”ภูมิธรรม“ รับข้อเสนอผู้ว่าฯ สระแก้วขอ 385 ล้านสร้างรั้วกั้นกัมพูชา กสทช.จ่อรื้อเสาสัญญาณมือถือใกล้ชายแดน 1 กม.


ขอบคุณที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9680000014139

“ภูมิธรรม” ตรวจชายแดนสระแก้ว ส่งกำลังใจ จนท.สู้ภัยออนไลน์-ภัยมนุษย์ เข้ม หากพบใครพัวพันทำผิดดึงพ้นพื้นที่ก่อน สั่งทหาร-ตร.คุมเข้มชายแดน  รับข้อเสนอ ผวจ.สระแก้ว กำหนดความสูงเสาสัญญาณมือถือ ขอ 385 ล้านทำรั้วชายแดน ตั้งสถานกงสุลดูแลคนไทยใน 8 จังหวัดเขมร ด้าน กสทช.จ่อรื้อเสาใกล้ชายแดน 1 กม.พร้อมลดกำลังส่ง

วันที่ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา10.40 น. ที่ ร.13 พัน3 รอ. จ.สระแก้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมติดตามการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมรับฟังความคืบหน้าการดำเนินงานภาพรวมของพื้น ที่จ.สระแก้ว รวมถึงปัญหาการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซนเตอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมไซเบอร์ การเปิดบัญชีม้า จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพ ภาคที่ 1 พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2 พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พ.ต.เทพพิทักษ์ นิมิต ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)จังหวัดสระแก้ว ประธานสมาคมธนาคารไทยจังหวัดสระแก้ว

ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวว่าสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ จ.สระแก้ว ในเรื่องเศรษฐกิจ เรามีปริมาณการส่งออกมากกว่าและนำเข้า สร้างมูลค่าการค้าชายแดน ประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะที่การข้ามแดนตามข้อตกลงไทยกัมพูชา กำหนดใช้พาสปอร์ตและหนังสือผ่านแดนชั่วคราว และการเดินทางเข้าออกได้ติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยมีรายงานว่าขณะนี้คนไทยอยู่ในพื้นที่ปอยเปตกว่า 3 หมื่นคน แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นจังหวัดขอเสนอรัฐบาล 3 เรื่อง คือ เรื่องเสาสัญญาณบริเวณชายแดน ขอให้กสทช.และหน่วยงานความมั่นคง แจ้งทางจังหวัดสระแก้ว ให้ทราบถึงระยะห่างจากชายแดน เพื่อกำหนดระยะความสูงของเสาในการอนุญาตให้ก่อสร้างได้และไม่เกินความสูงที่กำหนด เรื่องการทำรั้วแนวชายแดนจ.สระแก้วที่ติดกับกัมพูชา ระยะทาง 55 กิโลเมตร งบประมาณ 385 ล้านบาท พร้อมกล้องซีซีทีวีเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน เนื่องจากยังมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนและพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด จึงอยากให้ออกแบบรั้วเพื่อป้องกันการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และขอให้ติดตามความคืบหน้าการตั้งสถานกงสุลที่มีแนวคิดตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อดูแลช่วยเหลือคนไทยใน 8 จังหวัดของกัมพูชา เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือและแก้ปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว


รองเลขาธิการฯ กสทช.กล่าวว่า กสทช.จะประสานให้ลดความสูง และกำหนดระยะห่างของเสาที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรให้ล้มหมด และจะกำหนดกำลังส่งและกำหนดสายส่งที่จะเข้าไปดำเนินการใหม่ และหันเสาและตัดกำลังส่งลง จะทำให้ลดสัญญาณที่ไปทางกัมพูชา และจะตั้งกำลังส่งต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ซิมที่ใช้กับโทรศัพท์และเอสเอ็มเอส จะกำหนดให้จดเลขหมายประจำเครื่อง ทั้งการส่งเอสเอ็มเอสและที่ส่งจากซิมบ็อกซ์ รวมถึงกำหนดให้ลงทะเบียนอีซิม จากเดิมสามารถลงทะเบียนด้วยตัวเองได้ ให้ไปลงทะเบียนที่ตั้งและกำหนดให้ส่งได้แค่ภายในประเทศไทย

นายภูมิธรรม กล่าวมอบนโยบายและข้อสั่งการว่า รัฐบาลคิกออฟเรื่องซีลชายแดน หวังว่าจะใช้เวลา 6 เดือน จะเห็นผลในการดำเนินการ และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทหารตำรวจและผู้เกี่ยวข้องและจะเป็นมาตรการที่เริ่มต้นสกัดกั้นยาเสพติด ป้องกันการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้ประสานงาน และจากการลงพื้นที่แม่สอด จ.ตาก เราทราบมีกระบวนการจัดการของชนกลุ่มน้อยที่มีทุกปัญหา เมื่อถูกปราบ จึงลงมาที่ภาคกลางและกระจายไปหลายเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเราทำงานมีประสิทธิภาพ ส่วนพื้นที่ จ.สระแก้ว ขอชื่นชม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ที่มีความพร้อมและตั้งใจปฏิบัติงาน ส่วนข้อเสนอของจังหวัดทั้งเรื่องการทำรั้วชายแดน และงบประมาณ จะนำกลับไปหารือ ทั้งนี้มาตรการทางการเงินสำคัญที่สุด ที่จะช่วยและอยากให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐใช้มาตรการยึดทรัพย์

“นายกฯ สั่งการเรื่องนี้ว่า 6 เดือน ต้องเห็นผลมีข้อสรุปอะไรที่เฉยชาหรือไม่ปฏิบัติตามอย่างแข็งขัน มีจุดโหว่ที่เกิดขึ้น ได้มีมาตรการตกลงกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทุกหน่วย หากเพิกเฉยต้องดึงออกมาก่อน เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ลำบากเพราะชายแดนกว้าง ช่องทางธรรมชาติมาก มีความยากลำบากในการทำงาน จึงตัดสินใจเพิ่มกำลังพลให้เป็นการชั่วคราวให้ทำงาน หากใช้ข้อมูลและการข่าว เทคโนโลยีบูรณาการร่วมกัน ถ้าทำได้การทำหน้าที่ตามแนวชายแดนจะประสบความสำเร็จ และรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีให้ใช้เพื่อแก้ปัญหา ที่สำคัญคือต้องร่วมมือกัน และทำทันที หากทำแล้วมีข้อติดขัดให้รายงานกลับมาเพื่อหาทางแก้ไข รวมถึงเรื่องของซิมการ์ด ถ้าสกัดตรงนี้ได้จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ขอฝากทุกหน่วยไปดู ส่วนมาตรการชายแดน เช่น ตัดไฟและอินเตอร์เน็ต เป็นเรื่องเฉพาะหน้า เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเอาจริง เกิดผ่อนคลายคลายและเชื่อมั่น มาแก้ไม่ได้เต็ม 100 แต่เป็นจุดเริ่มต้นกวาดบ้านให้สะอาด"

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้โลกเปลี่ยนมีทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ทำขึ้น ทั้งยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ ที่เป็นเรื่องใหม่และใหญ่ ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคย และกระทบไปทั่วโลกโดย เฉพาะเรื่องคอลเซ็นเตอร์ นานาชาติให้ความสนใจ แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าไปดำเนินการในเมียนมาได้ จึงอยากให้ทุกหน่วยงานตั้งใจและเชื่อว่าหากร่วมมือกัน จะรับมือและแก้ไขได้ จึงขอสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ ดังนี้ กองทัพภาคที่ 1 ให้เพิ่มความเข้มข้น ลาดตระเวนและเสริมกำลังป้องกันชายแดน คุมพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยเพิ่มกำลังพลให้มากขึ้น เพื่อทำงานให้ครอบคลุม หากใครที่มีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นให้ปัญหาบานปลาย ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย และขอให้ตำรวจ ตำรวจภูธรภาค 2 บูรณาการทำงานรับมือกับขบวนการป้องกันลักลอบข้ามแดน ลักลอบลำเลียงคน สิ่งของ และปัจจัยอื่น ที่จะถูกนำไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนและกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้เน้นการปฏิบัติภาคสนาม เฝ้าระวัง กวดขันและตรวจการใช้พื้นที่ชายแดนลักลอบขนส่งสินค้า และปัจจัยอื่นไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ ควบคุมจุดผ่านแดน สืบสวนเครือข่ายในพื้นที่ ปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายผู้มีอิทธิพลที่สนับสนุนการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ายาเสพติด และเน้นการสืบสวนทางเทคโนโลยี เพื่อติดตามเครือข่ายออนไลน์และนำไปสู่การปิดกั้นเส้นทางการเงินของอาชญากร

ส่วนฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินมาตรการเชิงรุกทั้งการควบคุมพื้นที่ การปราบปรามอาชญากรรม การเฝ้าระวังในชุมชน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร และชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแส หากสามารถบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้สามารถสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลดปัญหาการค้ายาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้เตรียมความพร้อมหากจำเป็นต้องดำเนินการตัดสินใจงดการจ่ายกระแสไฟฟ้า หากมีการผิดวัตถุประสงค์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ ให้ กฟภ.เตรียมการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับบริษัทคู่สัญญา ที่ผ่านมาสูญเสียรายได้ 600 ล้านบาท แต่มีรายได้เป็นแสนล้านบาท ต้องตัดสินใจได้

ขณะที่ กสทช.ให้หันเสาส่งสัญญาณ หรือตัดสัญญาณในพื้นที่ชายแดนที่มีการนำสัญญาณโทรคมนาคมไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยใช้มาตรการ “ซิม เสา สาย” ตามที่มีการรายงานเข้าไปแก้ไข ขณะที่กรมศุลกากร ให้เข้มงวดในการตรวจสอบ ควบคุม และป้องกันการลักลอบนำเข้าส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย รวมทั้ง สินค้าที่จะถูกนำไปสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์และค้ายาเสพติด ทั้งนี้ให้ สมช.ติดตามความคืบหน้าของพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเสนอรัฐบาลพิจารณาสั่งการยกระดับมาตรการ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

”ผมชื่นชมและขอบคุณในความมุ่งมั่น ทุ่มเท และความกล้าหาญของทุกท่านในการปฏิบัติภารกิจสำคัญ และให้ภูมิใจในหน้าที่ และขอให้เชื่อมั่นว่าภารกิจของท่านมีความหมายและมีคุณค่า ส่วนผู้ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้นหน้าที่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ละเลยต่อหน้าที่หรือปล่อยให้ขบวนการผิดกฎหมาย ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ ไม่เพียงทำลายความมั่นคงของชาติ แต่ยังเป็นการทำลายเกียรติของตนเองและองค์กร หากพบว่ามีผู้ใดกระทำผิด ละเลยหรือสมรู้ร่วมคิด จะต้องถูกดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง“ นายภูมิธรรม กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่