ผมค้นพบว่าในพระไตรปิฎก มีข้อมูลจำนวนหนึ่ง ที่ตรงกันกับ ความจริงทางชีววิทยา อย่างน่าทึ่งน่าตะลึงยิ่งคร้บ ผมจะยกข้อมูลชีววิทยาขึ้นมาก่อน แล้วตามด้วยข้อมูลในบาลีขึ้นมาเทียบ
( พระไตรปิฎกในส่วนเนื้อหานั้น ไทยจะเรียกโดยย่อว่า" บาลี " )
1. ระบบประสาทร่างกายของคนเรา ที่ส่งข้อมูลรับรู้ต่างๆเข้าไปสู่สมอง จะมี 6 ทาง ได้แก่
๑. ตา ๒. หู ๓. จมูก ๔. ลิ้น ๕. ผิวกาย ๖. อวัยวะภายใน
( อวัยวะภายในส่งข้อมูล หิว, อิ่ม ,ลมเคลื่อน , อึดอัด ,ใจสั่น ,ทิศทางทรงตัว ฯลฯ) .
2. สมองคนเรารับรู้ข้อมูลทั้งหมด 7 ทาง ได้แก่
๑. ตา ๒. หู ๓. จมูก ๔. ลิ้น ๕. ผิวกาย ๖. อวัยวะภายใน ๗. การนึกคิดของสมอง
( การนึกคิดของสมองคือ นึกคิดข้อมูลจากความทรงจำในสมองเอง ทางที่ 7 นี้ขณะนั้นไม่ได้รับเข้าไปแต่เป็นการรับรู้ข้อมูลจากในตัวสมองเอง )
ข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับข้อมูลบาลีนี้คือ อายตนะ ๖ , ผัสสะ ๗
- อายตนะ ๖ ได้แก่ ๑.จักษุ ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหะ ๕.กายะ ๖.มโนธาตุ
( อายตนะ , สฬายตนะ แปลว่า " เชื่อมต่อ " จึงตรงกับที่ระบบประสาทร่างกายซึ่งเชื่อมต่อออกมาจากระบบประสาทส่วนกลางหรือสมอง.
มนะ,มโน,ใจ แปลว่า " ข้างใน,ภายใน "- ธาตุแปลว่า " สสาร , ส่วนสสาร " ส่วนสสารของร่างกายคืออวัยวะ. มโนธาตุแปลว่า อวัยวะภายใน )
- ผัสสะ ๗ ได้แก่ ๑.จักษุ ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหะ ๕.กายะ ๖.มโนธาตุ ๗.มโนวิญญาณ
( ผัสสะ แปลว่า " รับรู้ " ตรงกับที่การรับรู้ของสมองที่มีทั้งหมด 7 ทาง - วิญญาณ แปลว่าความคิด. มโนวิญญาณ แปลว่าความคิดภายใน )
.
3. ปัจจัยจำเป็นในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดคือ 4 หมวดนี้
๑. ปัจจัยกายภาคใน ได้แก่อาหาร,น้ำ,อากาศ,สุขภาวะ , การดูแลอุ้มชูปกป้องกาย (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , ยารักษาโรค (สำหรับคนเราและสัตว์บางชนิด) ฯลฯ.
๒. ปัจจัยกายภาคนอก ได้แก่สภาพแวดล้อมที่ให้ปัจจัยกายภาคใน เช่น ระบบนิเวศน์ , ครอบครัวสังคม (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , บ้านเรือนเครื่องนุ่งห่ม (สำหรับคนเรา) ฯลฯ.
๓. ปัจจัยจิตภาคใน ได้แก่ความรู้ความจำการรับรู้ที่จำเป็นต่างๆต่อการใช้ชีวิต , กฏระเบียบความรักความเข้าใจ (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , คุณธรรมจริยธรรมและการยกย่องชมเชย (สำหรับคนเรา)
๔. ปัจจัยจิตภาคนอก ได้แก่สภาพแวดล้อมที่ให้ปัจจัยจิตภาคใน หรือทุกๆสัมผัสที่ส่งเข้าไปให้ DNA.และสมองรับรู้ , ครอบครัวสังคม (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , ตำราอุปกรณ์สถานที่ (สำหรับคนเรา) .
ข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับข้อมูลบาลี คือ " อาหาร ๔ " ได้แก่
๑. กวฬิงการาหาร (อาหารคือคำข้าว)
๒. ผัสสาหาร (อาหารคือผัสสะ)
๓. มโนสัญเจตนาหาร (อาหารคือความรู้)
๔. วิญญาณาหาร (อาหารความคิด)
- ข้อ๑. คำว่า " กวฬิงการาหาร " นี้ในบาลีได้ให้ความหมายเพียงแค่ว่าคืออาหารกินดื่ม ซึ่งผมไม่รู้ว่ารากความหมายของคำนี้จะแค่นี้หรือมีความหมายมากกว่าอาหารกินดื่มหรือไม่ แต่แค่คำว่าอาหารกินดื่มนี้ก็ถือว่ามีเค้าส่วนตรงกับปัจจัยกายภาคใน ตามข้อ 1 ครับ
- ข้อ๒. ผัสสะแปลว่า " รับรู้ , กระทบถูก " ข้อนี้ก็มีเค้าตรงกับปัจจัยกายภาคนอก เพราะสิ่งที่กระทบถูกกาย (เซลล์,ร่าง,ต้น) นั้นย่อมหมายถึงสิ่งที่แวดล้อมรอบกาย ได้แก่ระบบนิเวศน์ ครอบครัวสังคม (ที่ให้ปัจจัยกายภาคใน) กับบ้านเรือนเครื่องนุ่งห่ม
- ข้อ๓. มโนสัญเจตน์ แปลว่า ความรู้ความจำภายใน จึงตรงมากกับปัจจัยจิตภาคใน
- ข้อ๔. วิญญาณาหาร แปลว่า" อาหารความคิด " นี้ ก็ตรงกับปัจจัยจิตภาคนอก เพราะว่าทุกสิ่งแวดล้อมก็คือปัจจัยที่ให้ทุกข้อมูลความรู้ (นอกเหนือจากสัญชาติญาณ) แก่เซลล์หรือและสมองสิ่งมีชีวิตครับ
.
4. รูปแบบการขยายพันธุ๋ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่คนเราศึกษารู้จักแล้ว มีดังนี้
ก. การแบ่งตัว เช่นในแบคทีเรีย , โปรโตซัว ฯลฯ.
ข. การแตกหน่อ เช่นในไฮดรา , ยีสต์จำนวนหนึ่ง , ต้นกล้วยต้นไผ่ ฯลฯ.
ค. การแยกงอก เช่นในสาหร่ายทะเลจำนวนหนึ่ง , หนอนพลานาเรีย , ดาวทะเล , ต้นคว่ำตายหงายเป็น ฯลฯ.
ง. การปล่อยสปอร์ เมล็ด ไข่ ครรภ์ ได้แก่ในเห็ดรา พืช สัตว์ คน.
ข้อมูลชีววิทยานี้พอมีเค้าตรงกับข้อมูลบาลีนี้ คือ " โยนิ ๔ " ได้แก่
๑. อัณฑชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในไข่]
๒. ชลาพุชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในครรภ์]
๓. สังเสทชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในเถ้าไคลที่ชื้นแฉะ]
๔. โอปปาติกโยนิ [กำเนิดที่เกิดผุดขึ้นทันทีโตขึ้นทันใด]
( โยนิ ๔ คือ กำเนิด ๔ )
ข้อ ๑. คือออกลูกเป็นไข่
ข้อ ๒. คือออกลูกเป็นตัว
ข้อ ๓. คือการงอกของสปอร์ เมล็ด หน่อ ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อ
ข้อ ๔. คือการแบ่งตัวของจุลินทรีย์ .
( แม้ว่าการแบ่งหมวดหมู่ของรูปแบบจะต่างกันกับทางชีววิทยา แต่ก็ครอบคลุมรูปแบบทั้งหมดเหมือนกันครับ )
.
5. ความหิว , ล้า , กลัวภัย , กำหนัดคัดตึง , ห่วงพวกของตัว ของสิ่งมีชีวิตต่างๆนี้ ก็คือความทุกข์ .
ความทุกข์จึงเป็นสมบัติแก่นหลักของมวลเหล่าสิ่งมีชีวิต ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องใช้ชีวิต.
ซึ่งข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับคำสอนที่เป็นแก่นหลักสูงสุดของพระพุทธเจ้าคือ อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค.
" ทุกข์ " เป็นประการแรกของแก่นหลักสูงสุดนี้ และมีความหมายว่า " ชีวิตคือทุกข์ "
*** ข้อมูลบาลีทั้ง 5 ข้อ (ที่มาตรงกับชีววิทยา) เหล่านี้ มีอยู่ในพระไตรปิฎกที่บันทึกตั้งแต่ครั้งแรกในโลกแล้วครับ ***
เสียใจด้วยกับพวก นักการเมืองชั่ว และ ข้าราขการชั่ว ที่ไม่เชื่อบุญบาปเวียนว่ายตายเกิด
( พระไตรปิฎกในส่วนเนื้อหานั้น ไทยจะเรียกโดยย่อว่า" บาลี " )
1. ระบบประสาทร่างกายของคนเรา ที่ส่งข้อมูลรับรู้ต่างๆเข้าไปสู่สมอง จะมี 6 ทาง ได้แก่
๑. ตา ๒. หู ๓. จมูก ๔. ลิ้น ๕. ผิวกาย ๖. อวัยวะภายใน
( อวัยวะภายในส่งข้อมูล หิว, อิ่ม ,ลมเคลื่อน , อึดอัด ,ใจสั่น ,ทิศทางทรงตัว ฯลฯ) .
2. สมองคนเรารับรู้ข้อมูลทั้งหมด 7 ทาง ได้แก่
๑. ตา ๒. หู ๓. จมูก ๔. ลิ้น ๕. ผิวกาย ๖. อวัยวะภายใน ๗. การนึกคิดของสมอง
( การนึกคิดของสมองคือ นึกคิดข้อมูลจากความทรงจำในสมองเอง ทางที่ 7 นี้ขณะนั้นไม่ได้รับเข้าไปแต่เป็นการรับรู้ข้อมูลจากในตัวสมองเอง )
ข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับข้อมูลบาลีนี้คือ อายตนะ ๖ , ผัสสะ ๗
- อายตนะ ๖ ได้แก่ ๑.จักษุ ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหะ ๕.กายะ ๖.มโนธาตุ
( อายตนะ , สฬายตนะ แปลว่า " เชื่อมต่อ " จึงตรงกับที่ระบบประสาทร่างกายซึ่งเชื่อมต่อออกมาจากระบบประสาทส่วนกลางหรือสมอง.
มนะ,มโน,ใจ แปลว่า " ข้างใน,ภายใน "- ธาตุแปลว่า " สสาร , ส่วนสสาร " ส่วนสสารของร่างกายคืออวัยวะ. มโนธาตุแปลว่า อวัยวะภายใน )
- ผัสสะ ๗ ได้แก่ ๑.จักษุ ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหะ ๕.กายะ ๖.มโนธาตุ ๗.มโนวิญญาณ
( ผัสสะ แปลว่า " รับรู้ " ตรงกับที่การรับรู้ของสมองที่มีทั้งหมด 7 ทาง - วิญญาณ แปลว่าความคิด. มโนวิญญาณ แปลว่าความคิดภายใน )
.
3. ปัจจัยจำเป็นในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดคือ 4 หมวดนี้
๑. ปัจจัยกายภาคใน ได้แก่อาหาร,น้ำ,อากาศ,สุขภาวะ , การดูแลอุ้มชูปกป้องกาย (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , ยารักษาโรค (สำหรับคนเราและสัตว์บางชนิด) ฯลฯ.
๒. ปัจจัยกายภาคนอก ได้แก่สภาพแวดล้อมที่ให้ปัจจัยกายภาคใน เช่น ระบบนิเวศน์ , ครอบครัวสังคม (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , บ้านเรือนเครื่องนุ่งห่ม (สำหรับคนเรา) ฯลฯ.
๓. ปัจจัยจิตภาคใน ได้แก่ความรู้ความจำการรับรู้ที่จำเป็นต่างๆต่อการใช้ชีวิต , กฏระเบียบความรักความเข้าใจ (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , คุณธรรมจริยธรรมและการยกย่องชมเชย (สำหรับคนเรา)
๔. ปัจจัยจิตภาคนอก ได้แก่สภาพแวดล้อมที่ให้ปัจจัยจิตภาคใน หรือทุกๆสัมผัสที่ส่งเข้าไปให้ DNA.และสมองรับรู้ , ครอบครัวสังคม (สำหรับสัตว์สังคมและคนเรา) , ตำราอุปกรณ์สถานที่ (สำหรับคนเรา) .
ข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับข้อมูลบาลี คือ " อาหาร ๔ " ได้แก่
๑. กวฬิงการาหาร (อาหารคือคำข้าว)
๒. ผัสสาหาร (อาหารคือผัสสะ)
๓. มโนสัญเจตนาหาร (อาหารคือความรู้)
๔. วิญญาณาหาร (อาหารความคิด)
- ข้อ๑. คำว่า " กวฬิงการาหาร " นี้ในบาลีได้ให้ความหมายเพียงแค่ว่าคืออาหารกินดื่ม ซึ่งผมไม่รู้ว่ารากความหมายของคำนี้จะแค่นี้หรือมีความหมายมากกว่าอาหารกินดื่มหรือไม่ แต่แค่คำว่าอาหารกินดื่มนี้ก็ถือว่ามีเค้าส่วนตรงกับปัจจัยกายภาคใน ตามข้อ 1 ครับ
- ข้อ๒. ผัสสะแปลว่า " รับรู้ , กระทบถูก " ข้อนี้ก็มีเค้าตรงกับปัจจัยกายภาคนอก เพราะสิ่งที่กระทบถูกกาย (เซลล์,ร่าง,ต้น) นั้นย่อมหมายถึงสิ่งที่แวดล้อมรอบกาย ได้แก่ระบบนิเวศน์ ครอบครัวสังคม (ที่ให้ปัจจัยกายภาคใน) กับบ้านเรือนเครื่องนุ่งห่ม
- ข้อ๓. มโนสัญเจตน์ แปลว่า ความรู้ความจำภายใน จึงตรงมากกับปัจจัยจิตภาคใน
- ข้อ๔. วิญญาณาหาร แปลว่า" อาหารความคิด " นี้ ก็ตรงกับปัจจัยจิตภาคนอก เพราะว่าทุกสิ่งแวดล้อมก็คือปัจจัยที่ให้ทุกข้อมูลความรู้ (นอกเหนือจากสัญชาติญาณ) แก่เซลล์หรือและสมองสิ่งมีชีวิตครับ
.
4. รูปแบบการขยายพันธุ๋ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่คนเราศึกษารู้จักแล้ว มีดังนี้
ก. การแบ่งตัว เช่นในแบคทีเรีย , โปรโตซัว ฯลฯ.
ข. การแตกหน่อ เช่นในไฮดรา , ยีสต์จำนวนหนึ่ง , ต้นกล้วยต้นไผ่ ฯลฯ.
ค. การแยกงอก เช่นในสาหร่ายทะเลจำนวนหนึ่ง , หนอนพลานาเรีย , ดาวทะเล , ต้นคว่ำตายหงายเป็น ฯลฯ.
ง. การปล่อยสปอร์ เมล็ด ไข่ ครรภ์ ได้แก่ในเห็ดรา พืช สัตว์ คน.
ข้อมูลชีววิทยานี้พอมีเค้าตรงกับข้อมูลบาลีนี้ คือ " โยนิ ๔ " ได้แก่
๑. อัณฑชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในไข่]
๒. ชลาพุชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในครรภ์]
๓. สังเสทชโยนิ [กำเนิดที่เกิดในเถ้าไคลที่ชื้นแฉะ]
๔. โอปปาติกโยนิ [กำเนิดที่เกิดผุดขึ้นทันทีโตขึ้นทันใด]
( โยนิ ๔ คือ กำเนิด ๔ )
ข้อ ๑. คือออกลูกเป็นไข่
ข้อ ๒. คือออกลูกเป็นตัว
ข้อ ๓. คือการงอกของสปอร์ เมล็ด หน่อ ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อ
ข้อ ๔. คือการแบ่งตัวของจุลินทรีย์ .
( แม้ว่าการแบ่งหมวดหมู่ของรูปแบบจะต่างกันกับทางชีววิทยา แต่ก็ครอบคลุมรูปแบบทั้งหมดเหมือนกันครับ )
.
5. ความหิว , ล้า , กลัวภัย , กำหนัดคัดตึง , ห่วงพวกของตัว ของสิ่งมีชีวิตต่างๆนี้ ก็คือความทุกข์ .
ความทุกข์จึงเป็นสมบัติแก่นหลักของมวลเหล่าสิ่งมีชีวิต ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตต้องใช้ชีวิต.
ซึ่งข้อมูลชีววิทยานี้ตรงกับคำสอนที่เป็นแก่นหลักสูงสุดของพระพุทธเจ้าคือ อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค.
" ทุกข์ " เป็นประการแรกของแก่นหลักสูงสุดนี้ และมีความหมายว่า " ชีวิตคือทุกข์ "
*** ข้อมูลบาลีทั้ง 5 ข้อ (ที่มาตรงกับชีววิทยา) เหล่านี้ มีอยู่ในพระไตรปิฎกที่บันทึกตั้งแต่ครั้งแรกในโลกแล้วครับ ***