...ว่าด้วยบุพจริยาของพระสีวลีเถระ
[๑๓๓] ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ
ผู้มีจักษุในธรรมทั้งปวง เป็นผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ศีลของพระองค์
ใครๆ ก็คำนวณไม่ได้
สมาธิของพระองค์เปรียบด้วยแก้ววิเชียร
ฌานอันประเสริฐของพระองค์ใครๆ ก็นับไม่ได้
และวิมุติของพระองค์หาอะไรเปรียบมิได้
พระนายกเจ้าทรงแสดงธรรมในสมาคม มนุษย์ เทวดา นาคและพรหม ซึ่งเกลื่อนกล่นไปด้วยสมณะและพราหมณ์
พระพุทธองค์ผู้แกล้วกล้าในบริษัท ทรงตั้งสาวกของ
พระองค์ผู้มีลาภมาก มีบุญ
ทรงซึ่งฤทธิ์อันรุ่งเรืองไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะ
ครั้งนั้น เราเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี
ได้ยินพระพิชิตมาร ตรัสถึงคุณเป็นอันมากของพระสาวก
ดังนั้น จึงได้นิมนต์พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน
ครั้นถวายมหาทานแล้ว ก็ได้ปรารถนาฐานันดรนั้น
พระธีรเจ้าผู้ประเสริฐกว่าบุรุษ ทอดพระเนตรเห็นเราหมอบอยู่แทบพระบาทในคราวนั้น
จึงได้ตรัสพระดำรัสด้วยพระสุรเสียงอันดัง
ลำดับนั้น มหาชน ทวยเทพ คนธรรพ์ พรหมผู้มีฤทธิ์มากและสมณพราหมณ์ ผู้ใคร่จะฟังพระพุทธพจน์ ต่างประณตน้อมถวายนมัสการทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษผู้เป็นอาชาไนย ข้าพระองค์ทั้งหลายขอนอบน้อม
แด่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอุดมบุรุษ ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอนอบน้อมแด่พระองค์ พระมหากษัตริย์ได้ถวายทานกว่า ๗ วัน
ข้าพระองค์ทั้งหลายประสงค์จะฟังผลของมหาทานนั้น
ข้าแต่พระมหามุนี ขอได้ทรงโปรดพยากรณ์เถิด
ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงคอยสดับภาษิตของเรา ทักษิณาที่ตั้งไว้ ในพระพุทธเจ้า ผู้มีคุณหาประมาณมิได้ พร้อมทั้งพระสงฆ์
ใครเล่าจะเป็นผู้ถือเอามากล่าว เพราะทักษิณานั้นมีผลหาประมาณมิได้
อีกประการหนึ่ง กษัตริย์ผู้มีโภคะมากนี้ ทรงปรารถนาฐานันดรอันอุดม
ว่า ถึงเราก็พึงเป็นผู้ได้ลาภมาก เหมือนภิกษุชื่อสุทัสสนะ ฉะนั้นเถิด
มหาบพิตรจักได้ฐานันดรนี้
ในอนาคต ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป
#พระศาสดามีพระนามว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช
จักทรงอุบัติขึ้นในโลก
กษัตริย์องค์นี้จักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น
จักเป็นโอรสอันธรรมเนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าสีวลี เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระโลกนายกพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระเนตรงดงาม ทรงเห็นแจ้งธรรมทั้งปวง ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น เราเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนครพันธุมวดี
และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน
ครั้งนั้น พระราชาพระองค์หนึ่ง ตรัสสั่งให้นายช่างสร้างพระอาราม ซึ่งปรากฏว่าใหญ่โต ถวายสมเด็จพระวิปัสสี ผู้แสวงหาประโยชน์ใหญ่
เมื่อการสร้างพระอารามสำเร็จแล้ว ชนทั้งหลายได้ถวายมหาทานซึ่งเข้าใจว่าของเคี้ยว #ชนทั้งหลายค้นคว้าหานมส้มและน้ำผึ้งไม่ได้
เวลานั้น เราถือนมส้มใหม่และน้ำผึ้งไปเรือนของนายงาน ชนทั้งหลายที่แสวงหานมส้มใหม่และน้ำผึ้ง พบเราเข้า ทั้งสองสิ่งเขาได้ให้ราคาตั้งพันกหาปณะ ก็ยังไม่ได้ไป
ครั้งนั้น #เราคิดว่าของสองสิ่งนี้เราไม่มีกะใจที่จะขายมัน ชนเหล่านี้ทั้งหมดสักการะพระตถาคต ฉันใด
#แม้เราก็จะทำสักการะในพระผู้นำโลกกับพระสงฆ์ ฉันนั้นเหมือนกัน
ครั้งนั้นเราได้นำเอาไปแล้ว #ขยำนมส้มกับน้ำผึ้งเข้าด้วยกันแล้วถวายแด่
พระโลกนาถพร้อมทั้งพระสงฆ์
เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ต่อมา เราได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้มียศใหญ่ในพระนครพาราณสี
ในครั้งนั้น เราเคืองศัตรูจึงสั่งให้ทหาร
ทำการล้อมประตูเมืองของศัตรูไว้ ประตูที่ถูกล้อมของพระราชาผู้มีเดชรักษาไว้ได้เพียงวันเดียว
เพราะผลของกรรมนั้น เราจึงต้องตกนรกอันร้ายกาจที่สุด
และในภพสุดท้าย ในบัดนี้ เราเกิดในโกลิยบุรี พระชนนีของเราพระนาม
ว่าสุปปวาสา พระชนกของเราพระนามว่ามหาลิลิจฉวี
เราเกิดในราชวงศ์ก็เพราะบุญกรรม เพราะการล้อมประตูเมืองให้ผล
เราจึงต้องประสบทุกข์อยู่ในพระครรภ์ของพระมารดาถึง ๗ ปี
เราต้องหลงทวารอยู่อีก ๗ วัน เพียบพร้อมไปด้วยมหันตทุกข์
พระมารดาของเราต้องประสบทุกข์ด้วยเช่นนี้
ก็เพราะฉันทะในการล้อมประตูเมือง
เราอันพระพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์ จึงออกจากพระครรภ์พระมารดา
โดยสวัสดี เราได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ในวันที่เราคลอดออกมา
นั่นเอง
ท่านพระสารีบุตรเถระเป็นอุปัชฌาย์ของเรา
พระโมคคัลลานเถระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ มีปรีชามาก เมื่อปลงผมให้
ได้อนุศาสน์พร่ำสอนเรา
เราได้บรรลุอรหัตเมื่อกำลังปลงผมอยู่ ทวยเทพ นาค
และมนุษย์ต่างก็น้อมนำปัจจัยเข้ามาถวายเรา เพราะเศษของกรรม
ที่เราเป็นผู้เบิกบาน บูชาพระผู้นำชั้นพิเศษ พระนามว่าปทุมุตระและ
พระนามว่าวิปัสสี ด้วยปัจจัยทั้งหลายโดยพิเศษ
เราจึงได้ลาภอันอุดมไพบูลย์ทุกแห่งหน คือ ในป่า ในบ้าน ในน้ำ บนบก
ในคราวที่พระผู้มีภาคผู้นำโลกชั้นเลิศพร้อมด้วยภิกษุสามหมื่นรูป เสด็จไปเยี่ยมท่านพระเรวตะ
พระพุทธเจ้าผู้มีพระปรีชาใหญ่ มีความเพียรมาก
เป็นนายกของโลก พร้อมด้วยพระสงฆ์ เป็นผู้อันเราบำรุงด้วยปัจจัยที่
เทวดานำเข้ามาถวายเรา ได้เสด็จไปเยี่ยมท่านเรวตะแล้ว
ภายหลังเสด็จกลับมายังพระเชตวันมหาวิหารแล้ว จึงทรงแต่งตั้งเราไว้ใน
#ตำแหน่งเอตทัคคะ
พระศาสดาผู้ทรงประพฤติประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง ได้ตรัสสรรเสริญเราในท่ามกลางบริษัทว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในบรรดาสาวกของเรา #ภิกษุสีวลีเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายที่มีลาภมาก เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสีวลีเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ สีวลีเถราปทาน.
------------------------------
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=3540&Z=3620
ประวัติของพระสีวลีในกัป ที่1แสนจากพระไตรปิฎก
[๑๓๓] ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ
ผู้มีจักษุในธรรมทั้งปวง เป็นผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ศีลของพระองค์
ใครๆ ก็คำนวณไม่ได้
สมาธิของพระองค์เปรียบด้วยแก้ววิเชียร
ฌานอันประเสริฐของพระองค์ใครๆ ก็นับไม่ได้
และวิมุติของพระองค์หาอะไรเปรียบมิได้
พระนายกเจ้าทรงแสดงธรรมในสมาคม มนุษย์ เทวดา นาคและพรหม ซึ่งเกลื่อนกล่นไปด้วยสมณะและพราหมณ์
พระพุทธองค์ผู้แกล้วกล้าในบริษัท ทรงตั้งสาวกของ
พระองค์ผู้มีลาภมาก มีบุญ
ทรงซึ่งฤทธิ์อันรุ่งเรืองไว้ในตำแหน่ง เอตทัคคะ
ครั้งนั้น เราเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี
ได้ยินพระพิชิตมาร ตรัสถึงคุณเป็นอันมากของพระสาวก
ดังนั้น จึงได้นิมนต์พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน
ครั้นถวายมหาทานแล้ว ก็ได้ปรารถนาฐานันดรนั้น
พระธีรเจ้าผู้ประเสริฐกว่าบุรุษ ทอดพระเนตรเห็นเราหมอบอยู่แทบพระบาทในคราวนั้น
จึงได้ตรัสพระดำรัสด้วยพระสุรเสียงอันดัง
ลำดับนั้น มหาชน ทวยเทพ คนธรรพ์ พรหมผู้มีฤทธิ์มากและสมณพราหมณ์ ผู้ใคร่จะฟังพระพุทธพจน์ ต่างประณตน้อมถวายนมัสการทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษผู้เป็นอาชาไนย ข้าพระองค์ทั้งหลายขอนอบน้อม
แด่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอุดมบุรุษ ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอนอบน้อมแด่พระองค์ พระมหากษัตริย์ได้ถวายทานกว่า ๗ วัน
ข้าพระองค์ทั้งหลายประสงค์จะฟังผลของมหาทานนั้น
ข้าแต่พระมหามุนี ขอได้ทรงโปรดพยากรณ์เถิด
ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงคอยสดับภาษิตของเรา ทักษิณาที่ตั้งไว้ ในพระพุทธเจ้า ผู้มีคุณหาประมาณมิได้ พร้อมทั้งพระสงฆ์
ใครเล่าจะเป็นผู้ถือเอามากล่าว เพราะทักษิณานั้นมีผลหาประมาณมิได้
อีกประการหนึ่ง กษัตริย์ผู้มีโภคะมากนี้ ทรงปรารถนาฐานันดรอันอุดม
ว่า ถึงเราก็พึงเป็นผู้ได้ลาภมาก เหมือนภิกษุชื่อสุทัสสนะ ฉะนั้นเถิด
มหาบพิตรจักได้ฐานันดรนี้
ในอนาคต ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป
#พระศาสดามีพระนามว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช
จักทรงอุบัติขึ้นในโลก
กษัตริย์องค์นี้จักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น
จักเป็นโอรสอันธรรมเนรมิต จักเป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าสีวลี เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระโลกนายกพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระเนตรงดงาม ทรงเห็นแจ้งธรรมทั้งปวง ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น เราเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนครพันธุมวดี
และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน
ครั้งนั้น พระราชาพระองค์หนึ่ง ตรัสสั่งให้นายช่างสร้างพระอาราม ซึ่งปรากฏว่าใหญ่โต ถวายสมเด็จพระวิปัสสี ผู้แสวงหาประโยชน์ใหญ่
เมื่อการสร้างพระอารามสำเร็จแล้ว ชนทั้งหลายได้ถวายมหาทานซึ่งเข้าใจว่าของเคี้ยว #ชนทั้งหลายค้นคว้าหานมส้มและน้ำผึ้งไม่ได้
เวลานั้น เราถือนมส้มใหม่และน้ำผึ้งไปเรือนของนายงาน ชนทั้งหลายที่แสวงหานมส้มใหม่และน้ำผึ้ง พบเราเข้า ทั้งสองสิ่งเขาได้ให้ราคาตั้งพันกหาปณะ ก็ยังไม่ได้ไป
ครั้งนั้น #เราคิดว่าของสองสิ่งนี้เราไม่มีกะใจที่จะขายมัน ชนเหล่านี้ทั้งหมดสักการะพระตถาคต ฉันใด
#แม้เราก็จะทำสักการะในพระผู้นำโลกกับพระสงฆ์ ฉันนั้นเหมือนกัน
ครั้งนั้นเราได้นำเอาไปแล้ว #ขยำนมส้มกับน้ำผึ้งเข้าด้วยกันแล้วถวายแด่
พระโลกนาถพร้อมทั้งพระสงฆ์
เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ต่อมา เราได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้มียศใหญ่ในพระนครพาราณสี
ในครั้งนั้น เราเคืองศัตรูจึงสั่งให้ทหาร
ทำการล้อมประตูเมืองของศัตรูไว้ ประตูที่ถูกล้อมของพระราชาผู้มีเดชรักษาไว้ได้เพียงวันเดียว
เพราะผลของกรรมนั้น เราจึงต้องตกนรกอันร้ายกาจที่สุด
และในภพสุดท้าย ในบัดนี้ เราเกิดในโกลิยบุรี พระชนนีของเราพระนาม
ว่าสุปปวาสา พระชนกของเราพระนามว่ามหาลิลิจฉวี
เราเกิดในราชวงศ์ก็เพราะบุญกรรม เพราะการล้อมประตูเมืองให้ผล
เราจึงต้องประสบทุกข์อยู่ในพระครรภ์ของพระมารดาถึง ๗ ปี
เราต้องหลงทวารอยู่อีก ๗ วัน เพียบพร้อมไปด้วยมหันตทุกข์
พระมารดาของเราต้องประสบทุกข์ด้วยเช่นนี้
ก็เพราะฉันทะในการล้อมประตูเมือง
เราอันพระพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์ จึงออกจากพระครรภ์พระมารดา
โดยสวัสดี เราได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ในวันที่เราคลอดออกมา
นั่นเอง
ท่านพระสารีบุตรเถระเป็นอุปัชฌาย์ของเรา
พระโมคคัลลานเถระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ มีปรีชามาก เมื่อปลงผมให้
ได้อนุศาสน์พร่ำสอนเรา
เราได้บรรลุอรหัตเมื่อกำลังปลงผมอยู่ ทวยเทพ นาค
และมนุษย์ต่างก็น้อมนำปัจจัยเข้ามาถวายเรา เพราะเศษของกรรม
ที่เราเป็นผู้เบิกบาน บูชาพระผู้นำชั้นพิเศษ พระนามว่าปทุมุตระและ
พระนามว่าวิปัสสี ด้วยปัจจัยทั้งหลายโดยพิเศษ
เราจึงได้ลาภอันอุดมไพบูลย์ทุกแห่งหน คือ ในป่า ในบ้าน ในน้ำ บนบก
ในคราวที่พระผู้มีภาคผู้นำโลกชั้นเลิศพร้อมด้วยภิกษุสามหมื่นรูป เสด็จไปเยี่ยมท่านพระเรวตะ
พระพุทธเจ้าผู้มีพระปรีชาใหญ่ มีความเพียรมาก
เป็นนายกของโลก พร้อมด้วยพระสงฆ์ เป็นผู้อันเราบำรุงด้วยปัจจัยที่
เทวดานำเข้ามาถวายเรา ได้เสด็จไปเยี่ยมท่านเรวตะแล้ว
ภายหลังเสด็จกลับมายังพระเชตวันมหาวิหารแล้ว จึงทรงแต่งตั้งเราไว้ใน
#ตำแหน่งเอตทัคคะ
พระศาสดาผู้ทรงประพฤติประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง ได้ตรัสสรรเสริญเราในท่ามกลางบริษัทว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในบรรดาสาวกของเรา #ภิกษุสีวลีเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายที่มีลาภมาก เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสีวลีเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ สีวลีเถราปทาน.
------------------------------
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=3540&Z=3620