โรม โวยลั่นถามกระทู้สด นายกฯไม่ว่าง มอบรมต.ก็ติดงาน ทั้งที่แจ้งล่วงหน้า ขู่งัดมาตรการเข้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5002641
“โรม” โวย รมต.ไม่มาตอบกระทู้ถามสด ”แก๊งคอลฯ-ค้ามนุษย์“ ขู่ ถ้าไม่มาอีกยื่นป.ป.ช. แน่ เหตุละเมิด กม.-ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ด้าน ”ประธานวิปฝ่ายค้าน“ ลั่น จากนี้เจอกัน 8 โมงเช้า ขณะที่ “มนพร” แจง “ประเสริฐ” ไม่มาตอบ เหตุติดภารกิจวันนี้ถึงวันเสาร์ แนะให้ถามใหม่ มาตอบแน่ ขณะที่ “ภราดร” กำชับ “ครม.” ให้ความสำคัญฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะคือการให้เกียรติปชช.
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 16 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นาย
ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถามนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯมอบหมายให้ นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แต่ นาย
ประเสริฐ ขอเลื่อนกระทู้ดังกล่าวออกไปก่อน ประธานในที่ประชุม จึงให้นาย
รังสิมันต์อภิปรายได้
นาย
รังสิมันต์ อภิปรายว่า เรื่องที่ตนตั้งใจจะถาม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญช่วงเวลาที่ผ่านมา คือเรื่องเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นปัญหาใหญ่กัดกินสังคมไทย และสังคมทั่วโลกมาเป็นเวลานาน และความเสียหายลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ประชาชนทั่วไป แต่พบว่าคนที่มีความสำคัญกับบ้านเมืองแม้กระทั่งนายกฯ ที่พูดเองว่าเกือบจะเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่า เรื่องนี้มีความสำคัญแน่นอนที่ประชาชนชาวไทยทุกคนควรจะได้รู้ ว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ถูกดูดออกไป แต่ยังรวมไปถึงปัญหาการค้ามนุษย์ ที่นับวันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างรุนแรง เช่น กรณีนักแสดงจีน ซิงซิง ก็เริ่มมีข่าวออกมาเป็นระยะว่ามีนักท่องเที่ยวยกเลิกเข้ามาในประเทศไทย ตนตั้งใจที่จะถามเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง
ซึ่งประธานวิปฝ่ายค้านได้ประสานล่วงหน้ากับวิปรัฐบาล เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ว่าเราจะมีการตั้งกระทู้ถามถึงนายกรัฐมนตรี และยังบอกถึงขนาดว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่สามารถมาตอบกระทู้นี้ได้ เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยมาตอบ ท่านสามารถมอบกระทรวงมหาดไทย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กระทรวงดีอีเอส หรือกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ ซึ่งกระทรวงเหล่านี้ก็เกี่ยวกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามชายแดนของประเทศไทย
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ปรากฏว่า เมื่อถึงวันนี้กลับไม่มีรัฐมนตรีคนไหนตอบ ท่านบอกว่าอาจจะเป็นเลื่อนตามข้อบังคับ 151 แต่ต้องไม่ลืมว่าข้อบังคับ 160 กำหนดว่ากระทู้ถามสดให้ถามได้โดยเวลารวมกัน 90 นาที หรือประมาณ 3 กระทู้ การเลื่อนนัยยะนี้เท่ากับว่า กระทู้ที่ตนได้ตั้ง ตกลงไป นั่นหมายความว่า สิทธิ์ของสมาชิกที่จะถามกระทู้ และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่มาตอบตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงตามข้อบังคับ สิทธินี้ไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป และจากสถิติฝ่ายค้านได้ถามกระทู้สดโดยยื่นไปแล้ว 20 กระทู้ ปรากฏว่ามีการมาตอบกระทู้นับตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเพียง 13 กระทู้ คิดเป็นแค่ประมาณ 65%
“
วันนี้เราอยู่ในยุคสมัยที่การตอบกระทู้ของสมาชิกถูกละเลยความสำคัญขนาดนี้เลยหรือ พวกเราบอกล่วงหน้าท่านตั้งแต่วันจันทร์ จะเอากระทรวงไหนมาตอบเรายินดี เราทำถึงขนาดนี้ จากเดิมกระทู้สด ที่โดยปกติท่านจะรู้ล่วงหน้าคือ 08.00 น. ของวันที่มีการถาม เราบอกล่วงหน้ากันขนาดนี้ ตอนนี้กระทู้สดแทบจะไม่สด ท่านก็ไม่มาตอบเรา” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า สำหรับตนพูดเรื่องนี้ด้วยความเหลืออด ตนได้หารือกับประธานวิปฝ่ายค้าน ว่า ต่อจากนี้ไปเราคงจะไม่บอกล่วงหน้ากันอีกแล้ว เพราะบอกล่วงหน้าไปสุดท้ายท่านก็ไม่ให้ความร่วมมือกับเราอยู่ดี ถ้าแบบนี้ เราจะใช้วิธีการตั้งตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว ที่เราไม่ได้มีการบอกล่วงหน้าว่า จะถามใคร พวกเรายังได้ความร่วมมือคิดว่า น่าจะมากกว่า ดังนั้น เราจะกลับไปใช้วิธีการแบบเดิมที่ปรากฏอยู่ในข้อบังคับการประชุมว่า 08.00 น. รู้กัน จะมาตอบหรือไม่ตอบก็ให้สังคมได้รู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับสภาฯแห่งนี้อย่างไร หรือท่านให้ความสำคัญกับประเด็นที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างไร
นาย
รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนถือว่าการที่ท่านไม่มาตอบ ไม่ได้เป็นการใช้สิทธิ์เลื่อนแบบทั่วไป เพราะเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องมาตอบ ถ้าท่านมีภารกิจที่สำคัญจริงๆ เราเคารพ แต่สถิติบอกว่าคือวิธีการที่ทำให้ฝ่ายค้านไม่ได้รับคำตอบ และไม่สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้เต็มที่ เราถือว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำเป็นเจตนาที่ไม่สุจริต ดังนั้น หลังจากวันนี้ตนจะนำเรื่องนี้ยื่นสู่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้รู้กันไปว่า ทุกครั้งที่เรายื่น และท่านไม่มาตอบเราจะยื่นเข้าสู่ป.ป.ช.ทุกครั้ง ตนไม่รู้ว่าผลของการที่ป.ป.ช. ดำเนินการจะเป็นอย่างไร แต่ตนถือว่า ท่านได้ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดข้อบังคับการประชุม ท่านไม่เคารพต่อสภาฯ และใช้วิธีการนี้ด้อยค่าฝ่ายค้าน
ด้าน นาย
ภราดร ชี้แจงว่า เรื่องนี้ประธานสภาฯมีดำริ และฝากรัฐมนตรีไปหลายรอบ รวมถึงฝากประธานวิปรัฐบาลไปให้ประสานงานกับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องของการให้ความสำคัญกับสภาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระกระทู้ ทั้งกระทู้ทั่วไป และกระทู้ถามสด วันนี้มีกระทู้ถามสดสามกระทู้ด้วยกัน รัฐมนตรีก็มาตอบถึง 2 กระทู้ และเท่าที่ตนอยู่สภาฯมาก็เห็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเห็นถึงการประสานงานของ ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกันที่พยายามที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน โดยการที่จะประสานงานก่อน
“
จริงๆทราบข่าวว่า ประสานงานกันตั้งแต่ช่วงวันจันทร์แล้ว ถือว่า เป็นเรื่องที่ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร จำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็ต้องฝาก นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มาเป็นตัวแทนครม. ขอฝากท่านกำชับ ครม.อีกครั้งว่า ในวาระของกระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป รบกวนรัฐมนตรี ช่วยมาตอบกระทู้ด้วย หากไม่ติดภารกิจที่สำคัญจริงๆ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสภาฯ เพราะนั่นคือการให้เกียรติพี่น้องประชาชนด้วย” นาย
ภราดร กล่าว
ด้าน นาง
มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะวิปครม. ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม ตนได้รับการประสานจากตัวแทนของวิปฝ่ายค้าน เรื่องประเด็นคำถามว่าจะเชิฐรัฐมนตรีท่านใดมาชี้แจงบ้าง แต่เนื่องจากกระทู้สดในวันนี้ถามถึงนายกฯ ซึ่งนายกกฯได้มอบให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ มาตอบแทน แต่เนื่องจากวันนี้ไปจนกระทั่งถึงวันที่ 18 มกราคมน นาย
ประเสริฐ ต้องเป็นประธานในการประชุมของดิจิทัล ภาคพื้นเอเชีย ซึ่งเดิมแจ้งว่าจะขยับเวลาได้หรือไม่ ปรากฎว่าขยับเวลาไม่ได้ เนื่องจากต้องนั่งเป็นประธาน จึงขอว่า คำถามของนาย
รังสิมันต์ ขอให้ไปถามอาทิตย์ถัดไป ซึ่งนาย
ประเสริฐจะมาตอบ
นาง
มนพร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเรื่องของนโยบายเกี่ยวกับคำถามที่นายรังสิมันต์ถาม ก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ เนื่องจากการบูรณาการกระทรวงต่างๆ นายกฯก็เร่งรัดเรื่องเหล่านี้ และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
จากนั้น นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนเป็นคนประสานงานในทุกสัปดาห์ ดังนั้น ในความเห็นของตนคิดว่า ความร่วมมือของครม.มีค่อนข้างน้อย และเมื่อเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ชุดนี้ให้ความร่วมมือน้อยกว่าทั้งที่มีการประสานล่วงหน้า ซึ่งตนเห็นใจวิปรัฐบาล เห็นใจนาง
มนพร ไม่อยากให้แรงกดดันไปอยู่กับประธานวิปรัฐบาล หรือนาง
มนพร ขอยืนยันตามที่นาย
รังสิมันต์บอกว่า หลังจากนี้จะไม่มีการประสานล่วงหน้า เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีแต่ละท่านโดยตรง ขออภัยประธานวิปรัฐบาล และนาง
มนพร ที่ผ่านมา ตนอาจจะทำให้ท่านได้รับแรงกดดันในการที่จะติดตามรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ หลังจากนี้ รู้กัน 8 โมงเช้า
ทำให้ นาย
รังสิมันต์ ลุกขึ้นอีกครั้งและกล่าวว่า ด้วยความเคารพต่อประธานและนาง
มนพร ตนเข้าใจว่า ท่านได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้วจริงๆ เรื่องที่ตนถาม ตนก็พยายามช่วย เพราะถามหลายกระทรวง ท่านจะหยิบกระทรวงไหนก็ได้ หากคิดว่า กระทรวงดีอีไม่ว่าง ก็สามารถจะมอบหมายไปยังกระทรวงอื่นที่อาจจะว่างได้ ตนก็พยายามทำตรงนี้แล้ว แต่ในเมื่อไม่มีคนมาตอบ ตนคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่เคยเกิดขึ้นในสมัยที่แล้ว กระทู้มีแค่ 3 กระทู้ และเป็นสิ่งเดียวที่ฝ่ายค้านมีในการตรวจสอบ ถ้าท่านยินดีที่จะเสียโควต้าของท่าน ตนก็ยินดีที่จะไปถามในรอบหน้า ที่ผ่านมาตนก็อนุมานไปเองว่าคงไม่มีใครยอมใคร เมื่อเป็นเช่นนี้ตนก็ต้องเสียสิทธิในการถาม แล้วจะให้ตนหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร การเลื่อนมันไม่ใช่การเลื่อน แต่เป็นการทำให้ตนถามต่อไปไม่ได้ สุดท้ายมันก็ต้องมีวาระอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน
“
หากหาทางออกร่วมกันตรงนี้ได้ โดยรัฐบาลให้โควต้าให้กับฝ่ายค้าน ผมก็ยินดี และขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมาย ที่ผมเห็นว่า การที่ท่านไม่มาตอบคำถาม ซึ่งเป็นหน้าที่ของท่านตามรัฐธรรมนูญ ผมถือว่า เป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริตและน่าจะเข้าข่ายการละเมิดกฎหมาย” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
ยื่นฟ้องแพ่ง กลาโหม เหตุรุมทำร้ายพลทหารในค่าย สุดโหด ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอ ถุงดำคลุมหัว
https://www.matichon.co.th/local/news_5002532
ทนายเจมส์ยื่นฟ้องแพ่ง ทบ. กลาโหม กรณี ก๊วนทหารรุมทำร้ายพลหทาร เผยพฤติการณ์สุดอมหิต พันผ้าขาวม้าผูกกับลูกกรงก่อนรุมซ้อมจนเช้า ไม่พอยังจับไปยืนตากแดดซ้ำ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นาย
นิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ในฐานะคณะอนุกรรมการคดีสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องในคดีที่ นาง
เรณู หมดราคี ในฐานะทายาทโดยชอบธรรมของ นาย
ยุทธกินันท์ บุญเนียม ผู้ตายเป็น โจทก์ฟ้อง กระทรวงกลาโหมและทหาร จำนวน 13 นาย เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 13 ในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหาย 4,131,00 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 60 พลทหาร
ภูวเดช ธนายุทธภูมิ จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกจำเลยซึ่งเป็นทหารรวม 11 นาย ได้ร่วมกันละเมิดต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ของพลทหารโดนทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยผู้ตายเป็นทหารกองประจำการรุ่นปี 2558 ผลัดที่ 1 กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 45 ได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ประจำทหารสารวัตร โดยผู้ตายถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม ดื้อดึง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงถูกส่งตัวกลับหน่วยต้นสังกัดเดิม พร้อมลงทัณฑ์ในข้อหากระทำผิดวินัยทหาร ถูกจำขังเป็นเวลา 15 วัน เมื่อถูกนำไปสั่งที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 15 มี ส.อ.
สุรเชษฐ์ พรหมาศ จำเลยที่ 12 เป็นผู้คุมเรือนจำ ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่าผู้ตายสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว แต่พบสารเสพติดในปัสสาวะ จึงนำตัวผู้ตายไปใส่เครื่องพันธนาการ (ตีตรวน) พร้อมรายงานให้ ร.ท.
ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ จำเลยที่ 13 โดยสั่งให้ผู้ตายออกกำลังท่าลุกหมอบจำนวน 300 ครั้งวันละ 3 เวลา ซึ่งเป็นการทำโทษผู้ต้องขังใหม่
JJNY : โรมขู่งัดมาตรการเข้ม│ยื่นฟ้องแพ่งกลาโหม│กมธ.พัฒนาการเมืองชวนจับตาเลือกตั้ง│อินโดนีเซียอพยพ ปชช. ภูเขาไฟอิบูปะทุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5002641
“โรม” โวย รมต.ไม่มาตอบกระทู้ถามสด ”แก๊งคอลฯ-ค้ามนุษย์“ ขู่ ถ้าไม่มาอีกยื่นป.ป.ช. แน่ เหตุละเมิด กม.-ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ด้าน ”ประธานวิปฝ่ายค้าน“ ลั่น จากนี้เจอกัน 8 โมงเช้า ขณะที่ “มนพร” แจง “ประเสริฐ” ไม่มาตอบ เหตุติดภารกิจวันนี้ถึงวันเสาร์ แนะให้ถามใหม่ มาตอบแน่ ขณะที่ “ภราดร” กำชับ “ครม.” ให้ความสำคัญฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะคือการให้เกียรติปชช.
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 16 มกราคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถามนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯมอบหมายให้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แต่ นายประเสริฐ ขอเลื่อนกระทู้ดังกล่าวออกไปก่อน ประธานในที่ประชุม จึงให้นายรังสิมันต์อภิปรายได้
นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า เรื่องที่ตนตั้งใจจะถาม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญช่วงเวลาที่ผ่านมา คือเรื่องเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นปัญหาใหญ่กัดกินสังคมไทย และสังคมทั่วโลกมาเป็นเวลานาน และความเสียหายลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ประชาชนทั่วไป แต่พบว่าคนที่มีความสำคัญกับบ้านเมืองแม้กระทั่งนายกฯ ที่พูดเองว่าเกือบจะเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่า เรื่องนี้มีความสำคัญแน่นอนที่ประชาชนชาวไทยทุกคนควรจะได้รู้ ว่าตกลงแล้วรัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ถูกดูดออกไป แต่ยังรวมไปถึงปัญหาการค้ามนุษย์ ที่นับวันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างรุนแรง เช่น กรณีนักแสดงจีน ซิงซิง ก็เริ่มมีข่าวออกมาเป็นระยะว่ามีนักท่องเที่ยวยกเลิกเข้ามาในประเทศไทย ตนตั้งใจที่จะถามเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง
ซึ่งประธานวิปฝ่ายค้านได้ประสานล่วงหน้ากับวิปรัฐบาล เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ว่าเราจะมีการตั้งกระทู้ถามถึงนายกรัฐมนตรี และยังบอกถึงขนาดว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่สามารถมาตอบกระทู้นี้ได้ เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยมาตอบ ท่านสามารถมอบกระทรวงมหาดไทย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กระทรวงดีอีเอส หรือกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ ซึ่งกระทรวงเหล่านี้ก็เกี่ยวกับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามชายแดนของประเทศไทย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปรากฏว่า เมื่อถึงวันนี้กลับไม่มีรัฐมนตรีคนไหนตอบ ท่านบอกว่าอาจจะเป็นเลื่อนตามข้อบังคับ 151 แต่ต้องไม่ลืมว่าข้อบังคับ 160 กำหนดว่ากระทู้ถามสดให้ถามได้โดยเวลารวมกัน 90 นาที หรือประมาณ 3 กระทู้ การเลื่อนนัยยะนี้เท่ากับว่า กระทู้ที่ตนได้ตั้ง ตกลงไป นั่นหมายความว่า สิทธิ์ของสมาชิกที่จะถามกระทู้ และเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่มาตอบตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงตามข้อบังคับ สิทธินี้ไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป และจากสถิติฝ่ายค้านได้ถามกระทู้สดโดยยื่นไปแล้ว 20 กระทู้ ปรากฏว่ามีการมาตอบกระทู้นับตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีเพียง 13 กระทู้ คิดเป็นแค่ประมาณ 65%
“วันนี้เราอยู่ในยุคสมัยที่การตอบกระทู้ของสมาชิกถูกละเลยความสำคัญขนาดนี้เลยหรือ พวกเราบอกล่วงหน้าท่านตั้งแต่วันจันทร์ จะเอากระทรวงไหนมาตอบเรายินดี เราทำถึงขนาดนี้ จากเดิมกระทู้สด ที่โดยปกติท่านจะรู้ล่วงหน้าคือ 08.00 น. ของวันที่มีการถาม เราบอกล่วงหน้ากันขนาดนี้ ตอนนี้กระทู้สดแทบจะไม่สด ท่านก็ไม่มาตอบเรา” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สำหรับตนพูดเรื่องนี้ด้วยความเหลืออด ตนได้หารือกับประธานวิปฝ่ายค้าน ว่า ต่อจากนี้ไปเราคงจะไม่บอกล่วงหน้ากันอีกแล้ว เพราะบอกล่วงหน้าไปสุดท้ายท่านก็ไม่ให้ความร่วมมือกับเราอยู่ดี ถ้าแบบนี้ เราจะใช้วิธีการตั้งตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว ที่เราไม่ได้มีการบอกล่วงหน้าว่า จะถามใคร พวกเรายังได้ความร่วมมือคิดว่า น่าจะมากกว่า ดังนั้น เราจะกลับไปใช้วิธีการแบบเดิมที่ปรากฏอยู่ในข้อบังคับการประชุมว่า 08.00 น. รู้กัน จะมาตอบหรือไม่ตอบก็ให้สังคมได้รู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับสภาฯแห่งนี้อย่างไร หรือท่านให้ความสำคัญกับประเด็นที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนถือว่าการที่ท่านไม่มาตอบ ไม่ได้เป็นการใช้สิทธิ์เลื่อนแบบทั่วไป เพราะเป็นหน้าที่ที่ท่านต้องมาตอบ ถ้าท่านมีภารกิจที่สำคัญจริงๆ เราเคารพ แต่สถิติบอกว่าคือวิธีการที่ทำให้ฝ่ายค้านไม่ได้รับคำตอบ และไม่สามารถใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญได้เต็มที่ เราถือว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำเป็นเจตนาที่ไม่สุจริต ดังนั้น หลังจากวันนี้ตนจะนำเรื่องนี้ยื่นสู่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้รู้กันไปว่า ทุกครั้งที่เรายื่น และท่านไม่มาตอบเราจะยื่นเข้าสู่ป.ป.ช.ทุกครั้ง ตนไม่รู้ว่าผลของการที่ป.ป.ช. ดำเนินการจะเป็นอย่างไร แต่ตนถือว่า ท่านได้ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดข้อบังคับการประชุม ท่านไม่เคารพต่อสภาฯ และใช้วิธีการนี้ด้อยค่าฝ่ายค้าน
ด้าน นายภราดร ชี้แจงว่า เรื่องนี้ประธานสภาฯมีดำริ และฝากรัฐมนตรีไปหลายรอบ รวมถึงฝากประธานวิปรัฐบาลไปให้ประสานงานกับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องของการให้ความสำคัญกับสภาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระกระทู้ ทั้งกระทู้ทั่วไป และกระทู้ถามสด วันนี้มีกระทู้ถามสดสามกระทู้ด้วยกัน รัฐมนตรีก็มาตอบถึง 2 กระทู้ และเท่าที่ตนอยู่สภาฯมาก็เห็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และเห็นถึงการประสานงานของ ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกันที่พยายามที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน โดยการที่จะประสานงานก่อน
“จริงๆทราบข่าวว่า ประสานงานกันตั้งแต่ช่วงวันจันทร์แล้ว ถือว่า เป็นเรื่องที่ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร จำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็ต้องฝาก นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มาเป็นตัวแทนครม. ขอฝากท่านกำชับ ครม.อีกครั้งว่า ในวาระของกระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป รบกวนรัฐมนตรี ช่วยมาตอบกระทู้ด้วย หากไม่ติดภารกิจที่สำคัญจริงๆ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสภาฯ เพราะนั่นคือการให้เกียรติพี่น้องประชาชนด้วย” นายภราดร กล่าว
ด้าน นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะวิปครม. ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม ตนได้รับการประสานจากตัวแทนของวิปฝ่ายค้าน เรื่องประเด็นคำถามว่าจะเชิฐรัฐมนตรีท่านใดมาชี้แจงบ้าง แต่เนื่องจากกระทู้สดในวันนี้ถามถึงนายกฯ ซึ่งนายกกฯได้มอบให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ มาตอบแทน แต่เนื่องจากวันนี้ไปจนกระทั่งถึงวันที่ 18 มกราคมน นายประเสริฐ ต้องเป็นประธานในการประชุมของดิจิทัล ภาคพื้นเอเชีย ซึ่งเดิมแจ้งว่าจะขยับเวลาได้หรือไม่ ปรากฎว่าขยับเวลาไม่ได้ เนื่องจากต้องนั่งเป็นประธาน จึงขอว่า คำถามของนายรังสิมันต์ ขอให้ไปถามอาทิตย์ถัดไป ซึ่งนายประเสริฐจะมาตอบ
นางมนพร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเรื่องของนโยบายเกี่ยวกับคำถามที่นายรังสิมันต์ถาม ก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ เนื่องจากการบูรณาการกระทรวงต่างๆ นายกฯก็เร่งรัดเรื่องเหล่านี้ และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
จากนั้น นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนเป็นคนประสานงานในทุกสัปดาห์ ดังนั้น ในความเห็นของตนคิดว่า ความร่วมมือของครม.มีค่อนข้างน้อย และเมื่อเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ชุดนี้ให้ความร่วมมือน้อยกว่าทั้งที่มีการประสานล่วงหน้า ซึ่งตนเห็นใจวิปรัฐบาล เห็นใจนางมนพร ไม่อยากให้แรงกดดันไปอยู่กับประธานวิปรัฐบาล หรือนางมนพร ขอยืนยันตามที่นายรังสิมันต์บอกว่า หลังจากนี้จะไม่มีการประสานล่วงหน้า เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีแต่ละท่านโดยตรง ขออภัยประธานวิปรัฐบาล และนางมนพร ที่ผ่านมา ตนอาจจะทำให้ท่านได้รับแรงกดดันในการที่จะติดตามรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ หลังจากนี้ รู้กัน 8 โมงเช้า
ทำให้ นายรังสิมันต์ ลุกขึ้นอีกครั้งและกล่าวว่า ด้วยความเคารพต่อประธานและนางมนพร ตนเข้าใจว่า ท่านได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้วจริงๆ เรื่องที่ตนถาม ตนก็พยายามช่วย เพราะถามหลายกระทรวง ท่านจะหยิบกระทรวงไหนก็ได้ หากคิดว่า กระทรวงดีอีไม่ว่าง ก็สามารถจะมอบหมายไปยังกระทรวงอื่นที่อาจจะว่างได้ ตนก็พยายามทำตรงนี้แล้ว แต่ในเมื่อไม่มีคนมาตอบ ตนคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่เคยเกิดขึ้นในสมัยที่แล้ว กระทู้มีแค่ 3 กระทู้ และเป็นสิ่งเดียวที่ฝ่ายค้านมีในการตรวจสอบ ถ้าท่านยินดีที่จะเสียโควต้าของท่าน ตนก็ยินดีที่จะไปถามในรอบหน้า ที่ผ่านมาตนก็อนุมานไปเองว่าคงไม่มีใครยอมใคร เมื่อเป็นเช่นนี้ตนก็ต้องเสียสิทธิในการถาม แล้วจะให้ตนหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร การเลื่อนมันไม่ใช่การเลื่อน แต่เป็นการทำให้ตนถามต่อไปไม่ได้ สุดท้ายมันก็ต้องมีวาระอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน
“หากหาทางออกร่วมกันตรงนี้ได้ โดยรัฐบาลให้โควต้าให้กับฝ่ายค้าน ผมก็ยินดี และขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมาย ที่ผมเห็นว่า การที่ท่านไม่มาตอบคำถาม ซึ่งเป็นหน้าที่ของท่านตามรัฐธรรมนูญ ผมถือว่า เป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริตและน่าจะเข้าข่ายการละเมิดกฎหมาย” นายรังสิมันต์ กล่าว
ยื่นฟ้องแพ่ง กลาโหม เหตุรุมทำร้ายพลทหารในค่าย สุดโหด ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอ ถุงดำคลุมหัว
https://www.matichon.co.th/local/news_5002532
ทนายเจมส์ยื่นฟ้องแพ่ง ทบ. กลาโหม กรณี ก๊วนทหารรุมทำร้ายพลหทาร เผยพฤติการณ์สุดอมหิต พันผ้าขาวม้าผูกกับลูกกรงก่อนรุมซ้อมจนเช้า ไม่พอยังจับไปยืนตากแดดซ้ำ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ในฐานะคณะอนุกรรมการคดีสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องในคดีที่ นางเรณู หมดราคี ในฐานะทายาทโดยชอบธรรมของ นายยุทธกินันท์ บุญเนียม ผู้ตายเป็น โจทก์ฟ้อง กระทรวงกลาโหมและทหาร จำนวน 13 นาย เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 13 ในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหาย 4,131,00 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 60 พลทหารภูวเดช ธนายุทธภูมิ จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกจำเลยซึ่งเป็นทหารรวม 11 นาย ได้ร่วมกันละเมิดต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ของพลทหารโดนทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยผู้ตายเป็นทหารกองประจำการรุ่นปี 2558 ผลัดที่ 1 กองร้อยมณฑลทหารบกที่ 45 ได้ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ประจำทหารสารวัตร โดยผู้ตายถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม ดื้อดึง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงถูกส่งตัวกลับหน่วยต้นสังกัดเดิม พร้อมลงทัณฑ์ในข้อหากระทำผิดวินัยทหาร ถูกจำขังเป็นเวลา 15 วัน เมื่อถูกนำไปสั่งที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 15 มี ส.อ.สุรเชษฐ์ พรหมาศ จำเลยที่ 12 เป็นผู้คุมเรือนจำ ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่าผู้ตายสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว แต่พบสารเสพติดในปัสสาวะ จึงนำตัวผู้ตายไปใส่เครื่องพันธนาการ (ตีตรวน) พร้อมรายงานให้ ร.ท.ฐิติกานต์ เวชสิทธิ์ จำเลยที่ 13 โดยสั่งให้ผู้ตายออกกำลังท่าลุกหมอบจำนวน 300 ครั้งวันละ 3 เวลา ซึ่งเป็นการทำโทษผู้ต้องขังใหม่