ในภาษาพูดและทางการ ทุกคนจะได้ยินประโยคนี้แน่นอนคือ
- “
Take your time.” (หรือ “
Take as much time as you need.” = ใช้เวลาของคุณให้เต็มที่)
- “
There’s no need to hurry.” (ไม่จำเป็นต้องรีบ) หรือ “
You’ve got plenty of time.” (คุณยังมีเวลาอีกเยอะ)
บางทีเราก็พูดในอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อสื่อว่าไม่จำเป็นต้องรีบ อาจจะบอกว่า “
There’s no deadlin.” (ไม่ต้องกลัวจะทำไม่ทัน) หรือในอารมณ์โมโหหน่อยฝรั่งอาจจะบอกว่า “
It’s not a race.” หรือ “
We’re not in a race.” ที่แปลตรงตัวว่า
เราไม่ได้แข่งวิ่งอยู่นะ ความหมายก็คือ ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น
สำหรับประโยค “
We’re not on a tight schedule.” มันแปลว่า
ตารางเวลาของเราไม่ได้แน่นมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี deadline เหมือนประโยคก่อนหน้านะครับ คือยังมีกำหนดเวลาส่งงานอยู่ เพียงแต่ว่ายังเหลือเวลาอีกเยอะ (หรือมีงานแค่ไม่กี่อย่าง) สามารถสื่อความหมาย ไม่ต้องรีบ ได้เหมือนกัน
ประโยคอื่น ๆ ที่สามารถใช้ได้ในความหมาย “ไม่ต้องรีบก็ได้” ที่ผมชอบใช้....
- “
There’s no urgency.”
- “
Please don’t feel the need to hurry.”
- “
Don’t stress about it.”
- “
Feel free to go at your own pace.” (go at your own pace = ทำไปด้วยความเร็วของคุณ)
หรือสั้น ๆ ว่า “
No rush.” "
No pressure." หรือ “
Take it slow.” ก็ใช้ได้และได้ยินบ่อยมาก ๆ ครับ คนอื่นเข้าใจแน่นอน
บางทีคนอังกฤษพูดว่า “
It’s not like the world’s ending tomorrow!” (โลกไม่ได้จะแตกพรุ่งนี้ซะหน่อย) เพื่อดึงสติใครสักคนว่าเฮ้ย แกไม่ต้องรีบขนาดนั้น ใจเย็น ๆ ค่อยทำไปก็ได้ (ส่วนมากใช้กับเพื่อนหรือคนสนิทเท่านั้น หรือเวลาโมโหที่มีแต่คนมาเร่งมารีบ)
แต่ประโยคที่ผมชอบ และคิดว่ามัน creative ดีคือ “
The finish line isn’t going anywhere.” (เส้นชัยไม่หนีไม่ไหนหรอก) รู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่เตือนสติได้ดีเลย บางทีเราโฟกัสกับเส้นชัยและเวลามากเกินไป จนลืมไปว่าไปถึงช้าหน่อย มันก็ไปถึงเหมือนกัน และสิ่งที่ทำอย่างใจเย็นอาจจะออกมามีคุณภาพมากกว่าด้วย
ในภาษาอังกฤษมีสุภาษิต “
Slow and steady wins the race.” ซึ่งก็ตรงกับของไทย “
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม” เลย คนอังกฤษชอบใช้สุภาษิตในภาษาพูดมากกว่าคนไทยเยอะครับ ดังนั้นเอาไปพูดได้เลยนะ มันไม่ได้ฟังแปลกขนาดนั้น แต่ก็เน้นใช้ในบริบทที่มันกึ่งทางการหน่อยละกัน
สุดท้าย จบด้วยประโยคที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโตคือ “
You’ve got all the time in the world.” ที่แปลว่า
คุณมีเวลาอีกเพียบ เป็นประโยคที่ผู้ใหญ่มักพูดกับเด็ก ๆ เพื่อบอกให้พวกเขาไม่ต้องรีบเลือกสิ่งที่ชอบหรือเส้นทางความฝัน ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ค้นหาตัวเองไป ในบริบททั่วไปมันก็จะแปลว่าเรายังมีเวลาอีกเยอะในการทำบางอย่าง ไม่ต้องเครียดหรือไม่ต้องรีบ
สรุปแล้ว ประโยค “
ไม่ต้องรีบก็ได้” แปลเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวได้ว่า…
- “
No need to rush things.” (ไม่ต้องเร่ง)
- “
You don’t have to hurry.” (ใม่ต้องรีบก็ได้)
ในภาษาพูด ประโยคที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ...
- “
Take your time.” (ใช้เวลาเต็มที่)
- “
Go at your own pace.” (ทำเท่าที่ไหว)
ในบริบทแบบทางการ ประโยคแบบ professional คือ...
- “
Slow and steady wins the race.” (ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม)
- “
There’s no urgency.” (ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ)
"
ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay tuned!
JGC.
"ไม่ต้องรีบ" ภาษาอังกฤษพูดว่า...
- “Take your time.” (หรือ “Take as much time as you need.” = ใช้เวลาของคุณให้เต็มที่)
- “There’s no need to hurry.” (ไม่จำเป็นต้องรีบ) หรือ “You’ve got plenty of time.” (คุณยังมีเวลาอีกเยอะ)
บางทีเราก็พูดในอีกมุมมองหนึ่ง เพื่อสื่อว่าไม่จำเป็นต้องรีบ อาจจะบอกว่า “There’s no deadlin.” (ไม่ต้องกลัวจะทำไม่ทัน) หรือในอารมณ์โมโหหน่อยฝรั่งอาจจะบอกว่า “It’s not a race.” หรือ “We’re not in a race.” ที่แปลตรงตัวว่า เราไม่ได้แข่งวิ่งอยู่นะ ความหมายก็คือ ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น
สำหรับประโยค “We’re not on a tight schedule.” มันแปลว่า ตารางเวลาของเราไม่ได้แน่นมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี deadline เหมือนประโยคก่อนหน้านะครับ คือยังมีกำหนดเวลาส่งงานอยู่ เพียงแต่ว่ายังเหลือเวลาอีกเยอะ (หรือมีงานแค่ไม่กี่อย่าง) สามารถสื่อความหมาย ไม่ต้องรีบ ได้เหมือนกัน
ประโยคอื่น ๆ ที่สามารถใช้ได้ในความหมาย “ไม่ต้องรีบก็ได้” ที่ผมชอบใช้....
- “There’s no urgency.”
- “Please don’t feel the need to hurry.”
- “Don’t stress about it.”
- “Feel free to go at your own pace.” (go at your own pace = ทำไปด้วยความเร็วของคุณ)
หรือสั้น ๆ ว่า “No rush.” "No pressure." หรือ “Take it slow.” ก็ใช้ได้และได้ยินบ่อยมาก ๆ ครับ คนอื่นเข้าใจแน่นอน
บางทีคนอังกฤษพูดว่า “It’s not like the world’s ending tomorrow!” (โลกไม่ได้จะแตกพรุ่งนี้ซะหน่อย) เพื่อดึงสติใครสักคนว่าเฮ้ย แกไม่ต้องรีบขนาดนั้น ใจเย็น ๆ ค่อยทำไปก็ได้ (ส่วนมากใช้กับเพื่อนหรือคนสนิทเท่านั้น หรือเวลาโมโหที่มีแต่คนมาเร่งมารีบ)
แต่ประโยคที่ผมชอบ และคิดว่ามัน creative ดีคือ “The finish line isn’t going anywhere.” (เส้นชัยไม่หนีไม่ไหนหรอก) รู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่เตือนสติได้ดีเลย บางทีเราโฟกัสกับเส้นชัยและเวลามากเกินไป จนลืมไปว่าไปถึงช้าหน่อย มันก็ไปถึงเหมือนกัน และสิ่งที่ทำอย่างใจเย็นอาจจะออกมามีคุณภาพมากกว่าด้วย
ในภาษาอังกฤษมีสุภาษิต “Slow and steady wins the race.” ซึ่งก็ตรงกับของไทย “ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม” เลย คนอังกฤษชอบใช้สุภาษิตในภาษาพูดมากกว่าคนไทยเยอะครับ ดังนั้นเอาไปพูดได้เลยนะ มันไม่ได้ฟังแปลกขนาดนั้น แต่ก็เน้นใช้ในบริบทที่มันกึ่งทางการหน่อยละกัน
สุดท้าย จบด้วยประโยคที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโตคือ “You’ve got all the time in the world.” ที่แปลว่า คุณมีเวลาอีกเพียบ เป็นประโยคที่ผู้ใหญ่มักพูดกับเด็ก ๆ เพื่อบอกให้พวกเขาไม่ต้องรีบเลือกสิ่งที่ชอบหรือเส้นทางความฝัน ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ค้นหาตัวเองไป ในบริบททั่วไปมันก็จะแปลว่าเรายังมีเวลาอีกเยอะในการทำบางอย่าง ไม่ต้องเครียดหรือไม่ต้องรีบ
สรุปแล้ว ประโยค “ไม่ต้องรีบก็ได้” แปลเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวได้ว่า…
- “No need to rush things.” (ไม่ต้องเร่ง)
- “You don’t have to hurry.” (ใม่ต้องรีบก็ได้)
ในภาษาพูด ประโยคที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ...
- “Take your time.” (ใช้เวลาเต็มที่)
- “Go at your own pace.” (ทำเท่าที่ไหว)
ในบริบทแบบทางการ ประโยคแบบ professional คือ...
- “Slow and steady wins the race.” (ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม)
- “There’s no urgency.” (ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ)
"ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay tuned!
JGC.