ขากลับจากไปตรากตรำงานต่างจังหวัดอันแสนเหนื่อยล้า ก็มาบรรเทาด้วยการกินปิ้งย่างเสียหน่อย กับร้านเป้าหมายถัดไปของผม
ละแวกเกษตรนวมินทร์ คือ Omoide เป็นปิ้งย่างแนวญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในเวิ้งร้านอาหารในซอยลาดปลาเค้า 75/1 

ร้านมีขนาดเล็กตามร้านริมทางทั่วไป เมื่อมาถึงก็ขอเข้ามานั่งในห้องด้านในให้เย็นๆและเป็นส่วนตัวเสียหน่อย

บุฟเฟ่ต์จะมีสามราคาครับ ด้วยความที่ร้านนี้ไม่ได้เน้นของกินเล่นเสริมนัก ผมเลยจัดตัวแพงสุดมันซะ 678 บาท กินได้ทั้งหมดนี่เลย 
ร้านนี้เขาจะมีบริการเครื่องดื่ม เป็นชาเย็นและน้ำมะนาวกับน้ำแข็งฟรี แต่วันที่ไป เปรี้ยวปาก อยากจัดโคล่าเย็นๆ เลยโดนไปอีก 25 บาท 
จบที่ 703 บาทครับ มื้อนี้

ข้อดีของร้านนี้คือ สามารถนั่งกินได้ไม่จำกัดเวลา จนกว่าเราจะอิ่มตื้อ เพราะงั้นค่อยๆสั่งค่อยๆย่างกินครับ จะได้ไม่เสียค่าปรับ

ร้านนี้เป็นแบบย่างเตาถ่านนะครับ พวกผักสลัด ผักย่างแกล้ม กับน้ำจิ้ม บริการตนเองได้ที่ใกล้ๆทางเข้า


เริ่มลุยกันก่อนเลย กับ เนื้อรักบี้ หวานอ่อน เนื้อชุ่มน้ำ แต่ค่อนข้างสากและแห้ง

เสือร้องไห้ สไลด์มาบางๆ รสชาติมันๆ เนื้อเด้งนิ่ม

มีกุ้งลายเสือให้กินด้วย แม้จะตัวเล็กแต่รสหวานนุ่ม เนื้อเปื่อยๆน้ำๆ กินคู่กับชีสพันไปด้วยกันก็เหมาะมากๆ

เอ็นหอยจอบ รสคล้ายลูกชิ้นกุ้ง เด้งกรุบ เป็นกับแกล้มชั้นดี

เบคอน หอมอร่อย หวานเค็มมัน

หมูสองแบบที่สั่งมาในมื้อนี้ 
หมูสไปซี่มิโสะ ได้รสหวานหอมซอสมิโสะและพริกผงเผ็ดปลาย เนื้อจะเด้งๆคล้ายหมูหมักงาตามร้านหมูกะทะทั่วไป

ส่วนหมูหมักโอ่ง กรุบเด้งแบบหมูเด้งกะทะเป๊ะๆเลยอันนี้ 

เอาเนื้อเซตแรก ลงย่างเสียให้เต็มเตา

นี่ก็เป็นกับแกล้มหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ร้านนี้มีครับ 
กุ้งทงคัตสึ แป้งขนมปังกรอบอร่อย กุ้งเนื้อใหญ่หอม ซอสเป็นสไปซี่มาโย มันอมเปรี้ยวฉุนๆพริก
ข้าวผัด กลิ่นเนยกระเทียมฟุ้งอยู่ รสชาติมันๆ แต่เป็นก้อนเเฉะคล้ายข้าวเหนียว

ย่างเนื้อกับเบคอนที่เหลือๆ

ทำข้าวผัดเบคอนกิน ฉ่ำๆมันๆ หอมอร่อย แบบไม่กลัวไขมันขึ้นกันเลย

กุ้งทอดมีเนื้อในนะคร้าบ ไม่ได้ยัดตัวเล็กหรืออัดแป้งหนาแบบร้านอื่นๆ

กุ้งตัวเล็ก ชิ้นพอดีคำ อารมณ์เหมือนกินกุ้งเสียบไม้ย่าง

พันชีสกินแกล้มกับเนื้อรักบี้แห้งๆ เพิ่มความนัว

เซ็ตแรกผ่านไป มาเซ็ตที่สองกัน กับเหล่าเนื้อตัวแพงของร้านในเรต 678 บาท
ลายสวยๆนั้นคือ เสือร้องไห้แบบ Premium รสหอมแต่ส่วนมัน โดยรวมคือจืด คล้ายๆแบบธรรมดาแค่ชิ้นใหญ่และหนา เคี้ยวยากกว่า
ถาดบนเป็น พิคานย่า รสคล้ายๆเนื้อรักบี้ แต่จะนุ่มเด้งกว่า และรสชาติของเนื้อวัวจะเเด่น

แผ่นยาว คือ เนื้อซาการิ รสชาติแบบพิคานย่า แต่ชิ้นบางกว่ามาก เลยกินไม่ใค่อยสะใจเท่า
แผ่นกลม คือ เนื้อน่องแก้ว เนื้อนุ่ม มันชุ่มไปทั่วทั้งชิ้น ส่วนมันกรอบๆ

ย่างต่อกันเลยครับ

ดูครับ เสือร้องไห้ ร้านนี้ สีสันและมันเคลือบเยิ้มๆ 

สุดท้ายแล้ว เป็นเนื้อร่องซี่โครง อันนี้แหละครับยทีเด็ด ความนุ่มและมันเยอะมาก อารมณ์เหมือนพิคานย่าผสมน่องแก้ว กินได้อรรถรส สุดๆแล้วอันนี้

โรยเกลือพริกไทยกินแบบสเต็กหรือจุ่มกินกับน้ำจิ้มให้ฉ่ำๆ ก็อร่อยปากจนยากจะลืม

ตัดเกรด
รสชาติอาหาร : ****
เหล่าเนื้อวัวมีมันเคลือบอยู่เยอะ รสชาติก็มันๆหวานน้อยตามสภาพ ไม่มีรสเข้มข้นอื่นใดเพราะไม่ได้ผ่านการหมัก
ความนิ่มและหอมจัดอยู่ในระดับกลาง ถูกใจสุดก็คงหนีไม่พ้น เนื้อร่องที่นุ่มและอร่อยมันมากๆ เสือร้องไห้มันอย่างเดียวไม่มีความหวาน
ของมันเนื้อเลยค่อนข้างผิดหวัง ส่วนเนื้อรักบี้คือแห้งมากๆ กุ้งกับเอ็นหอยนับว่าใช้ได้ ข้าวแม้จะแฉะไปหน่อยแต่พอกินเป็นข้าวเหนียว
แกล้มกับเนื้อได้

อร่อยมากสุด : เนื้อร่องซี่โครง
อร่อยน้อยสุด : เนื้อรักบี้

บรรยากาศในร้าน : *****
เป็นร้านที่เล็กจ้อย พื้นที่จำกัด แต่ก็ถือว่าตกแต่งได้ดีมาก ร่มรื่นเย็นสบาย การระบายอากาศทำได้ดี ควันไม่ฟุ้งและเหม็น

การบริการ : ****
ยังถือว่าไม่เลิศหรูเท่าไหร่นัก การต้อนรับการแนะนำเมนูและสื่อสาร ค่อนข้างติดขัด ไม่ละเอียด การเสริฟเก็บจาน ทำได้ปกติ

ความหลากหลาย : ***
ไม่มีอะไรมาก นอกจากเนื้อแล้วก็เนื้อ ของกินเล่นทั่วไปก็ไม่มี ดีขึ้นมาหน่อยตรงมีของทะเลย่างเนี่ยแหละ

ราคา : **1/2
สำหรับผมคิดว่าแพงไปนิดแต่ก็สมเหตุผล เพราะเนื้อร่องกับพวกพิคานย่านั้นราคาสูงเป็นทุนอยู่แล้ว ถ้ารวมโคล่าในบุฟเฟ่ต์ด้วยจะเลิศมาก

การเข้าถึง : ****
ตั้งอยู่ในซอยลึก ขับจากถนนใหญ่พอสมควร แต่ด้านในมีถนนเลนกว้างพอประมาณ ทำให้ไม่ติดขัดมาตอนสัญจร

ความคุ้มค่า : ****1/2
มื้อนี้ก็จัดว่าคุ้มพอควรครับ กับการเปิดแมพหาร้านใหม่ๆกิน จัดว่าเป็นร้านเนื้อย่างนอกสายตาที่กินเอาแก้กระสัยได้อย่างดีที่สุด 
ถ้าเกิดมีเมนูเสริมอะไรเพิ่มขึ้นอีกนิดจะน่าสนใจมากทีเดียว เพราะช่วงนี้คู่แข่งมีเยอะ แถมกับราคานี้ บางร้านที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า 
มีของให้กินมากกว่านี้อีก แต่ถ้ามากันแล้ว อย่าลืมสั่ง ร่องซี่โครงนะครับ พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง

ภาพรวม : ****