“โดนัลด์ ทรัมป์” อาจเยือนไทย เจรจาดึงนักลงทุนสหรัฐฯ สู่ Entertainment Complex
หลายคนคงทราบดีว่ารัฐบาลไทยได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรล่าสุด ซึ่งเปิดทางให้สามารถตั้งกาสิโนในประเทศไทยได้ โดยกำหนดให้สถานที่นี้รวมความบันเทิงหลากหลายประเภทไว้ในพื้นที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามกีฬา สวนสนุก ร้านอาหาร ไนต์คลับ และพื้นที่ส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นต้น โดยสถานบันเทิงเหล่านี้ต้องมีอย่างน้อย 4 ประเภท และอาจมีการเพิ่มกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากผู้นำในอุตสาหกรรมรีสอร์ทและกาสิโนระดับโลกจากต่างชาติ 6 รายหลัก ได้แก่
1. Las Vegas Sands
2. กลุ่ม Wynn Resorts
3. กลุ่ม Caesars Entertainment
4. กลุ่ม MGM China Holdings Limited
5. กลุ่ม Hard Rock Café
6. Melco Resorts & Entertainment ผู้ดำเนินการคาสิโนในมาเก๊า
มีรายงานข่าวจากสื่อมาเก๊าว่า Las Vegas Sands (LVS) ยืนยันว่า สนใจลงทุนคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ภายใต้โครงการสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex
การแข่งขันระหว่างประเทศในภูมิภาค
ข่าวลือที่สิงคโปร์จับตาใกล้ชิดระบุว่า สิงคโปร์กำลังซุ่มล็อบบี้ เพื่อไม่ให้บริษัทกาสิโนยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ อย่าง Las Vegas Sands ลงทุนในไทย เนื่องจากกังวลว่าโครงการ Entertainment Complex ของไทยอาจแย่งลูกค้าจาก Marina Bay Sands รีสอร์ทครบวงจรชื่อดังในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค
บทบาทของโดนัลด์ ทรัมป์ในโครงการนี้
หนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองในบริบทนี้คือ มิเรียม เอเดลสัน มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและเจ้าของ Las Vegas Sands ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรครีพับลิกันและมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้
“โดนัลด์ ทรัมป์” กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง มีความเป็นไปได้ว่า ทรัมป์อาจเดินทางเยือนไทยในฐานะตัวแทนเจรจาเพื่อผลักดันให้กลุ่มนักลงทุนอเมริกันเข้ามามีบทบาทในโครงการนี้
ทรัมป์มีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญในการเจรจาและสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ หากการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นโอกาสสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงสมการการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
การเยือนของ “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจไม่เพียงเกี่ยวข้องกับโครงการ Entertainment Complex อย่างเดียว แต่ยังเป็นการสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในมิติอื่นๆ เช่น การเจรจาทางการค้าและการสร้างข้อตกลงพิเศษ รัฐบาลไทยอาจได้ผลประโยชน์จากนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ผ่านการหารือข้อตกลงพิเศษต่างๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาที่สมดุล โดยหลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การเอาเปรียบ เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้
“โดนัลด์ ทรัมป์” อาจเยือนไทย เจรจาดึงนักลงทุนสหรัฐฯ สู่ Entertainment Complex
หลายคนคงทราบดีว่ารัฐบาลไทยได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรล่าสุด ซึ่งเปิดทางให้สามารถตั้งกาสิโนในประเทศไทยได้ โดยกำหนดให้สถานที่นี้รวมความบันเทิงหลากหลายประเภทไว้ในพื้นที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามกีฬา สวนสนุก ร้านอาหาร ไนต์คลับ และพื้นที่ส่งเสริมสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นต้น โดยสถานบันเทิงเหล่านี้ต้องมีอย่างน้อย 4 ประเภท และอาจมีการเพิ่มกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากผู้นำในอุตสาหกรรมรีสอร์ทและกาสิโนระดับโลกจากต่างชาติ 6 รายหลัก ได้แก่
1. Las Vegas Sands
2. กลุ่ม Wynn Resorts
3. กลุ่ม Caesars Entertainment
4. กลุ่ม MGM China Holdings Limited
5. กลุ่ม Hard Rock Café
6. Melco Resorts & Entertainment ผู้ดำเนินการคาสิโนในมาเก๊า
มีรายงานข่าวจากสื่อมาเก๊าว่า Las Vegas Sands (LVS) ยืนยันว่า สนใจลงทุนคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ภายใต้โครงการสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex
การแข่งขันระหว่างประเทศในภูมิภาค
ข่าวลือที่สิงคโปร์จับตาใกล้ชิดระบุว่า สิงคโปร์กำลังซุ่มล็อบบี้ เพื่อไม่ให้บริษัทกาสิโนยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ อย่าง Las Vegas Sands ลงทุนในไทย เนื่องจากกังวลว่าโครงการ Entertainment Complex ของไทยอาจแย่งลูกค้าจาก Marina Bay Sands รีสอร์ทครบวงจรชื่อดังในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค
บทบาทของโดนัลด์ ทรัมป์ในโครงการนี้
หนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองในบริบทนี้คือ มิเรียม เอเดลสัน มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและเจ้าของ Las Vegas Sands ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรครีพับลิกันและมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง มีความเป็นไปได้ว่า ทรัมป์อาจเดินทางเยือนไทยในฐานะตัวแทนเจรจาเพื่อผลักดันให้กลุ่มนักลงทุนอเมริกันเข้ามามีบทบาทในโครงการนี้
ทรัมป์มีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญในการเจรจาและสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ หากการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นโอกาสสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงสมการการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
การเยือนของ “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจไม่เพียงเกี่ยวข้องกับโครงการ Entertainment Complex อย่างเดียว แต่ยังเป็นการสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในมิติอื่นๆ เช่น การเจรจาทางการค้าและการสร้างข้อตกลงพิเศษ รัฐบาลไทยอาจได้ผลประโยชน์จากนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ผ่านการหารือข้อตกลงพิเศษต่างๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาที่สมดุล โดยหลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่การเอาเปรียบ เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้