กมธ.ความมั่นคงฯ เชิญหน่วยงานขายไฟชายแดน หารือต้นตอแก๊งคอล ถามมท. มีอำนาจตัดทำไมไม่ทำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5013001
กมธ.ความมั่นคงฯ เชิญหน่วยงานไฟฟ้า หารือต้นตอแก๊งคอล ถามมท. มีอำนาจตัดไฟทำไมไม่ทำ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ. ว่า วันนี้จะเป็นการพิจารณาปัญหาตามแนวชายแดนทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ ยาเสพติด โดยที่จะโยงกลับมาที่ทรัพยากรของประเทศเรา ที่ป้อนให้กับกระบวนการอาชญากรข้ามชายเหล่านี้คือไฟฟ้า ซึ่งกมธ.ได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่สาย
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างการไฟฟ้าแม่สายอาจสัมพันธ์กับเรื่องเครือข่ายยาเสพติด และสัมพันธ์เปิดบริษัทนอมินีเพื่อมารับสัญญาแทนบริษัทเดิมที่มีข่าวว่าจะเปลี่ยนบริษัท นั่นหมายความว่าทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดูแล้วว่ายังคงที่จะขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านหรือบริษัทที่อาจจะมีพิรุธว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ
นาย
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้น วันนี้เราคงพยายามพูดคุยและหาแนวทางข้อสรุป และเราได้ข้อมูลใหม่ๆ ว่าตั้งแต่ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จริงๆ เคยมีคำสั่งให้ทบทวนในการพิจารณาตัดสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ แล้ว และมีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในการพิจารณาว่าให้ติดตามตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้นมีคำสั่งหลายอย่างที่ควรจะเดินหน้าได้ แต่ติดอะไร ทำไมถึงกลายเป็นว่าการที่พิจารณาตัดไฟถึงยากขนาดนี้ ทั้งที่หลักฐานประจักษ์ชัดแจ้ง
“
ผมจึงอยากตั้งคำถามไปถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าท่านสามารถที่จะดำเนินการตัดได้เลย ผมอยากจะตั้งหลักว่า ที่ผ่านมากฟภ.จะบอกว่าก่อนเขาจะเปิดหรือขายต้องไปถามหน่วยงานความมั่นคงอะไรต่างๆ แต่เมื่อเขาจะตัดก็ต้องถามหน่วยงานความมั่นคงย้อนกลับมา ซึ่งถามว่าเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดหรือไม่นั้น ไม่ใช่ กฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดไว้ให้ทำเป็นแค่สิ่งที่กฟภ.บอกว่าจะทำ ดังนั้น การที่ประเทศไทยยังต้องอยู่กับแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่กฟภ.ขายไฟให้ ผมคิดว่ากฟภ. ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และวันนี้ผมจะถามว่ากฟภ. ยืนยันสิ่งเดิมที่ตัวเองดำเนินมาตลอดใช่หรือไม่” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ฝากไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยในฐานะดูแลกฟภ. มีอำนาจในการดำเนินการได้เลย และตนคิดว่าท่านน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อย่าให้คนซุบซิบนินทาว่าสุดท้ายท่านอาจจะมีส่วนร่วมกับกระบวนการหรือเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติไปด้วย
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ทหารเมียนมาระบุว่าการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาไม่สำเร็จ เพราะมีประเทศเพื่อนบ้านคอยส่งไฟเข้าไป นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าแม้กระทั้งประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสถานที่ตั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งตนเข้าใจว่าทหารเมียนมาโดยทางปฏิบัติเขาไม่สามารถปราบได้จริงๆ เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น การปราบปรามคงไม่ง่าย และสิ่งที่รัฐบาลทหารเมียนมาพูดมาเป็นการคอนเฟิร์มว่าปัญหาที่ตนพูดมาทั้งหมด ตั้งแต่อภิปรายในสภาฯ เป็นประธานกมธ. พยายามแนะนำให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานรัฐทางกฟภ. ว่าเราต้องตัดไฟ เป็นการคอนเฟิร์มว่าจริง
“
เราต้องทบทวนตัวเองว่าน่าละอายขนาดไหนที่เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เราไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ธรรมดา แต่มีส่วนสำคัญในหลายส่วนที่สร้างแก๊งคอลเซนเตอร์ขึ้นมา และนี่คือปัญหาที่ประเทศไทยต้องปราบได้แล้ว ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีคนตายจำนวนมาก รัฐบาลรับผิดชอบไม่ไหว” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า บริษัทที่เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้าเป็นบริษัท เช่นที่แม่สอดเป็นบริษัทที่เป็นนอมินีของหม่องชิตตู ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของ KNA ซึ่งเป็นที่ตั้งของคอลเซนเตอร์ ไฟฟ้าเหล่านี้ถูกไปจำหน่ายให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ดังนั้น การขายไฟที่บอกว่าบริษัทตัวแทนของรัฐบาลเมียนมาก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่การเมืองภายในของเขาต้องยอมรับว่าเป็นการเมืองที่ล้มเหลว และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสงครามกลางเมืองไปแล้ว นายอนุทินต้องเข้าใจ และที่ตนเคยเปิดในสภาว่ามีหนังสือที่ตามมาที่กระทรวงมหาดไทยโดยอ้างถึงว่าเป็นมติครม. คำถามคือมติครม.กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องทำตามใช่หรือไม่ แล้วปลัดกระทรวงก็เห็นหนังสือว่าเคยส่งตามไปเช่นเดียวกัน ทำไมการไฟฟ้ายังขายต่อ ตนจึงคิดว่าการตัดไฟตัดได้แต่ที่ตัดไม่ได้เพราะผลประโยชน์หรือไม่
เมื่อถามว่า เรื่องบัญชีม้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดมีประมาณเกือบล้านบัญชี ดังนั้น ต้องคอนเฟิร์มว่าตกลงจำนวนบัญชีม้ามีเยอะตามข่าวหรือไม่ ส่วนเรื่องปราบปรามต้องจริงจัง และความรับผิดชอบของหน่วยงานธนาควรต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในการปล่อยให้มีการเปิดบัญชีม้า แต่เรื่องนี้ต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือปปง. ต่อไป และในอนาคตจะมีการพูดคุยเรื่องฟรีวีซ่าว่าเราอาจจะต้องมีการทบทวน หรือมีมาตรการหรือไม่ บางพื้นที่อาจจะต้องขอวีซ่าใหมีอีกรอบ ไม่ถึงขนาดเรียกว่าวีซ่าอาจจะเป็นการขออนุญาตการเดินทางก็ได้แล้วแต่จะออกแบบระบบอย่างไร
กฟภ. แจงระงับขายไฟฟ้าปท.เพื่อนบ้านทันทีไม่ได้ ต้องประสานผ่าน กต. ย้ำติดต่อแล้ว ยังเงียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5013009
กมธ.ความมั่นคง ถกปมขายไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้าน หนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กฟภ. แจงระงับไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้านเลยไม่ได้ ต้องประสานผ่าน กต. เพราะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เผยประสานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบ ด้าน สมช. งงขายไฟกระทบความมั่นคงอย่างไร
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธานพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน การใช้บัญชีม้าในกระบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไฟฟ้าบริเวณชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยใช้ตัวแทนจากที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย
โดยการประชุมในครั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่าผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นผู้ที่ชี้แจงแทน ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากติดภารกิจที่ต่างจังหวัด ขณะที่หน่วยงานอื่นก็ได้ส่งเพียงตัวแทนมาชี้แจงเท่านั้น
ด้านนาย
ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรค ปชน. ในฐานะเลขานุการกมธ.ฯ ถามว่า หากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้อำนาจในการยุติการขายจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริง สามารถใช้ได้หรือไม่ และยากมากเลยหรือที่จะต้องไปถามหน่วยงานอื่นว่าฉันใช้ได้หรือไม่ หากใช้อำนาจในการยุติบริษัทที่อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หน่วยงานใดที่จะมาเอาผิดท่าน หากกังวลเรื่องการกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นจะกระทบในเรื่องใดบ้าง และจะได้คำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศเมื่อไร
ตัวแทน กฟภ. ชี้แจงว่า วงจรการนำไฟฟ้าจะนำเข้าไปส่งในพื้นที่เลย เรารู้เพียงโครงสร้างแต่ไม่ทราบว่าโครงสร้างดังกล่าวนั้น นำไปส่งที่ใดบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมไปแล้ว ส่วนกระบวนการขายไฟฟ้านั้น ต้องดำเนินการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศส่งต่อไปยังสถานทูตประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากจะระงับการขายไฟจะต้องดำเนินการย้อนกลับ และกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำให้ดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
ตัวแทน กฟภ. กล่าวต่อว่า เราเป็นหน่วยงานที่ไม่สามารถวิเคราะห์ในเรื่องนี้ได้โดยตรงว่าหากยุติจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และขณะนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่เป็นในเชิงนโยบาย ซึ่งจะต้องมีการนำเข้าคณะรัฐมนตรีผ่านกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องเป็นคนนำเรื่องเข้าไป ยืนยันว่าเราทำอย่างครบถ้วนแต่ต้องรอการพิจารณาและความเห็นชอบบางอย่างจาก ครม.เพื่อนำมาดำเนินการให้ตรงจุดต่อไป
ตัวแทน กฟภ.กล่าวด้วยว่า วันที่ 29 มกราคมที่การไฟฟ้าจะเข้าบอร์ดใหญ่ แล้วจะมีการสรุปว่าการดำเนินการจะอย่างไร จากนั้นจะได้มีการนำเข้าครม. ว่าจะให้ตัดไม่ให้ใช้ไฟเลย หรือตัดทีละจุด ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ และจากการที่ประสานไปกับทางกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ส่วนส่งเรื่องไปเมื่อไรนั้น จะขอส่งเป็นเอกสารกลับมาอีกครั้ง ย้ำว่าจะทำเรื่องส่งไปยังครม. เพื่อให้ครม.พิจารณา แล้วจะดำเนินการตามที่มีการเสนอไปให้
ด้านนาย
ไผท สิทธิสุนทร ผู้อำนวยการกองกิจการชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านเป็นตัวแทนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า หากการไฟฟ้าตัดสินใจที่จะนำเข้าสู่ครม. และครม.ต้องส่งมาที่ สมช. ซึ่งสมช.จะนำเรียนว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง แต่ก็อยากได้การคอนเฟิร์มจากหน่วยความมั่นคงว่าจะกระทบความมั่นคงหรือไม่ เฉพาะเรื่องไฟฟ้าที่จ่ายไปทางสมช. ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแต่จะนำไปหารือกับผู้บริหาร สมช. และจะต้องมีการเชิญสำนักข่าวกองแห่งชาติ หน่วยข่าวของทหาร หน่วยข่าวกรองของทหารสันติบาล กระทรวงกลาโหม เข้าประชุมร่วมกับ สมช.
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายที่ประชุมยังเสนอแนะให้มีการเชิญสำนักข่าวกรองแห่งชาติ หน่วยข่าวของทหารหน่วยข่าวกรองของทหารสันติบาล เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปถึงการขายไฟไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ว่าส่งผลต่อความมั่นคงอย่างไร
ปธ.SME ชี้คำสั่งทรัมป์สะเทือนศก.ไทย เผชิญ 4 ความท้าทาย แนะ รบ.สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_5012824
ปธ.SME ชี้คำสั่งทรัมป์สะเทือนศก.ไทย เผชิญ 4 ความท้าทาย แนะรบ.สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย แสดงความเห็นหลังนายโดนัล ทรัมป์ นั่งประธานาธิบดีสหรัฐ และออกคำสั่งต่างๆ กับ มติชน ไว้ว่า ผลกระทบจากการประกาศคำสั่งทรัมป์สะเทือนถึงเศรษฐกิจไทย
1.การถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีส แก้ปัญหาโลกร้อน เพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล สวนกระแสโลกสร้างความระส่ำเศรษฐกิจสีเขียวทั้งโลก เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศสำคัญ Climate Change Performance Index (CCPI) ปี 2024 อันดับที่ 57 ของโลก และ Clean Competition Act ที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการ 6 เรื่องสำคัญ คือ Clean Air Act (CAA), Energy Policy Act of 2005, The National Environmental
Policy Act (NEPA), Clean Power Plan, Global Change Research Act (1990), Energy Independence and Security Act ต้องลดบทบาทความสำคัญและกระทบต่อ Paris Agreement 3 ด้านสำคัญ คือ ควบคุมการเพิ่มอุณหภูมิโลก การเพิ่มขีดความสามารถปรับตัวและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการพัฒนา
โดยผลกระทบ USCBAM ธุรกิจพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้าอาจชะลอลดบทบาทลงไป ขณะที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวดี ไทยอาจได้เปรียบบในระยะสั้นแต่ไทยยังต้องเร่งเครื่องยนต์สีเขียวเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจรองรับการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มโอกาสตลาดในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ SME ESG กับกลไกการส่งเสริมการเข้าถึงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในธุรกิจ ซึ่งมีเอสเอ็มอีเพียงร้อยละ 4 ที่นำความรู้พื้นฐานไปเชื่อมโยงผลลัพธ์ได้ และเอสเอ็มอีทราบ ESG แต่ไม่มีการปรับใช้ร้อยละ 75 ร้อยละ 25 ทราบและตระหนักรู้ ซึ่งร้อยละ 55 ขาดความรู้ความเข
JJNY : เชิญหน่วยงานขายไฟชายแดน│กฟภ.แจงระงับขายไฟฟ้า│ปธ.SMEชี้คำสั่งทรัมป์สะเทือนศก.│เกาหลีใต้จะขยายความร่วมมือกับอาเซียน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5013001
กมธ.ความมั่นคงฯ เชิญหน่วยงานไฟฟ้า หารือต้นตอแก๊งคอล ถามมท. มีอำนาจตัดไฟทำไมไม่ทำ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ. ว่า วันนี้จะเป็นการพิจารณาปัญหาตามแนวชายแดนทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ ยาเสพติด โดยที่จะโยงกลับมาที่ทรัพยากรของประเทศเรา ที่ป้อนให้กับกระบวนการอาชญากรข้ามชายเหล่านี้คือไฟฟ้า ซึ่งกมธ.ได้เชิญกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่สาย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างการไฟฟ้าแม่สายอาจสัมพันธ์กับเรื่องเครือข่ายยาเสพติด และสัมพันธ์เปิดบริษัทนอมินีเพื่อมารับสัญญาแทนบริษัทเดิมที่มีข่าวว่าจะเปลี่ยนบริษัท นั่นหมายความว่าทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดูแล้วว่ายังคงที่จะขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านหรือบริษัทที่อาจจะมีพิรุธว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้น วันนี้เราคงพยายามพูดคุยและหาแนวทางข้อสรุป และเราได้ข้อมูลใหม่ๆ ว่าตั้งแต่ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จริงๆ เคยมีคำสั่งให้ทบทวนในการพิจารณาตัดสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ แล้ว และมีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยในการพิจารณาว่าให้ติดตามตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้นมีคำสั่งหลายอย่างที่ควรจะเดินหน้าได้ แต่ติดอะไร ทำไมถึงกลายเป็นว่าการที่พิจารณาตัดไฟถึงยากขนาดนี้ ทั้งที่หลักฐานประจักษ์ชัดแจ้ง
“ผมจึงอยากตั้งคำถามไปถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าท่านสามารถที่จะดำเนินการตัดได้เลย ผมอยากจะตั้งหลักว่า ที่ผ่านมากฟภ.จะบอกว่าก่อนเขาจะเปิดหรือขายต้องไปถามหน่วยงานความมั่นคงอะไรต่างๆ แต่เมื่อเขาจะตัดก็ต้องถามหน่วยงานความมั่นคงย้อนกลับมา ซึ่งถามว่าเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดหรือไม่นั้น ไม่ใช่ กฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดไว้ให้ทำเป็นแค่สิ่งที่กฟภ.บอกว่าจะทำ ดังนั้น การที่ประเทศไทยยังต้องอยู่กับแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่กฟภ.ขายไฟให้ ผมคิดว่ากฟภ. ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และวันนี้ผมจะถามว่ากฟภ. ยืนยันสิ่งเดิมที่ตัวเองดำเนินมาตลอดใช่หรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ฝากไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยในฐานะดูแลกฟภ. มีอำนาจในการดำเนินการได้เลย และตนคิดว่าท่านน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อย่าให้คนซุบซิบนินทาว่าสุดท้ายท่านอาจจะมีส่วนร่วมกับกระบวนการหรือเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติไปด้วย
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ทหารเมียนมาระบุว่าการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมาไม่สำเร็จ เพราะมีประเทศเพื่อนบ้านคอยส่งไฟเข้าไป นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าแม้กระทั้งประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสถานที่ตั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งตนเข้าใจว่าทหารเมียนมาโดยทางปฏิบัติเขาไม่สามารถปราบได้จริงๆ เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ดังนั้น การปราบปรามคงไม่ง่าย และสิ่งที่รัฐบาลทหารเมียนมาพูดมาเป็นการคอนเฟิร์มว่าปัญหาที่ตนพูดมาทั้งหมด ตั้งแต่อภิปรายในสภาฯ เป็นประธานกมธ. พยายามแนะนำให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานรัฐทางกฟภ. ว่าเราต้องตัดไฟ เป็นการคอนเฟิร์มว่าจริง
“เราต้องทบทวนตัวเองว่าน่าละอายขนาดไหนที่เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เราไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ธรรมดา แต่มีส่วนสำคัญในหลายส่วนที่สร้างแก๊งคอลเซนเตอร์ขึ้นมา และนี่คือปัญหาที่ประเทศไทยต้องปราบได้แล้ว ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีคนตายจำนวนมาก รัฐบาลรับผิดชอบไม่ไหว” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า บริษัทที่เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้าเป็นบริษัท เช่นที่แม่สอดเป็นบริษัทที่เป็นนอมินีของหม่องชิตตู ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของ KNA ซึ่งเป็นที่ตั้งของคอลเซนเตอร์ ไฟฟ้าเหล่านี้ถูกไปจำหน่ายให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ดังนั้น การขายไฟที่บอกว่าบริษัทตัวแทนของรัฐบาลเมียนมาก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่การเมืองภายในของเขาต้องยอมรับว่าเป็นการเมืองที่ล้มเหลว และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสงครามกลางเมืองไปแล้ว นายอนุทินต้องเข้าใจ และที่ตนเคยเปิดในสภาว่ามีหนังสือที่ตามมาที่กระทรวงมหาดไทยโดยอ้างถึงว่าเป็นมติครม. คำถามคือมติครม.กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องทำตามใช่หรือไม่ แล้วปลัดกระทรวงก็เห็นหนังสือว่าเคยส่งตามไปเช่นเดียวกัน ทำไมการไฟฟ้ายังขายต่อ ตนจึงคิดว่าการตัดไฟตัดได้แต่ที่ตัดไม่ได้เพราะผลประโยชน์หรือไม่
เมื่อถามว่า เรื่องบัญชีม้ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดมีประมาณเกือบล้านบัญชี ดังนั้น ต้องคอนเฟิร์มว่าตกลงจำนวนบัญชีม้ามีเยอะตามข่าวหรือไม่ ส่วนเรื่องปราบปรามต้องจริงจัง และความรับผิดชอบของหน่วยงานธนาควรต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในการปล่อยให้มีการเปิดบัญชีม้า แต่เรื่องนี้ต้องพูดคุยกับหน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือปปง. ต่อไป และในอนาคตจะมีการพูดคุยเรื่องฟรีวีซ่าว่าเราอาจจะต้องมีการทบทวน หรือมีมาตรการหรือไม่ บางพื้นที่อาจจะต้องขอวีซ่าใหมีอีกรอบ ไม่ถึงขนาดเรียกว่าวีซ่าอาจจะเป็นการขออนุญาตการเดินทางก็ได้แล้วแต่จะออกแบบระบบอย่างไร
กฟภ. แจงระงับขายไฟฟ้าปท.เพื่อนบ้านทันทีไม่ได้ ต้องประสานผ่าน กต. ย้ำติดต่อแล้ว ยังเงียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5013009
กมธ.ความมั่นคง ถกปมขายไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้าน หนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กฟภ. แจงระงับไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้านเลยไม่ได้ ต้องประสานผ่าน กต. เพราะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เผยประสานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้คำตอบ ด้าน สมช. งงขายไฟกระทบความมั่นคงอย่างไร
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธานพิจารณาศึกษาและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน การใช้บัญชีม้าในกระบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไฟฟ้าบริเวณชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยใช้ตัวแทนจากที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย
โดยการประชุมในครั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่าผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นผู้ที่ชี้แจงแทน ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากติดภารกิจที่ต่างจังหวัด ขณะที่หน่วยงานอื่นก็ได้ส่งเพียงตัวแทนมาชี้แจงเท่านั้น
ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรค ปชน. ในฐานะเลขานุการกมธ.ฯ ถามว่า หากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้อำนาจในการยุติการขายจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริง สามารถใช้ได้หรือไม่ และยากมากเลยหรือที่จะต้องไปถามหน่วยงานอื่นว่าฉันใช้ได้หรือไม่ หากใช้อำนาจในการยุติบริษัทที่อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หน่วยงานใดที่จะมาเอาผิดท่าน หากกังวลเรื่องการกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นจะกระทบในเรื่องใดบ้าง และจะได้คำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศเมื่อไร
ตัวแทน กฟภ. ชี้แจงว่า วงจรการนำไฟฟ้าจะนำเข้าไปส่งในพื้นที่เลย เรารู้เพียงโครงสร้างแต่ไม่ทราบว่าโครงสร้างดังกล่าวนั้น นำไปส่งที่ใดบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมไปแล้ว ส่วนกระบวนการขายไฟฟ้านั้น ต้องดำเนินการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศส่งต่อไปยังสถานทูตประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากจะระงับการขายไฟจะต้องดำเนินการย้อนกลับ และกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำให้ดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
ตัวแทน กฟภ. กล่าวต่อว่า เราเป็นหน่วยงานที่ไม่สามารถวิเคราะห์ในเรื่องนี้ได้โดยตรงว่าหากยุติจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และขณะนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่เป็นในเชิงนโยบาย ซึ่งจะต้องมีการนำเข้าคณะรัฐมนตรีผ่านกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องเป็นคนนำเรื่องเข้าไป ยืนยันว่าเราทำอย่างครบถ้วนแต่ต้องรอการพิจารณาและความเห็นชอบบางอย่างจาก ครม.เพื่อนำมาดำเนินการให้ตรงจุดต่อไป
ตัวแทน กฟภ.กล่าวด้วยว่า วันที่ 29 มกราคมที่การไฟฟ้าจะเข้าบอร์ดใหญ่ แล้วจะมีการสรุปว่าการดำเนินการจะอย่างไร จากนั้นจะได้มีการนำเข้าครม. ว่าจะให้ตัดไม่ให้ใช้ไฟเลย หรือตัดทีละจุด ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ และจากการที่ประสานไปกับทางกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ส่วนส่งเรื่องไปเมื่อไรนั้น จะขอส่งเป็นเอกสารกลับมาอีกครั้ง ย้ำว่าจะทำเรื่องส่งไปยังครม. เพื่อให้ครม.พิจารณา แล้วจะดำเนินการตามที่มีการเสนอไปให้
ด้านนายไผท สิทธิสุนทร ผู้อำนวยการกองกิจการชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านเป็นตัวแทนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า หากการไฟฟ้าตัดสินใจที่จะนำเข้าสู่ครม. และครม.ต้องส่งมาที่ สมช. ซึ่งสมช.จะนำเรียนว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง แต่ก็อยากได้การคอนเฟิร์มจากหน่วยความมั่นคงว่าจะกระทบความมั่นคงหรือไม่ เฉพาะเรื่องไฟฟ้าที่จ่ายไปทางสมช. ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแต่จะนำไปหารือกับผู้บริหาร สมช. และจะต้องมีการเชิญสำนักข่าวกองแห่งชาติ หน่วยข่าวของทหาร หน่วยข่าวกรองของทหารสันติบาล กระทรวงกลาโหม เข้าประชุมร่วมกับ สมช.
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายที่ประชุมยังเสนอแนะให้มีการเชิญสำนักข่าวกรองแห่งชาติ หน่วยข่าวของทหารหน่วยข่าวกรองของทหารสันติบาล เข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปถึงการขายไฟไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ว่าส่งผลต่อความมั่นคงอย่างไร
ปธ.SME ชี้คำสั่งทรัมป์สะเทือนศก.ไทย เผชิญ 4 ความท้าทาย แนะ รบ.สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่
https://www.matichon.co.th/economy/news_5012824
ปธ.SME ชี้คำสั่งทรัมป์สะเทือนศก.ไทย เผชิญ 4 ความท้าทาย แนะรบ.สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย แสดงความเห็นหลังนายโดนัล ทรัมป์ นั่งประธานาธิบดีสหรัฐ และออกคำสั่งต่างๆ กับ มติชน ไว้ว่า ผลกระทบจากการประกาศคำสั่งทรัมป์สะเทือนถึงเศรษฐกิจไทย
1.การถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีส แก้ปัญหาโลกร้อน เพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล สวนกระแสโลกสร้างความระส่ำเศรษฐกิจสีเขียวทั้งโลก เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศสำคัญ Climate Change Performance Index (CCPI) ปี 2024 อันดับที่ 57 ของโลก และ Clean Competition Act ที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการ 6 เรื่องสำคัญ คือ Clean Air Act (CAA), Energy Policy Act of 2005, The National Environmental
Policy Act (NEPA), Clean Power Plan, Global Change Research Act (1990), Energy Independence and Security Act ต้องลดบทบาทความสำคัญและกระทบต่อ Paris Agreement 3 ด้านสำคัญ คือ ควบคุมการเพิ่มอุณหภูมิโลก การเพิ่มขีดความสามารถปรับตัวและเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการพัฒนา
โดยผลกระทบ USCBAM ธุรกิจพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้าอาจชะลอลดบทบาทลงไป ขณะที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวดี ไทยอาจได้เปรียบบในระยะสั้นแต่ไทยยังต้องเร่งเครื่องยนต์สีเขียวเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจรองรับการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มโอกาสตลาดในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะ SME ESG กับกลไกการส่งเสริมการเข้าถึงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในธุรกิจ ซึ่งมีเอสเอ็มอีเพียงร้อยละ 4 ที่นำความรู้พื้นฐานไปเชื่อมโยงผลลัพธ์ได้ และเอสเอ็มอีทราบ ESG แต่ไม่มีการปรับใช้ร้อยละ 75 ร้อยละ 25 ทราบและตระหนักรู้ ซึ่งร้อยละ 55 ขาดความรู้ความเข