นักวิจัยพบ ‘แบตเตอรี่รถไฟฟ้า’ ยิ่งขับ ยิ่งเร่งเครื่อง ยิ่งใช้ได้นาน ยืดอายุแบตได้ 38% ขับไกล 3 แสนกิโล

ถูกใจสายเร่ง สายเบิ้ล🤣😁😁



โลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” แต่หลายคนยังคงลังเลที่เปลี่ยนไปใช้รถอีวี เนื่องจาก “แบตเตอรี่” มีราคาแพงและยังมีอายุการใช้งานไม่นานมากนัก แต่การวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้นานกว่าการทดลองในห้องแล็บถึงเกือบ 40% ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

รายงานดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ใน Nature Energy พบว่า จากการทดลองด้วยการขับรถแบบหยุด-สตาร์ทและการปล่อยพลังงานจากแบตเตอรี่ในอัตราแปรผัน ซึ่งเป็นรูปแบบการขับรถในชีวิตจริง สามารถยืดอายุแบตเตอรี่ได้มากถึง 38% เมื่อเทียบกับการทดสอบแบบเดิม เท่ากับว่ารถอีวีสามารถขับได้ไกลขึ้นกว่า 300,000 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งใช้แบตเตอรี่จริงมากเท่าไร แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมสภาพช้าลงเท่านั้น

นักวิจัยมักประเมินอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่ำเกินไป เนื่องจากในการทดสอบในห้องแล็บ
ไม่ได้จำลองการขับขี่ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อนักวิจัยทำการทดสอบการเสื่อมสภาพของเซลล์แบตเตอรี่ในห้องแล็บ พวกเขาจะใช้เทคนิควงจรกระแสไฟคงที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชาร์จเซลล์อย่างต่อเนื่องในอัตราคงที่ ปล่อยประจุจนเต็ม จากนั้นจึงชาร์จซ้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้มีเรื่องของการเร่งความเร็ว การเบรก และการจอดรถในช่วงรถติดเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ในการใช้งานจริงแบตเตอรี่ไม่ได้ถูกใช้งานต่อเนื่องเหมือนกับการทดลอง

แต่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเปลี่ยนวิธีทดสอบเป็น “การทดสอบวงจรแบบไดนามิก” โดยเป็นการทดสอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบที่สมจริง เหมือนกับวิธีขับรถของเรา

การค้นพบนี้ขัดแย้งกับสมมติฐานที่นักวิจัยแบตเตอรี่ยึดถือกันมานาน ว่าการเร่งความเร็วสูงสุดนั้นไม่ดีต่อแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า แต่อเล็กซิส เกสลิน หนึ่งในผู้เขียนหลักของการศึกษานี้อธิบายว่า การเหยียบคันเร่งแรง ๆ ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น แต่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพช้าลง 

อ่านต่อ:

https://www.bangkokbiznews.com/environment/1165642?anm=
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่