที่ ถึงตอนนี้ก็ยังปวดมาตลอดค่ะ
>> พอเราพักฟื้นตัวได้ไม่กี่เดือน เราก็หางานทำเลยเราที่มีโรคประจำตัวเราจะมีความกลัวที่จะไปสมัคงานมากค่ะ กลัวว่าที่ทำงานจะรับเราได้ไหม
เขาจะรับเราเข้าทำงานรึป่าวเพราะเราป่วยแบบนี้
>> เราได้ที่ทำงานที่เขาใจดีกับเรามาก พี่ๆเพื่อนๆน่ารักใจดีกับเราทุกคนค่ะ เราทำงานที่สมุทรปราการ
คนในครอบครัวเราก็ไม่อยากให้เราไปทำงานไกลบ้าน เราไปทำงานคนเดียว ที่บ้านก็เป็นห่วงเรามาก แต่เราดื้อที่จะไปค่ะ
>> จริงๆเราแค่ไม่อยากเป็นภาระใคร เราอยากทำงานหาเงินใช้เองและเพื่อจะช่วยทางบ้านได้บ้าง เราตั้งใจเรียนจบมาก็เพราะอยากทำงานหาเงินเองได้
แค่ทางบ้านส่งเราเรียนจนจบก็หนักพอแล้ว เราไม่ยอมนอนอยู่บ้านให้เขาดูแลอีกแน่นอน
ตอนนั้นเราก็ยังนอยเรื่องที่ป่วยอยู่นะค่ะ แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป มันทำใจยากมากค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็พอที่จะทำใจได้บ้าง
>> ตอนนั้นเรารักษาอยู่ รพ.เอกชน(แถวบางนา)
เราหาหมอรับยาตามปกติค่ะ 6เดือนครั้ง เราทำงานได้ 2ปีกว่าๆอยู่ๆเราก็เป็นลมอีกครั้ง จำได้แค่ว่าเราจะมาเข้าห้องน้ำ
พอรู้สึกตัวอีกทีเราก็นอนอยู่ตรงพื้นแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปเมื่อไรและนานแค่ไหน แต่ก็ยังทำงานต่อ

ผ่านไปไม่นาน เราก็เริ่มมีไอเป็นเลือด ไม่ได้เยอะมากแต่เป็นอยู่หลายวันกว่าเราจะไปหาหมอ
สุดท้ายก็ต้องไป รพ. หมอบอก ปอดติดเชื้อ มีเลือดออกที่ปอดและค่าเลือดสูง
>> เรา Admit อีกครั้ง

เรานอนให้ยาอยู่ 2อาทิตย์ ตอนนั้นแม่เรามาเฝ้า แม่ขอให้เรากับไปอยู่บ้าน แต่เราไม่อยากกับเรากลัวกับบ้านไปเป็นภาระที่บ้านอีก
(แต่ไม่มีใครคิดแบบนั้นนะเราคิดไปเอง)
>> เราก็ทำงานได้อีกปี เราก็ติดโควิด(เราฉีดวัคซีนไฟเซอร์2เข็ม) อาการหนักอยู่ค่ะ ด้วยที่เรามีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอดอยู่ด้วย
พอหายจากอาการโควิด เราเริ่มมีอาการบวมที่ช่วงสะโพกด้านหลังและขาทั้ง2ข้างบวม แบบบวมมากๆกดบุ๋มเลย


>> เราไปหาหมออีก หมอบอกเราโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ค่าเลือดสูง หัวใจโต และก็ค่าNT-proBNPเราหกพันกว่า <<

>> เรา Admit นอน รพ. อีกครั้ง
หมอฉีดยาขับปัสสาวะให้เรา เพื่อให้ฉี่ออกมาให้เยอะมากขึ้น และปรับยาละลายลิ้มเลือด เรายู่ รพ.อีก2อาทิตย์
ระหว่างนั้นหมอหัวใจส่งเราไปทำECHOหัวใจและCT Scanปอด
ผลออกมาก็คือหัวใจโตมาก เส้นเลือดโปร่งพอง ความดันในหลอดเลือดปอดสูง และก็เจอลิ้มเลือดเพิ่มขึ้นในปอด
เราร้องไห้หนักมากค่ะ กลัวและกังวลในหลายๆเรื่อง อาการเราก็เหนื่อยหอบมากขึ้น แม้นั่งหายใจเชยๆเราก็เหนื่อย เราเริ่มอาการแย่ลง
หมอบอกว่าเขาขอส่งตัวไป สถาบันโรคทรวงอก จ.นนทบุรี เพราะหมอรักษาต่อไม่ได้หมออยากให้ไป รพ. เฉพาะทางดีกว่า อาจจะดีกับตัวเราด้วย
>> ครั้งนี้เราต้องยอมกับบ้านไปอยู่บ้านจริงๆแล้ว
เพราะอาการเราแย่มากค่ะ ทำอะไรไม่ได้เลยเหนื่อยหอบมากๆ สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับความจริงและกับมารักษาตัวที่บ้าน
(กว่าจะคิดได้เราก็แทบจะทำอะไรไม่ไหวแล้ว)

***อ่านต่อ(Ep.2)***
(Ep.1) เราป่วยเป็นโรคลิ้มเลือดอุดกั้นในปอดและภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง
เราอายุ 29 ปี
เป็นโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด(pulmonary embolism) มา6ปี
และภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง(pulmonary hypertension) เรามาตรวจเจอ3ปีหลังค่ะ
✿ ตอนนี้เราได้รับการผ่าตัดมาได้ 1ปีแล้ว ✿
>> ชีวิตตอนเด็กเราเป็นเด็กที่แข็งแรงมาก ร่าเริง ชอบทำกิจกรรม
และเล่นกีฬาปกติทั่วไป
>> เราเรียนทางด้านอาหาร
เรียนภาคทวิภาคีมาตลอดค่ะ คือเรียนและฝึกงานไปด้วย(ทำงานนั้นเหละค่ะ)
เราทำงานในครัวมาตลอด ถ้าคนเคยทำงานด้านนี้ก็จะรู้ว่างานหนักพอควรเลย เราทำงานมากเกินไปไม่ได้ค่อยดูแลตัวเอง
ตอนเรียนเราอยากหาตังจ่ายค่าเทอมเอง เลยทำโอทีเยอะมาก เวลานอนน้อยมาก เวลากินก็กินไม่เป็นเวลา
เลิกงานก็มีเที่ยวมีดื่มบ้าง ปกติทั่วไปค่ะ
>> ก่อนจะเรียนจบ เราป่วย1รอบ
อยู่ดีๆก็จะเป็นลม ภาพมืดไปหมด เราไป รพ.เอกชน(แถวสาทร) คุณหมอบอกเราอ่อนเพลียพักผ่อนน้อย เราก็ปล่อยผ่านไม่ได้สนใจ
>> พอเรียนจบเราก็หางานทำเลยไฟแรงสุดๆค่ะ ใช่ชีวิตลำบากลำบน เหนื่อยมากชีวิตกรุงเทพ เร่งรีบ แข่งขันกันไปหมด
แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกดีค่ะ
>> เราทำงานได้ไม่นาน เราก็ชอบมีอาการเป็นลม แบบอยู่ดีๆจะเป็นลมก็เป็น ก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่อยู่ๆเราไปทำงานเราก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ หายใจเหนื่อยหอบ หายใจไม่อิ่ม จนทำงานไม่ไหว
เราเลยขอลากับไปพักที่ห้อง ห้องเราอยู่ชั้น2 ปกติเราขึ้นบรรไดได้ปกติเลย แต่วันนั้นเราเดินขึ้น3-4ขั้นก็มีอาการเหนื่อยแบบเหนื่อยมากๆ
เหนื่อยเดินต่อไม่ไหว เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ เลยให้พี่ชายพาไปหาหมอที่ รพ.เอกชน(แถวบางนา)
หมอบอกคลื่นหัวใจเราผิดปกติมากให้รีบไปหาหมอ (เราขอหมอไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่บ้าน)
>> เราอยู่สุพรรณบุรีค่ะ
เราเลยไป รพ.ประจำอำเภอ ตอนนั้นเราเริ่มใจไม่ดี หายใจไม่อิ่ม และเดินก็เหนื่อยหอบ (เราเอาผลวัดคลื่นหัวใจจากคุณหมออีกคนไปด้วย)
แต่หมอบอกว่า เราคิดไปเอง เราปกติทุกอย่าง ไม่เป็นอะไร ให้กับบ้านได้ ตอนนั้นเรารู้ตัวว่าอาการเราไม่ค่อยดีเลย แต่ก็ต้องกับเพราะหมอให้กับ
>> แต่!! <<
แม่เราไปซื้อนมเปรี้ยวให้กินก่อนกับบ้าน เรานั่งรอแม่หน้า รพ.
อยู่ๆเราก็อยากจะอาเจียน ก็นั่งอาเจียนปกติ
>> หลังจากนี้แม่เล่าให้ฟังว่า
ตอนนั้นเราตัวซีดเขียว ปากม่วงเหมือนคนกำลังจะตาย (แม่เล่าให้ฟังนะเราก็ไม่รู้ตัวตอนนั้น)
แม่เรียกพี่พยาบาลเอาเปลมารับเราขึ้นไปห้องฉุกเฉิน เราไม่รู้เรื่องอะไรแล้วตอนนั้น
แม่บอกแม่ด่าลั่น รพ.เลย (ด้วยความที่แม่โมโหหมอและกลัวว่าเราจะเป็นอะไรไปด้วย) แม่บอกหมอมาขอโทษแม่ที่วินิฉัยอาการเราไม่ดี
>> เราAdmitนอน รพ.ไป1อาทิตย์ หมอก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร แต่อยู่ๆแขนข้างขวาเราก็บวมใหญ่ขึ้น ใหญ่กว่าแขนปกติประมาณ2เท่าเลย
หมอคิดว่าแขนเราอักเสบติดเชื้อ เรานอนฉีดยาแก้อักเสบอยู่หลายวันแต่ก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายหมอส่งตัวเราไป รพ.จังหวัด ส่งไปทำECHOหัวใจ
>> แต่พอเราไป รพ.จังหวัด
พยาบาลที่นั้นบอกเราว่า เราดูปกติดีเหมือนคนไม่เป็นอะไร ไม่ต้องทำECHOหัวใจหลอก
>> เราก็งงค่ะ ?
เพราะหมอส่งตัวเรามารักษาต่อก็ต้องทำให้เรารึป่าว และตอนนั้นเราอาการไม่ค่อยดีด้วย "หรือหน้าตาเราอาจจะดูสดใสเหมือนคนไม่ได้ป่วย" ก็ไม่น่าใช่
แม่เราเข้าไปคุยขอให้เขาทำให้ สรุปเราก็ได้ทำค่ะ
>> ผลECHOหัวใจ ออกมาว่าเจอลิ้มเลือดอยู่ที่ปอด หมอบอกให้เรานั่งเชยๆอย่าเดิน เราได้เข้าไปรักษาที่ห้องผู้ป่วยกึ่งวิกฤต
ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก ทั้งกลัว ทั้ง งง เราไม่เคยป่วยหนัก ไม่เคยนอน รพ. เลย
ทั้งโดนสวนสายฉี่ ทั้งให้ออกซิเจน สายอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
>> จากนั้นหมอส่งเราไปทำCT Scanปอดและแขนขวาที่บวม
ผลCT Scanออกมาคือเจอลิ้มเลือดที่ขั่วปอด เส้นเลือดที่ปอดและมีลิ้มเลือดที่แขนข้างขวาด้วย
หมอบอกว่าปกติผู้ป่วยส่วนมากจะเจอลิ้มเลือดที่ขา แต่ของเรามาเป็นที่แขน
หมอถามเราว่าก่อนหน้านี้การใช้ชีวิตเราเป็นยังไงมาบ้าง เพื่อจะหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่ก็หาสาเหตุที่เป็นไม่ได้ค่ะ
ตอนนั้นเรารักษาด้วยการฉีดยาละลายลิ้มเลือดที่หน้าท้อง เรานอน รพ. อยู่ 3อาทิตย์
หมอบอกให้เรากินยาไปก่อน 6เดือน อาจจะมีโอกาสไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เราก็มีความหวังนะ แต่พอครบ 6เดือน
หมอบอกเราหาสาเหตุไม่เจอเขากลัวหยุดยาแล้วจะกับมาเป็นเยอะอีก เลยต้องกินยาตลอดชีวิตและแขนข้างที่บวมก็คงบวมไปแบบนี้
>> เรานอยตัวเองมากๆ จิตตกสุดๆ เหมือนรับตัวเองไม่ได้ตอนนั้น เราพยายามตั้งใจเรียนให้จบและเราพึ้งเรียนจบเอง
เรากำลังจะได้ทำตามความฝันของเรา แต่กับต้องมาป่วยแบบนี้ ร้องไห้ทุกวันเลยตอนนั้น
>> ส่วนเรื่องแขนที่บวม
เราไปนวดแผนไทยกับน้าที่เรียนด้านแผนไทยมาค่ะ เรานวดหลายครั้งมาก จนตอนนี้แขนเรายุบลงแต่ก็อาจจะไม่ได้เท่ากับอีกข้างแต่ก็ยุบลงกว่าตอนแรก หมอบอกแขนข้างที่มีลิ้มเลือดมันจะมีอาการปวดหน่วงๆหนักๆเป็นปกติเพราะเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เต็มที่ ถึงตอนนี้ก็ยังปวดมาตลอดค่ะ
>> พอเราพักฟื้นตัวได้ไม่กี่เดือน เราก็หางานทำเลยเราที่มีโรคประจำตัวเราจะมีความกลัวที่จะไปสมัคงานมากค่ะ กลัวว่าที่ทำงานจะรับเราได้ไหม
เขาจะรับเราเข้าทำงานรึป่าวเพราะเราป่วยแบบนี้
>> เราได้ที่ทำงานที่เขาใจดีกับเรามาก พี่ๆเพื่อนๆน่ารักใจดีกับเราทุกคนค่ะ เราทำงานที่สมุทรปราการ
คนในครอบครัวเราก็ไม่อยากให้เราไปทำงานไกลบ้าน เราไปทำงานคนเดียว ที่บ้านก็เป็นห่วงเรามาก แต่เราดื้อที่จะไปค่ะ
>> จริงๆเราแค่ไม่อยากเป็นภาระใคร เราอยากทำงานหาเงินใช้เองและเพื่อจะช่วยทางบ้านได้บ้าง เราตั้งใจเรียนจบมาก็เพราะอยากทำงานหาเงินเองได้
แค่ทางบ้านส่งเราเรียนจนจบก็หนักพอแล้ว เราไม่ยอมนอนอยู่บ้านให้เขาดูแลอีกแน่นอน
ตอนนั้นเราก็ยังนอยเรื่องที่ป่วยอยู่นะค่ะ แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป มันทำใจยากมากค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็พอที่จะทำใจได้บ้าง
>> ตอนนั้นเรารักษาอยู่ รพ.เอกชน(แถวบางนา)
เราหาหมอรับยาตามปกติค่ะ 6เดือนครั้ง เราทำงานได้ 2ปีกว่าๆอยู่ๆเราก็เป็นลมอีกครั้ง จำได้แค่ว่าเราจะมาเข้าห้องน้ำ
พอรู้สึกตัวอีกทีเราก็นอนอยู่ตรงพื้นแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปเมื่อไรและนานแค่ไหน แต่ก็ยังทำงานต่อ
ผ่านไปไม่นาน เราก็เริ่มมีไอเป็นเลือด ไม่ได้เยอะมากแต่เป็นอยู่หลายวันกว่าเราจะไปหาหมอ
สุดท้ายก็ต้องไป รพ. หมอบอก ปอดติดเชื้อ มีเลือดออกที่ปอดและค่าเลือดสูง
>> เรา Admit อีกครั้ง
เรานอนให้ยาอยู่ 2อาทิตย์ ตอนนั้นแม่เรามาเฝ้า แม่ขอให้เรากับไปอยู่บ้าน แต่เราไม่อยากกับเรากลัวกับบ้านไปเป็นภาระที่บ้านอีก
(แต่ไม่มีใครคิดแบบนั้นนะเราคิดไปเอง)
>> เราก็ทำงานได้อีกปี เราก็ติดโควิด(เราฉีดวัคซีนไฟเซอร์2เข็ม) อาการหนักอยู่ค่ะ ด้วยที่เรามีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอดอยู่ด้วย
พอหายจากอาการโควิด เราเริ่มมีอาการบวมที่ช่วงสะโพกด้านหลังและขาทั้ง2ข้างบวม แบบบวมมากๆกดบุ๋มเลย
>> เราไปหาหมออีก หมอบอกเราโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ค่าเลือดสูง หัวใจโต และก็ค่าNT-proBNPเราหกพันกว่า <<
>> เรา Admit นอน รพ. อีกครั้ง
หมอฉีดยาขับปัสสาวะให้เรา เพื่อให้ฉี่ออกมาให้เยอะมากขึ้น และปรับยาละลายลิ้มเลือด เรายู่ รพ.อีก2อาทิตย์
ระหว่างนั้นหมอหัวใจส่งเราไปทำECHOหัวใจและCT Scanปอด
ผลออกมาก็คือหัวใจโตมาก เส้นเลือดโปร่งพอง ความดันในหลอดเลือดปอดสูง และก็เจอลิ้มเลือดเพิ่มขึ้นในปอด
เราร้องไห้หนักมากค่ะ กลัวและกังวลในหลายๆเรื่อง อาการเราก็เหนื่อยหอบมากขึ้น แม้นั่งหายใจเชยๆเราก็เหนื่อย เราเริ่มอาการแย่ลง
หมอบอกว่าเขาขอส่งตัวไป สถาบันโรคทรวงอก จ.นนทบุรี เพราะหมอรักษาต่อไม่ได้หมออยากให้ไป รพ. เฉพาะทางดีกว่า อาจจะดีกับตัวเราด้วย
>> ครั้งนี้เราต้องยอมกับบ้านไปอยู่บ้านจริงๆแล้ว
เพราะอาการเราแย่มากค่ะ ทำอะไรไม่ได้เลยเหนื่อยหอบมากๆ สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับความจริงและกับมารักษาตัวที่บ้าน
(กว่าจะคิดได้เราก็แทบจะทำอะไรไม่ไหวแล้ว)
***อ่านต่อ(Ep.2)***