.
.
ไข่ไก่มีบทบาทสำคัญในการผลิตวัคซีน
มานานหลายทศวรรษแล้ว
Bettmann/Getty Images
.
.
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ชาวอเมริกันที่กำลังมองหาไข่ไก่
ต้องเผชิญกับชั้นวางสินค้าที่ว่างเปล่า
ในร้านขายของชำ/ห้างสรรพสินค้า
ภัยคุกคามจากไข้หวัดนก
ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ทำให้เกษตรกรต้องฆ่าไก่
จำนวนหลายล้านตัว
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้
.
.

.
.
เมื่อเกือบ 70 ปีก่อน
Maurice Hilleman
ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดใหญ่
ก็กังวลเช่นกันเกี่ยวกับการรวบรวมไข่ไก่
ท่านไม่ได้ต้องการไข่ไก่เป็นอาหารเช้า
แต่ต้องการนำมาเพื่อผลิตวัคซีนที่สำคัญ
ในการหยุดยั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่
ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการคาดการณ์ของท่าน
ท่านเกิดหนึ่งปีหลังการระบาดของ
ไข้หวัดใหญ่สเปน ในปี พ.ศ.2461
ที่ทำให้คนตายราว 20-100 ล้านคน
(การประมาณการคนตายในยุค Analog
ตัวเลขมักจะแตกต่างกันแล้วแต่แหล่งที่มา)
ในปี พ.ศ. 2500
ท่านเริ่มกังวลเกี่ยวกับอุปทานไข่ไก่
ต้องเป็นไข่ไก่มีเชื้อเพื่อนำมาผลิตวัคซีน
พวกนักวิทยาศาสตร์เริ่มมีความเข้าใจ
เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก
เมื่อเทียบกับการเผชิญหน้าก่อนหน้านี้
ความรู้สึกกังวลในเรื่องดังกล่าว
ทำให้พวกเขากลัวว่าการระบาดใหญ่
จะคล้ายกับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2461
อาจปะทุขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
และทำให้ผู้คนหลายล้านคนตายอีกครั้ง
การคาดการณ์การระบาดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคระบาด
ที่คาดเดาได้ยากที่สุดโรคหนึ่ง
ทุกปีไวรัสจะกลายพันธุ์เล็กน้อย
ในกระบวนการที่เรียกว่า
Antigenic drift
ยิ่งกลายพันธุ์มากเท่าไร
ระบบภูมิคุ้มกันของคนเรา
จะยิ่งมีโอกาสจดจำลดลง
และต่อสู้กับโรคได้น้อยลงเท่านั้น
ไวรัสจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ในกระบวนการที่เรียกว่า
Antigenic shift
โดยใช้เวลาเป็นระยะ ๆ
เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว
ผู้คนจะยิ่งมีภูมิคุ้มกันน้อยลง
และโอกาสที่โรคจะแพร่กระจาย
ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก/รวดเร็ว
Maurice Hilleman
รู้ว่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ก่อนที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเปลี่ยนแปลง
และทำให้เกิดการระบาดใหญ่
ที่คล้ายกับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2461
และไม่มีใครคาดเดาได้ว่า
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2500
Maurice Hilleman เปิดหนังสือพิมพ์
และเห็นบทความเกี่ยวกับผู้ป่วย
ตาพร่ามัว ล้นคลินิกในฮ่องกง
บทความมีความยาวเพียงแปดประโยค
แต่ Maurice Hilleman ต้องการเพียงสี่คำ
ในพาดหัวข่าวก็รู้สึกตื่นตระหนกว่า
ฮ่องกงต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่
ภายในหนึ่งเดือน
หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับการระบาด
ของไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกง
Maurice Hilleman ได้ร้องขอ
ให้เพื่อนร่วมงานในเอเซีย
ช่วยเก็บและทดสอบตัวอย่างไวรัส
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2500
Maurice Hilleman และเพื่อนร่วมงาน
ทราบว่า ชาวอเมริกันไม่มีภูมิคุ้มกัน
ในการต่อต้านไวรัสรุ่นใหม่นี้
ถ้าการระบาดครั้งใหญ่
ที่อาจเกิดขึ้นได้กำลังใกล้เข้ามา
.
.
.
กลาสีเรือรบเยอรมนีตะวันตก
มอบขวดวัคซีนให้กับเรือขนส่ง
General Patch ของสหรัฐฯ
สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 134 คน
Henry Brueggemann/AP Photo
.
.
ในช่วงทศวรรษปี พ.ศ.2463-2473
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินจำนวนมาก
ในการวิจัยเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่
ในปี พ.ศ.2487
นักวิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่เข้าใจว่า
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัส
ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
เพราะหลังปี พ.ศ.2461
นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มพอเข้าใจไวรัส
ไข้หวัดใหญ่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
และเริ่มพัฒนาวัคซีนขึ้นมาต่อต้าน
แต่การเปลี่ยนแปลง
Virus Antigen
ทำให้วัคซีนชนิดเก่าไม่มีประสิทธิภาพ
ในฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ในปี พ.ศ.2489
ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนป้องกัน
โรคโปลิโอ หรือ ไข้ทรพิษ
ซึ่งฉีดเพียงครั้งเดียวก็ป้องกัน
โรคทั้งสองอย่างนี้ได้ตลอดชีวิต
วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นต้อง
ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้มีประสิทธิภาพอย่างมาก
ในการป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่
ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเห็นผลกระทบอันเลวร้าย
จากการระบาดไข้หวัดใหญ่ในปึ พ.ศ.2461
ที่มีต่อทหารและลูกเรือรบของสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่รัฐจึงให้ความสำคัญกับ
การปกป้องกองทัพสหรัฐฯ จากไข้หวัดใหญ่
ระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่
สำหรับคนในกองทัพ
ไม่ใช่ชาวบ้าน
แต่ชาวอเมริกันไม่คุ้นเคยกับ
การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในทุกปี
.
.
การหยุดการระบาดครั้งใหญ่
ในฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ.2500
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตวัคซีน
เร่งการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่
สำหรับฉีดให้ชาวอเมริกันทุกคน
โดยปกติแล้ว
เกษตรกรมักจะกำจัด
ไก่ตัวผู้
และไก่ตัวเมีย ที่ไข่น้อย เพื่อลดต้นทุน
แต่ Maurice Hilleman
ขอร้องให้เกษตรกรอย่ากำจัด
ไก่ตัวผู้
เพื่อต้องการ
เชื้อของตัวผู้ ในไข่ไก่
ผู้ผลิตวัคซีนต้องใช้ไข่ไก่มีเชื้อจำนวนมาก
เพื่อผลิตวัคซีน ก่อนที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่
จะแพร่ระบาดในสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
แต่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2500
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้แพร่ระบาดในสหรัฐฯ แล้ว
แต่ข่าวดีก็คือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่
ไม่ใช่ชนิดฆ่าคนเหมือนในปี พ.ศ.2461
.
.
.
.
นายแพทย์
Leroy Edgar Burney
และผู้เชี่ยวชาญ คนอื่นๆ หวังว่าจะสร้าง
ความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตระหนก
โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับ ไข้หวัดใหญ่
และความจำเป็นในการฉีดวัคซีน
ในรายการโทรทัศน์ที่เผยแพร่ในวงกว้าง
รัฐบาลสหรัฐยังประกาศบริการสาธารณะสั้น ๆ
/ทำงานร่วมกับองค์กรด้านสุขภาพในท้องถิ่น
เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ชาวบ้านทุกคน
.
.
.
The Silent Invader
(Westinghouse Broadcasting, 1957)
National Library of Medicine
.
.
ภาพยนตร์ปี พ.ศ.2500
ที่แจ้งให้ชาวอเมริกันทราบว่า
สหรัฐฯ ตอบสนองต่อการป้องกัน
โรคระบาดไข้หวัดใหญ่อย่างไร
แต่อัตราการฉีดวัคซีนคนอเมริกัน
อยู่ที่ระดับ
ปานกลาง เท่านั้น
ไม่ใช่เพราะชาวอเมริกันมองว่า
การฉีดวัคซีนเป็นปัญหา
แต่เพราะไม่เห็นว่าเป็นภัยคุกคาม
เพราะความทรงจำเกี่ยวกับ
การระบาดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2461
เลือนลางจางหายไปเกือบ 40 ปีแล้ว
ในขณะที่การพัฒนายาปฏิชีวนะ
ทำให้ภัยคุกคามของไข้หวัดใหญ่ลดลง
.
.
โชคช่วยเรื่องนี้
ในปี พ.ศ.2461
หากความตายและการทำลายล้าง
มีบทบาทสำคัญในการระบาดใหญ่
ความโชคดีก็เป็นตัวช่วยหยุดยั้ง
การระบาดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2500
ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง
ที่ Maurice Hilleman เห็นบทความเกี่ยวกับ
อัตราการเกิดไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น
ในเอเชียในหนังสือพิมพ์ยอดนิยม
ถือว่าเป็นความโชคดี
ที่ Maurice Hilleman ตัดสินใจตั้งแต่เนิ่น ๆ
เพื่อเพิ่มการผลิตไข่ไก่ที่ได้รับการผสมพันธุ์
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในปี พ.ศ.2500
ได้สะท้อนความสามารถในการกำจัด
ไวรัสสายพันธุ์เดียวกันในปี พ.ศ.2461
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข รู้ดีว่า
พวกเขารอดมาได้ในปี พ.ศ.2500
จึงเพิ่มความเข้มข้นในการติดตาม
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในช่วงทศวรรษ พ.ศ.2503
นอกจากนี้ พวกเขายังทำงาน
เพื่อปรับปรุงวัคซีนไข้หวัดใหญ่
และส่งเสริมการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี
ปัจจัยหลายประการ เช่น
การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ
ตลอดจนการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ
บทบาทของวัคซีนในการควบคุมโรค
เป็นตัวกำหนดการสร้างระบบรัฏฐการ
ที่เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน
โดยได้รับการสนับสนุน
จากรัฐบาลกลางในช่วงทศวรรษ 2503
.
.
.
ขั้นตอนแรกเริ่มในการผลิตวัคซีน
พนักงานกำลังฉีดไวรัสที่มีชีวิต
เข้าไปในไข่ไก่ที่มีเชื้อตัวผู้
ผ่านเปลือกไข่ที่แตกร้าวด้านบน
โดยมีเครื่องดูดควันในห้องปฎิบัติการ
@ AP Photo
.
.
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังคงแพร่ระบาด
และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ.2513
การเปลี่ยนแปลงของไวรัสนี้
ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
ในปี พ.ศ.2519 และ พ.ศ.2552
ความกังวลว่าไวรัสจะแพร่ระบาด
ทำให้เกิดความกลัวว่า
จะมีการระบาดใหญ่ครั้งใหม่
ทุกวันนี้ ชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คนเ
ที่จดจำการระบาดใหญ่ในปี พ.ศ.2500 ได้
ซึ่งระบาดอย่างรุนแรงในเอเซีย
ก่อนที่จะสร้างความเสียหายอย่างแท้จริง
แต่เหตุการณ์ดังกล่าวนี้
ได้ทิ้งมรดกอันยั่งยืนไว้ให้กับ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
ได้คิดและวางแผนสำหรับ
การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอนาคต
หากสมมติว่าสหรัฐฯ ใช้ความก้าวหน้า
ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอยู่
ชาวอเมริกันก็เตรียมพร้อมรับมือกับ
การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่
ได้ดีกว่าบรรพบุรุษของตน
ในปี พ.ศ.2461 และ พ.ศ. 2500
แต่ไวรัสไม่สามารถคาดเดาได้
ทำให้ไม่สามารถทราบได้เลยว่า
ไวรัสจะกลายพันธุ์อย่างไร
และจะเกิดการระบาดใหญ่เมื่อใด
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian Story
.
.
หมายเหตุ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ในปัจจุบันไม่ได้ผลิตจากไข่ไก่
แต่ผลิตจากการเพาะเลี้ยง
ไวรัสในเซลล์เพาะเลี้ยง เช่น
1. เซลล์ไตลิง (Vero cells)
2. เซลล์ตัวอ่อนเป็ด
3. เซลล์เพาะเลี้ยงจากคน
วัคซีนรุ่นใหม่เหล่านี้มีความปลอดภัย
และประสิทธิภาพสูงกว่าวัคซีนรุ่นเก่า
ที่เคยผลิตจากสมองแกะ/สมองกระต่าย
หากใครแพ้ไข่ไก่
จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้
เพราะไม่มีส่วนประกอบของไข่ไก่
ในกระบวนการผลิตวัคซีนชนิดนี้
.
.
เมื่อ 100 ปีที่แล้ว
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน
ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุด
ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ไข้หวัดใหญ่สเปน
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1
ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายของ
สงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 1918-1919
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 50 ล้านคน
ซึ่งมากกว่ายอดทหารและพลเรือน
ที่ตายในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถึง 3 เท่า
ไข้หวัดใหญ่สเปนเป็นโรคติดต่อ
ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุด
หลังเหตุการณ์
Black Death หรือ กาฬมรณะ
สมัยศตวรรษที่ 14
การระบาดครั้งใหญ่ของ
กาฬโรค
ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 75-100 ล้านคน
ระหว่างปี 1918-1919
ต้นตอการระบาดครั้งนั้นที่ประเทศสเปน
จึงมีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu)
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้
ได้กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง
ในระหว่างปี 1977-1978
โดยมีต้นตอที่ประเทศรัสเซีย
จึงเรียกว่า
ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian flu)
ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1 และ H3N2)
เป็นเชื้อโรคตามฤดูกาลที่พบได้มากที่สุด
และมักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝน
รองลงมา ได้แก่ ชนิดบี และ ชนิดซี
ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า
เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อโรค
ที่มักเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ได้เสมอ
ซึ่งอาจเกิดโดยธรรมชาติของไวรัสเอง
หรือจากการผสมข้ามสายพันธุ์
การแพร่ระบาดอย่างรุนแรง
มักเกิดขึ้นเมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
เกิดขึ้นจากสัตว์ และทำให้คนส่วนมาก
ไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน
ดังเช่นที่เคยเกิดเหตุ เมื่อปี 1979
ไข้หวัดหมูระบาด
มีจุดเริ่มต้นในประเทศเม็กซิโก
ก่อนแพร่กระจายไปยัง 171 ประเทศ
Credit
ไข้หวัดใหญ่สเปน
ปีพ.ศ.2500 ไข่ไก่ช่วยคนอเมริกันรอดตายจากไข้หวัดใหญ่
.
ไข่ไก่มีบทบาทสำคัญในการผลิตวัคซีน
มานานหลายทศวรรษแล้ว
Bettmann/Getty Images
.
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ชาวอเมริกันที่กำลังมองหาไข่ไก่
ต้องเผชิญกับชั้นวางสินค้าที่ว่างเปล่า
ในร้านขายของชำ/ห้างสรรพสินค้า
ภัยคุกคามจากไข้หวัดนก
ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ทำให้เกษตรกรต้องฆ่าไก่
จำนวนหลายล้านตัว
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้
.
.
เมื่อเกือบ 70 ปีก่อน
Maurice Hilleman
ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดใหญ่
ก็กังวลเช่นกันเกี่ยวกับการรวบรวมไข่ไก่
ท่านไม่ได้ต้องการไข่ไก่เป็นอาหารเช้า
แต่ต้องการนำมาเพื่อผลิตวัคซีนที่สำคัญ
ในการหยุดยั้งการระบาดของไข้หวัดใหญ่
ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการคาดการณ์ของท่าน
ท่านเกิดหนึ่งปีหลังการระบาดของ
ไข้หวัดใหญ่สเปน ในปี พ.ศ.2461
ที่ทำให้คนตายราว 20-100 ล้านคน
(การประมาณการคนตายในยุค Analog
ตัวเลขมักจะแตกต่างกันแล้วแต่แหล่งที่มา)
ในปี พ.ศ. 2500
ท่านเริ่มกังวลเกี่ยวกับอุปทานไข่ไก่
ต้องเป็นไข่ไก่มีเชื้อเพื่อนำมาผลิตวัคซีน
พวกนักวิทยาศาสตร์เริ่มมีความเข้าใจ
เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก
เมื่อเทียบกับการเผชิญหน้าก่อนหน้านี้
ความรู้สึกกังวลในเรื่องดังกล่าว
ทำให้พวกเขากลัวว่าการระบาดใหญ่
จะคล้ายกับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2461
อาจปะทุขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
และทำให้ผู้คนหลายล้านคนตายอีกครั้ง
การคาดการณ์การระบาดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคระบาด
ที่คาดเดาได้ยากที่สุดโรคหนึ่ง
ทุกปีไวรัสจะกลายพันธุ์เล็กน้อย
ในกระบวนการที่เรียกว่า
Antigenic drift
ยิ่งกลายพันธุ์มากเท่าไร
ระบบภูมิคุ้มกันของคนเรา
จะยิ่งมีโอกาสจดจำลดลง
และต่อสู้กับโรคได้น้อยลงเท่านั้น
ไวรัสจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ในกระบวนการที่เรียกว่า
Antigenic shift
โดยใช้เวลาเป็นระยะ ๆ
เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว
ผู้คนจะยิ่งมีภูมิคุ้มกันน้อยลง
และโอกาสที่โรคจะแพร่กระจาย
ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก/รวดเร็ว
Maurice Hilleman
รู้ว่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ก่อนที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเปลี่ยนแปลง
และทำให้เกิดการระบาดใหญ่
ที่คล้ายกับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2461
และไม่มีใครคาดเดาได้ว่า
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2500
Maurice Hilleman เปิดหนังสือพิมพ์
และเห็นบทความเกี่ยวกับผู้ป่วย
ตาพร่ามัว ล้นคลินิกในฮ่องกง
บทความมีความยาวเพียงแปดประโยค
แต่ Maurice Hilleman ต้องการเพียงสี่คำ
ในพาดหัวข่าวก็รู้สึกตื่นตระหนกว่า
ฮ่องกงต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่
ภายในหนึ่งเดือน
หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับการระบาด
ของไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกง
Maurice Hilleman ได้ร้องขอ
ให้เพื่อนร่วมงานในเอเซีย
ช่วยเก็บและทดสอบตัวอย่างไวรัส
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2500
Maurice Hilleman และเพื่อนร่วมงาน
ทราบว่า ชาวอเมริกันไม่มีภูมิคุ้มกัน
ในการต่อต้านไวรัสรุ่นใหม่นี้
ถ้าการระบาดครั้งใหญ่
ที่อาจเกิดขึ้นได้กำลังใกล้เข้ามา
.
.
กลาสีเรือรบเยอรมนีตะวันตก
มอบขวดวัคซีนให้กับเรือขนส่ง
General Patch ของสหรัฐฯ
สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 134 คน
Henry Brueggemann/AP Photo
.
ในช่วงทศวรรษปี พ.ศ.2463-2473
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินจำนวนมาก
ในการวิจัยเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่
ในปี พ.ศ.2487
นักวิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่เข้าใจว่า
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัส
ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
เพราะหลังปี พ.ศ.2461
นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มพอเข้าใจไวรัส
ไข้หวัดใหญ่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
และเริ่มพัฒนาวัคซีนขึ้นมาต่อต้าน
แต่การเปลี่ยนแปลง Virus Antigen
ทำให้วัคซีนชนิดเก่าไม่มีประสิทธิภาพ
ในฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ในปี พ.ศ.2489
ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนป้องกัน
โรคโปลิโอ หรือ ไข้ทรพิษ
ซึ่งฉีดเพียงครั้งเดียวก็ป้องกัน
โรคทั้งสองอย่างนี้ได้ตลอดชีวิต
วัคซีนไข้หวัดใหญ่จำเป็นต้อง
ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้มีประสิทธิภาพอย่างมาก
ในการป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่
ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
หลังจากเห็นผลกระทบอันเลวร้าย
จากการระบาดไข้หวัดใหญ่ในปึ พ.ศ.2461
ที่มีต่อทหารและลูกเรือรบของสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่รัฐจึงให้ความสำคัญกับ
การปกป้องกองทัพสหรัฐฯ จากไข้หวัดใหญ่
ระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่
สำหรับคนในกองทัพ ไม่ใช่ชาวบ้าน
แต่ชาวอเมริกันไม่คุ้นเคยกับ
การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในทุกปี
.
.
การหยุดการระบาดครั้งใหญ่
ในฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ.2500
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตวัคซีน
เร่งการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่
สำหรับฉีดให้ชาวอเมริกันทุกคน
โดยปกติแล้ว
เกษตรกรมักจะกำจัด ไก่ตัวผู้
และไก่ตัวเมีย ที่ไข่น้อย เพื่อลดต้นทุน
แต่ Maurice Hilleman
ขอร้องให้เกษตรกรอย่ากำจัด ไก่ตัวผู้
เพื่อต้องการ เชื้อของตัวผู้ ในไข่ไก่
ผู้ผลิตวัคซีนต้องใช้ไข่ไก่มีเชื้อจำนวนมาก
เพื่อผลิตวัคซีน ก่อนที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่
จะแพร่ระบาดในสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
แต่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2500
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้แพร่ระบาดในสหรัฐฯ แล้ว
แต่ข่าวดีก็คือ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่
ไม่ใช่ชนิดฆ่าคนเหมือนในปี พ.ศ.2461
.
.
นายแพทย์ Leroy Edgar Burney
และผู้เชี่ยวชาญ คนอื่นๆ หวังว่าจะสร้าง
ความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตระหนก
โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับ ไข้หวัดใหญ่
และความจำเป็นในการฉีดวัคซีน
ในรายการโทรทัศน์ที่เผยแพร่ในวงกว้าง
รัฐบาลสหรัฐยังประกาศบริการสาธารณะสั้น ๆ
/ทำงานร่วมกับองค์กรด้านสุขภาพในท้องถิ่น
เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ชาวบ้านทุกคน
.
.
The Silent Invader
(Westinghouse Broadcasting, 1957)
National Library of Medicine
.
ภาพยนตร์ปี พ.ศ.2500
ที่แจ้งให้ชาวอเมริกันทราบว่า
สหรัฐฯ ตอบสนองต่อการป้องกัน
โรคระบาดไข้หวัดใหญ่อย่างไร
แต่อัตราการฉีดวัคซีนคนอเมริกัน
อยู่ที่ระดับ ปานกลาง เท่านั้น
ไม่ใช่เพราะชาวอเมริกันมองว่า
การฉีดวัคซีนเป็นปัญหา
แต่เพราะไม่เห็นว่าเป็นภัยคุกคาม
เพราะความทรงจำเกี่ยวกับ
การระบาดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2461
เลือนลางจางหายไปเกือบ 40 ปีแล้ว
ในขณะที่การพัฒนายาปฏิชีวนะ
ทำให้ภัยคุกคามของไข้หวัดใหญ่ลดลง
.
.
โชคช่วยเรื่องนี้
ในปี พ.ศ.2461
หากความตายและการทำลายล้าง
มีบทบาทสำคัญในการระบาดใหญ่
ความโชคดีก็เป็นตัวช่วยหยุดยั้ง
การระบาดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2500
ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง
ที่ Maurice Hilleman เห็นบทความเกี่ยวกับ
อัตราการเกิดไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น
ในเอเชียในหนังสือพิมพ์ยอดนิยม
ถือว่าเป็นความโชคดี
ที่ Maurice Hilleman ตัดสินใจตั้งแต่เนิ่น ๆ
เพื่อเพิ่มการผลิตไข่ไก่ที่ได้รับการผสมพันธุ์
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในปี พ.ศ.2500
ได้สะท้อนความสามารถในการกำจัด
ไวรัสสายพันธุ์เดียวกันในปี พ.ศ.2461
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข รู้ดีว่า
พวกเขารอดมาได้ในปี พ.ศ.2500
จึงเพิ่มความเข้มข้นในการติดตาม
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในช่วงทศวรรษ พ.ศ.2503
นอกจากนี้ พวกเขายังทำงาน
เพื่อปรับปรุงวัคซีนไข้หวัดใหญ่
และส่งเสริมการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี
ปัจจัยหลายประการ เช่น
การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ
ตลอดจนการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ
บทบาทของวัคซีนในการควบคุมโรค
เป็นตัวกำหนดการสร้างระบบรัฏฐการ
ที่เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน
โดยได้รับการสนับสนุน
จากรัฐบาลกลางในช่วงทศวรรษ 2503
.
.
ขั้นตอนแรกเริ่มในการผลิตวัคซีน
พนักงานกำลังฉีดไวรัสที่มีชีวิต
เข้าไปในไข่ไก่ที่มีเชื้อตัวผู้
ผ่านเปลือกไข่ที่แตกร้าวด้านบน
โดยมีเครื่องดูดควันในห้องปฎิบัติการ
@ AP Photo
.
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังคงแพร่ระบาด
และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ.2513
การเปลี่ยนแปลงของไวรัสนี้
ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
ในปี พ.ศ.2519 และ พ.ศ.2552
ความกังวลว่าไวรัสจะแพร่ระบาด
ทำให้เกิดความกลัวว่า
จะมีการระบาดใหญ่ครั้งใหม่
ทุกวันนี้ ชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คนเ
ที่จดจำการระบาดใหญ่ในปี พ.ศ.2500 ได้
ซึ่งระบาดอย่างรุนแรงในเอเซีย
ก่อนที่จะสร้างความเสียหายอย่างแท้จริง
แต่เหตุการณ์ดังกล่าวนี้
ได้ทิ้งมรดกอันยั่งยืนไว้ให้กับ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
ได้คิดและวางแผนสำหรับ
การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอนาคต
หากสมมติว่าสหรัฐฯ ใช้ความก้าวหน้า
ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอยู่
ชาวอเมริกันก็เตรียมพร้อมรับมือกับ
การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่
ได้ดีกว่าบรรพบุรุษของตน
ในปี พ.ศ.2461 และ พ.ศ. 2500
แต่ไวรัสไม่สามารถคาดเดาได้
ทำให้ไม่สามารถทราบได้เลยว่า
ไวรัสจะกลายพันธุ์อย่างไร
และจะเกิดการระบาดใหญ่เมื่อใด
.
เรียบเรียง/ที่มา
Smithsonian Story
.
.
หมายเหตุ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ในปัจจุบันไม่ได้ผลิตจากไข่ไก่
แต่ผลิตจากการเพาะเลี้ยง
ไวรัสในเซลล์เพาะเลี้ยง เช่น
1. เซลล์ไตลิง (Vero cells)
2. เซลล์ตัวอ่อนเป็ด
3. เซลล์เพาะเลี้ยงจากคน
วัคซีนรุ่นใหม่เหล่านี้มีความปลอดภัย
และประสิทธิภาพสูงกว่าวัคซีนรุ่นเก่า
ที่เคยผลิตจากสมองแกะ/สมองกระต่าย
หากใครแพ้ไข่ไก่
จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้
เพราะไม่มีส่วนประกอบของไข่ไก่
ในกระบวนการผลิตวัคซีนชนิดนี้
.
.
เมื่อ 100 ปีที่แล้ว
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน
ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุด
ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ไข้หวัดใหญ่สเปน
เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1
ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายของ
สงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 1918-1919
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 50 ล้านคน
ซึ่งมากกว่ายอดทหารและพลเรือน
ที่ตายในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถึง 3 เท่า
ไข้หวัดใหญ่สเปนเป็นโรคติดต่อ
ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุด
หลังเหตุการณ์ Black Death หรือ กาฬมรณะ
สมัยศตวรรษที่ 14
การระบาดครั้งใหญ่ของ กาฬโรค
ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 75-100 ล้านคน
ระหว่างปี 1918-1919
ต้นตอการระบาดครั้งนั้นที่ประเทศสเปน
จึงมีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu)
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้
ได้กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง
ในระหว่างปี 1977-1978
โดยมีต้นตอที่ประเทศรัสเซีย
จึงเรียกว่า ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian flu)
ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1 และ H3N2)
เป็นเชื้อโรคตามฤดูกาลที่พบได้มากที่สุด
และมักแพร่ระบาดในช่วงฤดูฝน
รองลงมา ได้แก่ ชนิดบี และ ชนิดซี
ขณะที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า
เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อโรค
ที่มักเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ได้เสมอ
ซึ่งอาจเกิดโดยธรรมชาติของไวรัสเอง
หรือจากการผสมข้ามสายพันธุ์
การแพร่ระบาดอย่างรุนแรง
มักเกิดขึ้นเมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
เกิดขึ้นจากสัตว์ และทำให้คนส่วนมาก
ไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน
ดังเช่นที่เคยเกิดเหตุ เมื่อปี 1979
ไข้หวัดหมูระบาด
มีจุดเริ่มต้นในประเทศเม็กซิโก
ก่อนแพร่กระจายไปยัง 171 ประเทศ
Credit ไข้หวัดใหญ่สเปน