แม่เราป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลาม ตรวจเจอเมื่อเดือนกันยาปีที่แล้ว เริ่มเข้ารับการรักษาต้นเดือนตุลาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติโดยการใช้ยาพุ่งเป้าและฉายรังสี (เพราะมะเร็งลามไปที่กระดูก) แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่...ประมาณกลางเดือนพฤศจิกา แม่เราเริ่มเดินไม่ได้ ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่ากระดูกสะโพกหัก คุณหมอที่สถาบันฯ แนะนำให้ไปรักษากระดูกที่อีกโรงพยาบาลนึง และประสานงานกับคุณหมอทางนั้นให้เรียบร้อย ซึ่งปัญหามันเริ่มต้นที่นี่แหละ...จะขอใช้ชื่อว่า โรงพยาบาล XYZ นะคะ
วันที่ 25/11/2024 มีนัดครั้งแรกที่โรงพยาบาล XYZ ก็ค่อนข้างวุ่นวายและก็บริการไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ยกตัวอย่างนะ คือแม่เราจะต้องให้ออกซิเจนตลอด พอต้องรอตรวจนานๆ ออกซิเจนจะหมด เราไปแจ้งพยาบาลก็ไม่มีถังมาเปลี่ยนให้ เวรเปลก็มีน้อยจนญาติคนไข้ต้องเข็นรถเข็น-เข็นเตียงผู้ป่วยกันเองวุ่นวาย เราก็เข็นเตียงให้แม่เองด้วยเหมือนกัน แต่ก็ยังใจดีสู้เสือว่าอาจจะเป็นเพราะคนไข้เยอะกว่าปกติ แต่หลังจากวันนั้นแม่เราต้องไปตามนัดที่นี่อีก 2 ครั้ง (เพื่อ CT Scan และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเตรียมผ่าตัด) ก็เจอสถานการณ์แบบเดิมๆ
วันที่ 6/12/2024 ทางโรงพยาบาลให้แม่แอดมิทเพื่อรอผ่าตัดในวันที่ 9/12/2024 การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ไม่ได้มีปัญหา แต่หลังจากผ่าตัดได้ 2-3 วัน แม่เรามีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลววันละ 3-4 ครั้ง คุณหมอที่มาดูแลบอกกับพยาบาลว่าแม่เรามีเชื้อดื้อยา เราก็ถามว่าแล้วต้องดำเนินการยังไง คุณหมอก็บอกว่าจะเปลี่ยนยาให้ เราถามว่าให้น้ำเกลือได้ไหม เพราะแม่เราดูอ่อนแรงมาก คุณหมอก็บอกว่าไม่ได้ กลัวน้ำเกิน ซึ่งการสนทนาทุกอย่างระหว่างเรากับคุณหมอคือผ่านทางพยาบาลทั้งหมด และเราก็ไม่เคยได้เจอคุณหมอสักครั้ง มีแต่คนที่เราจ้างไปเฝ้าแม่ที่ได้เจอ จะขอคุยทางโทรศัพท์กับคุณหมอก็ไม่ได้ เราไปรอทั้งวัน ก็ไม่ได้เจออีก อาการท้องเสียของแม่เราก็ไม่ได้ดีขึ้นนะ (ถ่ายเหลววันละ 2-4 ครั้งสลับกันไป) เพราะได้แต่เกลือแร่ซองมาชงน้ำจิบเรื่อยๆ กับยาฆ่าเชื้อวันละ 3 เม็ด ส่วนพยาบาลก็ไม่ค่อยใส่ใจ เวลากดเรียกก็อ้างแต่ว่าพยาบาลไม่พอ (แล้วมันควรจะเป็นปัญหาของคนไข้เหรอ) การดูแลของพยาบาลสวนทางกับราคามาก (ห้องที่แม่เราอยู่เป็นห้องพิเศษ ราคา 4,XXX บาท)
วันที่ 23/12/2024 คุณหมอบอกกับพยาบาลว่าให้แม่เราออกจากโรงพยาบาลได้ เพราะแผลผ่าตัดไม่มีปัญหา แม่เราก็พอจะเดินโดยใช้วอล์คเกอร์ได้บ้างแล้ว แต่แม่เราก็ยังไม่หายท้องเสีย ได้ยากับเกลือแร่มากินต่อที่บ้าน เราก็อาจจะผิดเองแหละที่ไม่คัดค้านในตอนนั้น เพราะคิดว่ามาอยู่บ้านสัก 3-4 วันแม่ก็น่าจะดีขึ้น แต่พอช่วงเย็นๆ วันที่ 24/12/2024 (หลังจากกลับจากรพ.ไม่ถึง 24 ชม.) แม่เราถ่ายเหลวออกมาเยอะมากจนล้นแพมเพิส และก็ดูอ่อนแรง แต่ก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาล จนเกือบๆ 4 ทุ่มเริ่มมีไข้สูง เราก็โทรเรียกกู้ภัยมารับตัวไปโรงพยาบาลบางใหญ่ คุณหมอที่นั่นรักษาจนแม่เราค่อยดูดีขึ้น กินข้าวได้มากขึ้นและถ่ายลดลง แต่มามีปัญหาตรงที่ถ่ายมีเลือดปนและมีอาการซีด คุณหมอบอกว่าต้องส่องกล้องดูในช่องท้องว่าเลือดออกจากลำไส้หรือกระเพาะ แต่ที่โรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือ เราก็เลยขอให้ประสานงานส่งตัวมาที่สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ (แม่เราเคยรักษาตัวที่นี่ตอนปอดอักเสบติดเชื้อก่อนจะตรวจพบมะเร็ง) คุณหมอส่องกล้องพบเลือดออกที่ลำไส้ และตรวจเลือดอย่างละเอียด พบว่าแม่เราขาดสารอาหารหลายตัวขั้นรุนแรง ร่างกายอ่อนแรงมากจนหายใจเองไม่ได้ ความดันตก แม่เราต้องรักษาตัวอยู่ใน ICU ตั้งแต่วันที่ 30/12/2024 เป็นต้นมา
ตั้งแต่แม่เราเข้ารับการรักษามะเร็งมา คนที่บ้านดูแลใกล้ชิด ไม่พบความผิดปกติ แม่กินข้าวได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่เห็นมีแค่จะหลับมากกว่าเดิมนิดหน่อย แม้แต่ตอนที่แม่เราเริ่มเดินไม่ได้ ก็ยังกำลังใจดี เพราะมีความหวังว่าผ่าตัดแล้วก็จะกลับมาเดินได้ แต่ใครจะคิดว่ากลับแย่มากกว่าเดิม...เราเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทางโรงพยาบาล XYZ พยายามใส่ใจแม่เรามากกว่านี้อีกสักหน่อย แม่เราจะเป็นมากขนาดนี้มั๊ย เราเคยเขียนร้องเรียนไปที่โรงพยาบาลนั้นนะ เพราะเราคิดว่าสิ่งที่แม่เราเจอเป็นอันตรายถึงชีวิตแม่เราได้เลย ทางนั้นก็ตอบกลับมาเป็นข้อความแบบที่เป็นแพทเทิร์นเด๊ะๆ เลย นั่นยิ่งทำให้เราไม่โอเค เราเลยตอบกลับไปว่าเรารู้สึกหมดหวังที่จะเห็นการปรับปรุงของโรงพยาบาล ก็ให้คนโทรมาแต่ก็เหมือนโทรมารับฟังแหละ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น และช็อตที่ทำให้เราหมดหวังจริงๆ กับโรงพยาบาลนั้นก็คือตอนที่เราโทรไปเลื่อนนัดติดตามอาการ เพราะแม่เรายังแอดมิทอยู่ ปลายสายตอบกลับมาว่า...ไม่สะดวกก็ไม่ต้องมา...ไม่ถามชื่อหรือเลขประจำตัวผู้ป่วยอะไรสักอย่าง ไม่มีจิตใจเมตตาที่จะถามถึงผู้ป่วยเลยสักนิดด้วย คิดซะว่าเเป็นความโชคดีแล้วกันที่ได้เปลี่ยนมารักษาที่โรงพยาบาลอื่น
ปล.โรงพยาบาลที่เราเอ่ยชื่อทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลที่ดีมากๆ รักษาอย่างเต็มที่ ดูแลอย่างเต็มใจ
แชร์ประสบการณ์ไม่ดีในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
วันที่ 25/11/2024 มีนัดครั้งแรกที่โรงพยาบาล XYZ ก็ค่อนข้างวุ่นวายและก็บริการไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ยกตัวอย่างนะ คือแม่เราจะต้องให้ออกซิเจนตลอด พอต้องรอตรวจนานๆ ออกซิเจนจะหมด เราไปแจ้งพยาบาลก็ไม่มีถังมาเปลี่ยนให้ เวรเปลก็มีน้อยจนญาติคนไข้ต้องเข็นรถเข็น-เข็นเตียงผู้ป่วยกันเองวุ่นวาย เราก็เข็นเตียงให้แม่เองด้วยเหมือนกัน แต่ก็ยังใจดีสู้เสือว่าอาจจะเป็นเพราะคนไข้เยอะกว่าปกติ แต่หลังจากวันนั้นแม่เราต้องไปตามนัดที่นี่อีก 2 ครั้ง (เพื่อ CT Scan และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเตรียมผ่าตัด) ก็เจอสถานการณ์แบบเดิมๆ
วันที่ 6/12/2024 ทางโรงพยาบาลให้แม่แอดมิทเพื่อรอผ่าตัดในวันที่ 9/12/2024 การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ไม่ได้มีปัญหา แต่หลังจากผ่าตัดได้ 2-3 วัน แม่เรามีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลววันละ 3-4 ครั้ง คุณหมอที่มาดูแลบอกกับพยาบาลว่าแม่เรามีเชื้อดื้อยา เราก็ถามว่าแล้วต้องดำเนินการยังไง คุณหมอก็บอกว่าจะเปลี่ยนยาให้ เราถามว่าให้น้ำเกลือได้ไหม เพราะแม่เราดูอ่อนแรงมาก คุณหมอก็บอกว่าไม่ได้ กลัวน้ำเกิน ซึ่งการสนทนาทุกอย่างระหว่างเรากับคุณหมอคือผ่านทางพยาบาลทั้งหมด และเราก็ไม่เคยได้เจอคุณหมอสักครั้ง มีแต่คนที่เราจ้างไปเฝ้าแม่ที่ได้เจอ จะขอคุยทางโทรศัพท์กับคุณหมอก็ไม่ได้ เราไปรอทั้งวัน ก็ไม่ได้เจออีก อาการท้องเสียของแม่เราก็ไม่ได้ดีขึ้นนะ (ถ่ายเหลววันละ 2-4 ครั้งสลับกันไป) เพราะได้แต่เกลือแร่ซองมาชงน้ำจิบเรื่อยๆ กับยาฆ่าเชื้อวันละ 3 เม็ด ส่วนพยาบาลก็ไม่ค่อยใส่ใจ เวลากดเรียกก็อ้างแต่ว่าพยาบาลไม่พอ (แล้วมันควรจะเป็นปัญหาของคนไข้เหรอ) การดูแลของพยาบาลสวนทางกับราคามาก (ห้องที่แม่เราอยู่เป็นห้องพิเศษ ราคา 4,XXX บาท)
วันที่ 23/12/2024 คุณหมอบอกกับพยาบาลว่าให้แม่เราออกจากโรงพยาบาลได้ เพราะแผลผ่าตัดไม่มีปัญหา แม่เราก็พอจะเดินโดยใช้วอล์คเกอร์ได้บ้างแล้ว แต่แม่เราก็ยังไม่หายท้องเสีย ได้ยากับเกลือแร่มากินต่อที่บ้าน เราก็อาจจะผิดเองแหละที่ไม่คัดค้านในตอนนั้น เพราะคิดว่ามาอยู่บ้านสัก 3-4 วันแม่ก็น่าจะดีขึ้น แต่พอช่วงเย็นๆ วันที่ 24/12/2024 (หลังจากกลับจากรพ.ไม่ถึง 24 ชม.) แม่เราถ่ายเหลวออกมาเยอะมากจนล้นแพมเพิส และก็ดูอ่อนแรง แต่ก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาล จนเกือบๆ 4 ทุ่มเริ่มมีไข้สูง เราก็โทรเรียกกู้ภัยมารับตัวไปโรงพยาบาลบางใหญ่ คุณหมอที่นั่นรักษาจนแม่เราค่อยดูดีขึ้น กินข้าวได้มากขึ้นและถ่ายลดลง แต่มามีปัญหาตรงที่ถ่ายมีเลือดปนและมีอาการซีด คุณหมอบอกว่าต้องส่องกล้องดูในช่องท้องว่าเลือดออกจากลำไส้หรือกระเพาะ แต่ที่โรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือ เราก็เลยขอให้ประสานงานส่งตัวมาที่สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ (แม่เราเคยรักษาตัวที่นี่ตอนปอดอักเสบติดเชื้อก่อนจะตรวจพบมะเร็ง) คุณหมอส่องกล้องพบเลือดออกที่ลำไส้ และตรวจเลือดอย่างละเอียด พบว่าแม่เราขาดสารอาหารหลายตัวขั้นรุนแรง ร่างกายอ่อนแรงมากจนหายใจเองไม่ได้ ความดันตก แม่เราต้องรักษาตัวอยู่ใน ICU ตั้งแต่วันที่ 30/12/2024 เป็นต้นมา
ตั้งแต่แม่เราเข้ารับการรักษามะเร็งมา คนที่บ้านดูแลใกล้ชิด ไม่พบความผิดปกติ แม่กินข้าวได้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่เห็นมีแค่จะหลับมากกว่าเดิมนิดหน่อย แม้แต่ตอนที่แม่เราเริ่มเดินไม่ได้ ก็ยังกำลังใจดี เพราะมีความหวังว่าผ่าตัดแล้วก็จะกลับมาเดินได้ แต่ใครจะคิดว่ากลับแย่มากกว่าเดิม...เราเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทางโรงพยาบาล XYZ พยายามใส่ใจแม่เรามากกว่านี้อีกสักหน่อย แม่เราจะเป็นมากขนาดนี้มั๊ย เราเคยเขียนร้องเรียนไปที่โรงพยาบาลนั้นนะ เพราะเราคิดว่าสิ่งที่แม่เราเจอเป็นอันตรายถึงชีวิตแม่เราได้เลย ทางนั้นก็ตอบกลับมาเป็นข้อความแบบที่เป็นแพทเทิร์นเด๊ะๆ เลย นั่นยิ่งทำให้เราไม่โอเค เราเลยตอบกลับไปว่าเรารู้สึกหมดหวังที่จะเห็นการปรับปรุงของโรงพยาบาล ก็ให้คนโทรมาแต่ก็เหมือนโทรมารับฟังแหละ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น และช็อตที่ทำให้เราหมดหวังจริงๆ กับโรงพยาบาลนั้นก็คือตอนที่เราโทรไปเลื่อนนัดติดตามอาการ เพราะแม่เรายังแอดมิทอยู่ ปลายสายตอบกลับมาว่า...ไม่สะดวกก็ไม่ต้องมา...ไม่ถามชื่อหรือเลขประจำตัวผู้ป่วยอะไรสักอย่าง ไม่มีจิตใจเมตตาที่จะถามถึงผู้ป่วยเลยสักนิดด้วย คิดซะว่าเเป็นความโชคดีแล้วกันที่ได้เปลี่ยนมารักษาที่โรงพยาบาลอื่น
ปล.โรงพยาบาลที่เราเอ่ยชื่อทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลที่ดีมากๆ รักษาอย่างเต็มที่ ดูแลอย่างเต็มใจ