สวัสดีค่ะ ชื่อพลอยนะคะ เห็นชื่อหัวข้อก็อาจทำให้หลายๆคนตกใจใช่มั้ยคะ เป็นประสบการณ์ตรงของพลอยเองเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน ต้องบอกก่อนว่า ถ้าพลอยไม่ได้ไปโรงพยาบาลในวันนั้น เรื่องราวนี้อาจไม่มีโอกาสถูกเล่าขึ้นมาก็ได้ค่ะ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ทำให้ชีวิตของพลอยเปลี่ยนไปตลอดกาล...
ย้อนกลับไปในวันที่ 11 เมษายน 2023 เมื่อเกือบๆ 2 ปีก่อน พลอยไปทำงานตามปกติ ตอนนั้นทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา พลอยไปทำงานด้วยรถบัสบริษัทค่ะ อยากเซฟเงินและไม่อยากขับรถส่วนตัวไปด้วยค่ะ จำได้ช่วงก่อนจะเกิดเหตุ มีความรู้สึกว่ามันเหนื่อยง่ายขึ้น เดินข้ามสะพานลอยไปขึ้นรถก็คือเหนื่อยมากขึ้นค่ะ ตอนแรกคิดว่าน้ำหนักขึ้น สิ่งที่ทำคือการไปสมัครยิมค่ะ55555 วันนั้นช่วงเช้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ช่วงพักทานอาหารเที่ยง ที่บริษัทจะต้องสแกนหน้าก่อนพักกลางวันค่ะ พลอยก็เดินไปสแกนหน้า แต่พอหันหลังกลับรู้สึกชาจากเท้าขึ้นมาถึงหัวเลย เหมือนกำลังจะหน้ามืดค่ะ พยายามเดินเกาะโต๊ะพี่ๆเดินไปนั่งพักที่โต๊ะตัวเอง เหมือนกระพริบตาไปแว้ปเดียว รู้ตัวอีกทีพี่ๆรอบตัวก็เดินเข้ามารุมถามว่าน้องพลอยเป็นอะไร เป็นลมหรอ บลาๆ.... จากนั้นพี่ๆก็พาไปห้องพยาบาล พลอยก้รู้สึกเหมือนเป็นลมปกติค่ะ พี่ๆในออฟฟิศก็เดินมาดูว่าเป็นไงบ้าง เอาน้ำแดงมาให้กินเพราะคิดว่าคงน้ำตาลตก แล้วก็หาอะไรมาให้ทาน พลอยก็งีบไปแปปนึง รู้สึกดีขึ้นค่ะ ตื่นมาก็อยากไปห้องน้ำ ซึ่งต้องเดินขึ้นไปหนึ่งชั้นเนื่องจากตอนนั้นมีลูกค้ามา เลยเลี่ยงค่ะ เดินไปแค่ 2-3 step พลอยรู้สึกจะวูบอีกรอบนึง หายใจไม่ค่อยออก เลยนั่งลงตรงบันไดเลยค่ะแล้วพยายามไต่ลงมาจากบันได พาตัวเองกลับไปห้องพยาบาล และแจ้งพยาบาลเลยว่าเราไม่ไหวพาไปส่งโรงพยาบาลหน่อย และแจ้งพี่ๆในออฟฟิศ จากนั้นเราก็ไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเรา
เรารักษาด้วยประกันสังคมนะคะ ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน ชลบุรี ค่ะ ระหว่างทางก็แบบหายใจลำบากมากๆค่ะ รู้สึกแปลกๆไม่เคยเป็นแบบนี้ พอถึงโรงพยาบาลก็ซักประวัติเล็กน้อย และวัดออกซิเจนในเลือดค่ะ ผลปรากฏว่าออกซิเจนค่อนข้างต่ำกว่าปกติ เลยส่งไปตรวจต่อในห้องฉุกเฉิน ที่พลอยพอจะจำได้คือ ตรวจเลือด วัดความดันและให้น้ำเกลือ มีใส่สายออกซิเจนช่วยหายใจค่ะ สายเต็มแขนสองข้างเลยค่ะ
ซึ่งตอนนั้นพลอยคิดแล้วว่ามันต้องเป็นอะไรที่ไม่ปกติแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร จากนั้นมีไป x-ray ปอดค่ะ และกลับมาเพื่อนอนรอผลเลือดประมาณ 1-2 ชม. มีคุณหมอเดินมาถามหรือพูดคุยเล็กน้อย และได้ยินเขาพูดกับพยาบาลว่า PE หรือเปล่า อาการเหมือน PE เลย เราก็แบบเอ้ะ PE คืออะไรนะ (Pulmonary Embolism หรือลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดนั่นเองค่ะ) จากนั้นน่าจะเป็นพี่พยาบาลเดินมาหาเราบอกว่าตอนนี้เท่าที่ดูอาการน่าจะเป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดนะคะ แต่ยังรอผลเลือดอยู่ ตอนนี้ตีเป็น 50% ก่อนนะ อีกสักพักคุณหมอท่านนึงเดินมาพร้อมผลเลือด ปรากฎว่าเป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดจริง และพลอยต้องไปทำการตรวจ CT scan ปอดค่ะ คือหลังจากนั้นโลกหยุดหมุนเลยค่ะ แบบเกิดอะไรขึ้นกับเรา ลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดคืออะไร
หลังจากไป CT scan แล้วเพื่อดูปอด คุณหมอบอกว่ามีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ในปอดทั้งสองข้างเลยนะ TT เราได้ยินก็แบบ ค่ะ คือพูดไม่ออก ไม่รู้จะต้องพูดอะไร กลับมาห้องฉุกเฉิน ก็มีการพูดคุยกับคุณหมอเล็กน้อย เราก็มีแจ้งว่าได้ทานยาคุมกำเนิดค่ะ ประมาณสองเดือนแล้ว คุณหมอบอกว่าก็เป็นไปได้ที่เกิดจากการอุดตันจากการทานยาคุมกำเนิด เพราะมีเด็กสาวอายุน้อยๆเป็นเพิ่มขึ้น เราก็แบบตกใจค่ะและงงๆ อยู่ในห้องฉุกเฉินประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นก็ขึ้นไปห้องพักผู้ป่วยรวมค่ะ ตอนแรกอยากนอนห้องแยก แต่คุณหมออยากให้นอนห้องรวมและนอนริมเพื่อให้พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดผู้ป่วย และพักผ่อนค่ะ
วันต่อมาก็มีไปอัลตร้าซาวน์หัวใจค่ะ ก็นั่งรถเข็นไปพ่วงสายออกซิเจนไปด้วยค่ะ คือการหายใจมันติดขัดและยากลำบากมากค่ะ หายใจไม่ค่อยออกเลยถ้าไม่ใช้สายออกซิเจน หลังจากอัลตร้าซาวน์เสร็จ คุณหมอบอกว่าหัวใจห้องบนขวาโตกว่าปกติ เนื่องมาจากทำงานหนักเพราะมีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ ทำให้หัวใจต้องปั๊มเลือดหนักขึ้นเพื่อไปเลี้ยงปอด คือเราตอบได้เลยนะคะว่ามันชาไปหมด แต่อีกใจคือยอมรับความจริงได้และภาวนาให้หายไวไว มีชีวิตรอดกลับบ้านไป แบบนี้ค่ะรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ 5 วันค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์พอดี ฉลองสงกรานต์ในโรงพยาบาลเลยค่ะ
ระหว่างที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย ก็มีการฉีดยาสลายลิ่มเลือดที่หน้าท้องวันละ 1 ครั้ง ถ้าจำไม่ผิดฉีดอยู่ประมาณ 3 วันค่ะ ควบคู่ไปกับการทานยาสลายลิ่มเลือดด้วย ต้องบอกเลยว่าฉีดยาที่หน้าท้องเจ็บมากๆค่ะ น้ำตาซึมทุกวัน ทิ้งรอยช้ำไว้ที่หน้าท้องหลังฉีดด้วยค่ะ ToT และรักษาร่วมกับการทานยาสลายลิ่มเลือดค่ะ
ประมาณวันที่ 3-4 ในการรักษา คุณหมอประจำเคสก็เดินมาพูดคุยกับพลอยค่ะและแจ้ง หากความรุนแรงของการเป้นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดมา 4 ระดับ ของพลอยอยู่ในระดับที่ 3 ค่ะ ซึ่งค่อนข้างรุนแรงเลยค่ะ แต่มีโอกาสหายได้ค่ะ หมอบอกว่า ลิ่มเลือดสามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย แต่การอุดตันที่มากแบบพลอยก็ต้องมีการใช้ยาในการช่วยขับออก ตอนนั้นก็แบบ นอนนิ่งๆค่ะ ไร้ความรู้สึก ได้แต่ตอบกลับไปว่าค่ะคุณหมอ และหมอบอกว่า เดี๋ยวลองดูอาการต่อ ถ้าดีแล้วก็จะให้กลับบ้านค่ะ ฮี่ฮี่ เริ่มมีกำลังใจค่ะ อยากกลับบ้าน คิดถึงแมว
จากนั้นวันที่ 5 ก็สามารถกลับบ้านได้แล้วค่ะ มาตอนเช้าพี่พยาบาลก็เริ่มมาปรับลดออกซิเจนเพื่อให้เริ่มหายใจได้เอง แต่คือก็ยังเหนื่อยอยู่มากๆค่ะ ระหว่างรักษา แค่พลิกตัวก็เหนื่อยสุดๆแล้วค่ะ หายใจลำบากจริงๆ ไม่เคยทรมานมากขนาดนี้เลยค่ะ พลอยเข้าห้องน้ำข้างๆเตียงค่ะ เป็นเหมือนโถแล้วมีถุงครอบไว้ประมาณนั้นค่ะ ไม่อยากลุกไปโถข้างเตียงเลยค่ะ รู้สึกไกล55555 มันเหนื่อยค่ะแค่ลุกก็เหนื่อยแล้ว แง แต่ก็ได้กลับบ้านค่ะ อาการดีขึ้นแต่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเช่นกัน
รูปนี้วันที่ 5 ก่อนกลับบ้านค่ะ ได้ถอดสายออกซิเจนแล้วค่ะ อยากสระผม5555
รูปนี้จะเห็นรอยช้ำที่เกิดจากการฉีดยาสลายลิ่มเลือดที่หน้าท้องค่ะ แค่เห็นก็เจ็บจี๊ดแล้วค่ะ5555
ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาลคือชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมทุกอย่างค่ะ ต้องบอกเลยว่าช่วงแรกๆเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆค่ะ เหมือนต้องลองฝึกค่อยๆหายใจ เดินๆไปสองสามก้าว ก็แบบต้องหยุดเพื่อหายใจค่ะ ถึงขั้นมีสเปรย์ออกซิเจนติดตัวไว้ค่ะ ออกมาจากรพ.ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แจ็คพอตค่ะ ติดโควิด19 เคราะห์ซ้ำกำซัดมากๆ อยู่รอดปลอดภัยมาหลายปี มาติดตอนที่เป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดอี้กกก แต่เอาเถอะค่ะ ชีวิตต้องสู้ต่อไป จำได้ตอนนั้นไอหนักมากๆค่ะ เป็นอยู่เกือบๆสิบวันเลยกว่าจะตรวจเจอว่าไม่พบเชื้อ ตอนแรกกังวลว่าจะลงปอดไหม เพราะตอนนี้ปอดร้องขอชีวิตแล้วค่ะ การใช้ชีวิตหลังจากตรวจพบนี่ทรมานสุดๆค่ะไม่จ้อจี้ เพราะการหายใจนั้นลำบากมากๆ แบบเปลี่ยนชีวิตไปเลย และยังมีอาการไอร่วมด้วยเล็กน้อยในช่วงแรก พลอยไม่สามารถออกกำลังกายได้เลยค่ะ เพราะแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว มีอาหารหลายอย่างที่หากเราทานมากไปก็จะส่งผลต่อความเข้มข้นของเลือด เพราะลิ่มเลือดจับตัวกัน ความเข้มข้นของเลือดจะต่ำ หากสูงเกินไปเลือดก็จะเหลวอีก สมมุติพลอยไปเจาะเลือดในช่วงที่เลือดเหลว การหยุดไหลของเลือดก็จะช้าลงค่ะ แบบหยุดไหลช้ามากค่ะ อีกอย่างนึงที่เป็นเอฟเฟคจากการทานยาสลายลิ่มเลือดคือจะมีรอยฟกช้ำตามร่างกายบางจุด เช่น ข้อเท้า เอว ต้นขา เช่นหลังจากแช่น้ำอุ่นอะไรแบบนี้ค่ะ เลือดไหลเวียน555
สำหรับความถี่ในการไปโรงพยาบาลนะคะ ช่วงประมาณเดือนแรกพลอยไปสองสัปดาห์ 1 ครั้ง คือเดือนแรกจะไป 2 ครั้งนั่นเองค่ะ ตอนไปก็ขั้นแรกไปกดคิวเจาะเลือด จากนั้นไปนั่งรอเจาะเลือดค่ะ เจาะเสร็จเดินไปวัดความดัน ยื่นใบนัดให้พยาบาลและนั่งรอตรวจค่ะ แอบรอนานค่ะเพราะเป็นรพ.รัฐ แต่เข้าใจได้ค่ะ ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอ ฟังผลเลือด ช่วงแรกๆค่าเลือดจะต่ำบ้าง สูงบ้าง ต้องปรับยาสลายลิ่มเลือดค่ะ ยาวาร์ฟารีน มีสองสีคือสีชมพูและฟ้า คุณหมอจะปรับยาแต่ละสีตามค่าเลือดค่ะ เช่นสีชมพูกินวันไหนบ้าง ฟ้ากินวันไหนบ้างทำนองนี้ค่ะ ช่วงเดือนที่2 ไปถึงเดือนที่ 7 ก็ไปตรวจเลือดเดือนละครั้งค่ะ ปรับยาเกือบทุกเดือนเลย วนๆไปค่ะ พอเข้าเดือนที่ 8 ตรวจเลือดผลปรากฏว่าค่าเลือดอยู่ในระดับปกติแล้วคุณหมอเลยให้ลองหยุดยาและมาตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งสัปดาห์หน้า และใช่ค่ะจากนั้นก็หยุดยาถาวรและไม่ต้องไปหาคุณหมออีกค่ะ ตอนนั้นดีใจมากๆเลยค่ะ แบบเราหายแล้ว บอกครอบครัว บอกหัวหน้าที่ทำงาน อ่อ ลืมบอก พลอยย้ายออกจากงานตอนนั้นมาทำงานอีกที่นึงค่ะ แต่ในจังหวัดเดียวกัน
และตอนนี้ผ่านมาปีนิดๆจากการหยุดยาสลายลิ่มเลือดแล้ว แต่ต้องบอกเลยนะคะว่าผลจากการรักษาตอนนั้น ทำให้พลอยยังเหนื่อยง่ายอยู่ ยังไม่สามารถกลับไปวิ่งหรือออกกำลังกายหนักๆได้เลย ก่อนหน้านี่พลอยวิ่งวันละ 5-10 กิโล แบบชิลๆค่ะ และคิดว่ายังไงสามารถกลับไปวิ่งได้อีกแน่นอนค่ะ ตอนนี้พลอยออกกำลังกายได้เยอะขึ้น เน้นการเดินเพิ่มขึ้น ออกกำลังกายที่ไม่ยกน้ำหนักเยอะมากๆ หัวใจเต้นหนักๆก็เลี่ยงค่ะ รู้ลิมิตตัวเอง และค่อยๆทำค่ะ นอกจากนี้สภาพจิตใจตอนช่วงรักษาก็ค่อนข้างแย่ค่ะ ตอนนี้รู้สึกปกติแล้วค่ะ แต่ถ้าให้พูดถึงช่วงสองปีที่ผ่านมาก็มีน้ำตาซึม หรือสมมุติมีใครมาแซวว่าเราปอดไม่ดี ก็ร้องไห้ได้ค่ะ ซึ่งเคยโดนแล้วครั้งนึง 5555555 ตอนนี้พลอยผ่านมันมาได้แล้ว พลอยสู้มากค่ะ
หากตอนนี้ใครกำลังเผชิญอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ พบเจออะไรที่หนักๆจนรู้สึกว่าไม่สามารถผ่านไปได้ เชื่อพลอยนะคะ ทุกคนสามารถผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ อย่าเพิ่งล้มเลิกน้า เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสู้ชีวิตทุกคนค่ะ -3-
หากใครอยากถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อหาพลอยได้ทางช่องทาง
Instagram : Ployok_
Facebook : Ployok Wantita
และกำลังจะลงคลิปแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้ใน Youtube : ThaiGlow Girl
ดูแลสุขภาพกันด้วยน้าาาาาาาาาาา
เล่าประสบการณ์ การตรวจพบว่าเป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด ในวัย 23 ปี !
ย้อนกลับไปในวันที่ 11 เมษายน 2023 เมื่อเกือบๆ 2 ปีก่อน พลอยไปทำงานตามปกติ ตอนนั้นทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา พลอยไปทำงานด้วยรถบัสบริษัทค่ะ อยากเซฟเงินและไม่อยากขับรถส่วนตัวไปด้วยค่ะ จำได้ช่วงก่อนจะเกิดเหตุ มีความรู้สึกว่ามันเหนื่อยง่ายขึ้น เดินข้ามสะพานลอยไปขึ้นรถก็คือเหนื่อยมากขึ้นค่ะ ตอนแรกคิดว่าน้ำหนักขึ้น สิ่งที่ทำคือการไปสมัครยิมค่ะ55555 วันนั้นช่วงเช้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ช่วงพักทานอาหารเที่ยง ที่บริษัทจะต้องสแกนหน้าก่อนพักกลางวันค่ะ พลอยก็เดินไปสแกนหน้า แต่พอหันหลังกลับรู้สึกชาจากเท้าขึ้นมาถึงหัวเลย เหมือนกำลังจะหน้ามืดค่ะ พยายามเดินเกาะโต๊ะพี่ๆเดินไปนั่งพักที่โต๊ะตัวเอง เหมือนกระพริบตาไปแว้ปเดียว รู้ตัวอีกทีพี่ๆรอบตัวก็เดินเข้ามารุมถามว่าน้องพลอยเป็นอะไร เป็นลมหรอ บลาๆ.... จากนั้นพี่ๆก็พาไปห้องพยาบาล พลอยก้รู้สึกเหมือนเป็นลมปกติค่ะ พี่ๆในออฟฟิศก็เดินมาดูว่าเป็นไงบ้าง เอาน้ำแดงมาให้กินเพราะคิดว่าคงน้ำตาลตก แล้วก็หาอะไรมาให้ทาน พลอยก็งีบไปแปปนึง รู้สึกดีขึ้นค่ะ ตื่นมาก็อยากไปห้องน้ำ ซึ่งต้องเดินขึ้นไปหนึ่งชั้นเนื่องจากตอนนั้นมีลูกค้ามา เลยเลี่ยงค่ะ เดินไปแค่ 2-3 step พลอยรู้สึกจะวูบอีกรอบนึง หายใจไม่ค่อยออก เลยนั่งลงตรงบันไดเลยค่ะแล้วพยายามไต่ลงมาจากบันได พาตัวเองกลับไปห้องพยาบาล และแจ้งพยาบาลเลยว่าเราไม่ไหวพาไปส่งโรงพยาบาลหน่อย และแจ้งพี่ๆในออฟฟิศ จากนั้นเราก็ไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเรา
เรารักษาด้วยประกันสังคมนะคะ ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน ชลบุรี ค่ะ ระหว่างทางก็แบบหายใจลำบากมากๆค่ะ รู้สึกแปลกๆไม่เคยเป็นแบบนี้ พอถึงโรงพยาบาลก็ซักประวัติเล็กน้อย และวัดออกซิเจนในเลือดค่ะ ผลปรากฏว่าออกซิเจนค่อนข้างต่ำกว่าปกติ เลยส่งไปตรวจต่อในห้องฉุกเฉิน ที่พลอยพอจะจำได้คือ ตรวจเลือด วัดความดันและให้น้ำเกลือ มีใส่สายออกซิเจนช่วยหายใจค่ะ สายเต็มแขนสองข้างเลยค่ะ
ซึ่งตอนนั้นพลอยคิดแล้วว่ามันต้องเป็นอะไรที่ไม่ปกติแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร จากนั้นมีไป x-ray ปอดค่ะ และกลับมาเพื่อนอนรอผลเลือดประมาณ 1-2 ชม. มีคุณหมอเดินมาถามหรือพูดคุยเล็กน้อย และได้ยินเขาพูดกับพยาบาลว่า PE หรือเปล่า อาการเหมือน PE เลย เราก็แบบเอ้ะ PE คืออะไรนะ (Pulmonary Embolism หรือลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดนั่นเองค่ะ) จากนั้นน่าจะเป็นพี่พยาบาลเดินมาหาเราบอกว่าตอนนี้เท่าที่ดูอาการน่าจะเป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดนะคะ แต่ยังรอผลเลือดอยู่ ตอนนี้ตีเป็น 50% ก่อนนะ อีกสักพักคุณหมอท่านนึงเดินมาพร้อมผลเลือด ปรากฎว่าเป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดจริง และพลอยต้องไปทำการตรวจ CT scan ปอดค่ะ คือหลังจากนั้นโลกหยุดหมุนเลยค่ะ แบบเกิดอะไรขึ้นกับเรา ลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดคืออะไร
หลังจากไป CT scan แล้วเพื่อดูปอด คุณหมอบอกว่ามีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ในปอดทั้งสองข้างเลยนะ TT เราได้ยินก็แบบ ค่ะ คือพูดไม่ออก ไม่รู้จะต้องพูดอะไร กลับมาห้องฉุกเฉิน ก็มีการพูดคุยกับคุณหมอเล็กน้อย เราก็มีแจ้งว่าได้ทานยาคุมกำเนิดค่ะ ประมาณสองเดือนแล้ว คุณหมอบอกว่าก็เป็นไปได้ที่เกิดจากการอุดตันจากการทานยาคุมกำเนิด เพราะมีเด็กสาวอายุน้อยๆเป็นเพิ่มขึ้น เราก็แบบตกใจค่ะและงงๆ อยู่ในห้องฉุกเฉินประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นก็ขึ้นไปห้องพักผู้ป่วยรวมค่ะ ตอนแรกอยากนอนห้องแยก แต่คุณหมออยากให้นอนห้องรวมและนอนริมเพื่อให้พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดผู้ป่วย และพักผ่อนค่ะ
วันต่อมาก็มีไปอัลตร้าซาวน์หัวใจค่ะ ก็นั่งรถเข็นไปพ่วงสายออกซิเจนไปด้วยค่ะ คือการหายใจมันติดขัดและยากลำบากมากค่ะ หายใจไม่ค่อยออกเลยถ้าไม่ใช้สายออกซิเจน หลังจากอัลตร้าซาวน์เสร็จ คุณหมอบอกว่าหัวใจห้องบนขวาโตกว่าปกติ เนื่องมาจากทำงานหนักเพราะมีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ ทำให้หัวใจต้องปั๊มเลือดหนักขึ้นเพื่อไปเลี้ยงปอด คือเราตอบได้เลยนะคะว่ามันชาไปหมด แต่อีกใจคือยอมรับความจริงได้และภาวนาให้หายไวไว มีชีวิตรอดกลับบ้านไป แบบนี้ค่ะรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ 5 วันค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์พอดี ฉลองสงกรานต์ในโรงพยาบาลเลยค่ะ
ระหว่างที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย ก็มีการฉีดยาสลายลิ่มเลือดที่หน้าท้องวันละ 1 ครั้ง ถ้าจำไม่ผิดฉีดอยู่ประมาณ 3 วันค่ะ ควบคู่ไปกับการทานยาสลายลิ่มเลือดด้วย ต้องบอกเลยว่าฉีดยาที่หน้าท้องเจ็บมากๆค่ะ น้ำตาซึมทุกวัน ทิ้งรอยช้ำไว้ที่หน้าท้องหลังฉีดด้วยค่ะ ToT และรักษาร่วมกับการทานยาสลายลิ่มเลือดค่ะ
ประมาณวันที่ 3-4 ในการรักษา คุณหมอประจำเคสก็เดินมาพูดคุยกับพลอยค่ะและแจ้ง หากความรุนแรงของการเป้นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดมา 4 ระดับ ของพลอยอยู่ในระดับที่ 3 ค่ะ ซึ่งค่อนข้างรุนแรงเลยค่ะ แต่มีโอกาสหายได้ค่ะ หมอบอกว่า ลิ่มเลือดสามารถสลายได้เองตามกลไกของร่างกาย แต่การอุดตันที่มากแบบพลอยก็ต้องมีการใช้ยาในการช่วยขับออก ตอนนั้นก็แบบ นอนนิ่งๆค่ะ ไร้ความรู้สึก ได้แต่ตอบกลับไปว่าค่ะคุณหมอ และหมอบอกว่า เดี๋ยวลองดูอาการต่อ ถ้าดีแล้วก็จะให้กลับบ้านค่ะ ฮี่ฮี่ เริ่มมีกำลังใจค่ะ อยากกลับบ้าน คิดถึงแมว
จากนั้นวันที่ 5 ก็สามารถกลับบ้านได้แล้วค่ะ มาตอนเช้าพี่พยาบาลก็เริ่มมาปรับลดออกซิเจนเพื่อให้เริ่มหายใจได้เอง แต่คือก็ยังเหนื่อยอยู่มากๆค่ะ ระหว่างรักษา แค่พลิกตัวก็เหนื่อยสุดๆแล้วค่ะ หายใจลำบากจริงๆ ไม่เคยทรมานมากขนาดนี้เลยค่ะ พลอยเข้าห้องน้ำข้างๆเตียงค่ะ เป็นเหมือนโถแล้วมีถุงครอบไว้ประมาณนั้นค่ะ ไม่อยากลุกไปโถข้างเตียงเลยค่ะ รู้สึกไกล55555 มันเหนื่อยค่ะแค่ลุกก็เหนื่อยแล้ว แง แต่ก็ได้กลับบ้านค่ะ อาการดีขึ้นแต่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเช่นกัน
รูปนี้วันที่ 5 ก่อนกลับบ้านค่ะ ได้ถอดสายออกซิเจนแล้วค่ะ อยากสระผม5555
รูปนี้จะเห็นรอยช้ำที่เกิดจากการฉีดยาสลายลิ่มเลือดที่หน้าท้องค่ะ แค่เห็นก็เจ็บจี๊ดแล้วค่ะ5555
ชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาลคือชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมทุกอย่างค่ะ ต้องบอกเลยว่าช่วงแรกๆเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆค่ะ เหมือนต้องลองฝึกค่อยๆหายใจ เดินๆไปสองสามก้าว ก็แบบต้องหยุดเพื่อหายใจค่ะ ถึงขั้นมีสเปรย์ออกซิเจนติดตัวไว้ค่ะ ออกมาจากรพ.ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แจ็คพอตค่ะ ติดโควิด19 เคราะห์ซ้ำกำซัดมากๆ อยู่รอดปลอดภัยมาหลายปี มาติดตอนที่เป็นลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดอี้กกก แต่เอาเถอะค่ะ ชีวิตต้องสู้ต่อไป จำได้ตอนนั้นไอหนักมากๆค่ะ เป็นอยู่เกือบๆสิบวันเลยกว่าจะตรวจเจอว่าไม่พบเชื้อ ตอนแรกกังวลว่าจะลงปอดไหม เพราะตอนนี้ปอดร้องขอชีวิตแล้วค่ะ การใช้ชีวิตหลังจากตรวจพบนี่ทรมานสุดๆค่ะไม่จ้อจี้ เพราะการหายใจนั้นลำบากมากๆ แบบเปลี่ยนชีวิตไปเลย และยังมีอาการไอร่วมด้วยเล็กน้อยในช่วงแรก พลอยไม่สามารถออกกำลังกายได้เลยค่ะ เพราะแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว มีอาหารหลายอย่างที่หากเราทานมากไปก็จะส่งผลต่อความเข้มข้นของเลือด เพราะลิ่มเลือดจับตัวกัน ความเข้มข้นของเลือดจะต่ำ หากสูงเกินไปเลือดก็จะเหลวอีก สมมุติพลอยไปเจาะเลือดในช่วงที่เลือดเหลว การหยุดไหลของเลือดก็จะช้าลงค่ะ แบบหยุดไหลช้ามากค่ะ อีกอย่างนึงที่เป็นเอฟเฟคจากการทานยาสลายลิ่มเลือดคือจะมีรอยฟกช้ำตามร่างกายบางจุด เช่น ข้อเท้า เอว ต้นขา เช่นหลังจากแช่น้ำอุ่นอะไรแบบนี้ค่ะ เลือดไหลเวียน555
สำหรับความถี่ในการไปโรงพยาบาลนะคะ ช่วงประมาณเดือนแรกพลอยไปสองสัปดาห์ 1 ครั้ง คือเดือนแรกจะไป 2 ครั้งนั่นเองค่ะ ตอนไปก็ขั้นแรกไปกดคิวเจาะเลือด จากนั้นไปนั่งรอเจาะเลือดค่ะ เจาะเสร็จเดินไปวัดความดัน ยื่นใบนัดให้พยาบาลและนั่งรอตรวจค่ะ แอบรอนานค่ะเพราะเป็นรพ.รัฐ แต่เข้าใจได้ค่ะ ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอ ฟังผลเลือด ช่วงแรกๆค่าเลือดจะต่ำบ้าง สูงบ้าง ต้องปรับยาสลายลิ่มเลือดค่ะ ยาวาร์ฟารีน มีสองสีคือสีชมพูและฟ้า คุณหมอจะปรับยาแต่ละสีตามค่าเลือดค่ะ เช่นสีชมพูกินวันไหนบ้าง ฟ้ากินวันไหนบ้างทำนองนี้ค่ะ ช่วงเดือนที่2 ไปถึงเดือนที่ 7 ก็ไปตรวจเลือดเดือนละครั้งค่ะ ปรับยาเกือบทุกเดือนเลย วนๆไปค่ะ พอเข้าเดือนที่ 8 ตรวจเลือดผลปรากฏว่าค่าเลือดอยู่ในระดับปกติแล้วคุณหมอเลยให้ลองหยุดยาและมาตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งสัปดาห์หน้า และใช่ค่ะจากนั้นก็หยุดยาถาวรและไม่ต้องไปหาคุณหมออีกค่ะ ตอนนั้นดีใจมากๆเลยค่ะ แบบเราหายแล้ว บอกครอบครัว บอกหัวหน้าที่ทำงาน อ่อ ลืมบอก พลอยย้ายออกจากงานตอนนั้นมาทำงานอีกที่นึงค่ะ แต่ในจังหวัดเดียวกัน
และตอนนี้ผ่านมาปีนิดๆจากการหยุดยาสลายลิ่มเลือดแล้ว แต่ต้องบอกเลยนะคะว่าผลจากการรักษาตอนนั้น ทำให้พลอยยังเหนื่อยง่ายอยู่ ยังไม่สามารถกลับไปวิ่งหรือออกกำลังกายหนักๆได้เลย ก่อนหน้านี่พลอยวิ่งวันละ 5-10 กิโล แบบชิลๆค่ะ และคิดว่ายังไงสามารถกลับไปวิ่งได้อีกแน่นอนค่ะ ตอนนี้พลอยออกกำลังกายได้เยอะขึ้น เน้นการเดินเพิ่มขึ้น ออกกำลังกายที่ไม่ยกน้ำหนักเยอะมากๆ หัวใจเต้นหนักๆก็เลี่ยงค่ะ รู้ลิมิตตัวเอง และค่อยๆทำค่ะ นอกจากนี้สภาพจิตใจตอนช่วงรักษาก็ค่อนข้างแย่ค่ะ ตอนนี้รู้สึกปกติแล้วค่ะ แต่ถ้าให้พูดถึงช่วงสองปีที่ผ่านมาก็มีน้ำตาซึม หรือสมมุติมีใครมาแซวว่าเราปอดไม่ดี ก็ร้องไห้ได้ค่ะ ซึ่งเคยโดนแล้วครั้งนึง 5555555 ตอนนี้พลอยผ่านมันมาได้แล้ว พลอยสู้มากค่ะ
หากตอนนี้ใครกำลังเผชิญอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ พบเจออะไรที่หนักๆจนรู้สึกว่าไม่สามารถผ่านไปได้ เชื่อพลอยนะคะ ทุกคนสามารถผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ อย่าเพิ่งล้มเลิกน้า เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสู้ชีวิตทุกคนค่ะ -3-
หากใครอยากถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อหาพลอยได้ทางช่องทาง
Instagram : Ployok_
Facebook : Ployok Wantita
และกำลังจะลงคลิปแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้ใน Youtube : ThaiGlow Girl
ดูแลสุขภาพกันด้วยน้าาาาาาาาาาา