ตามข่าวสนามบินอู่ตะเภาก็จะเปิดห้าง เปิดร้านค้ากันแล้วในอีกราวๆ 2 เดือนข้างหน้า เป็นศูนย์บันเทิงครบวงจร เช่น ศูนย์การค้าระดับโลก ศูนย์จัดนิทรรศการ mice ระดับโลก indoor arena สนามกีฬาในร่มและนอกร่ม ร้านอาหาร และอย่างอื่นอีกมากมาย ดูน่าไปท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยมาก เป็นอะไรที่แปลกใหม่ในไทย หรือไทยไม่เคยมี ซึ่งทางผู้ประกอบการนั้นมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่ทำกันในสนามบินมีศักยภาพพอสร้างมูลค่าการเงินตามเป้าหมายได้ ไม่ต้องรอรถไฟ 3 สนามบินของ cp เพราะตามความเป็นจริง พระเอกหลักของ eec ก็คือธุรกิจการค้าในตัว eec เอง ส่วนรถไฟ 3 สนามบินก็เป็นยานพาหนะที่ทำให้คนเดินทางมาจ่ายเงินให้ eec อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว
จับตา บันเทิงครบวงจร ลงอู่ตะเภา
https://youtu.be/gRvVnNyjOO8?si=KB1qfcfabBa47kl2
ถ้าการทำธุรกิจต่างๆใน eec ไม่มีความน่าสนใจ ดึงดูดผู้คนมาท่องเที่ยวไม่ได้ จะมีรถไฟความเร็วสูงที่สุดในโลกก็เท่านั้น จะเดินทางมาเพื่ออะไร ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ก็ไม่ใช่ถูกซะทีเดียว
การเดินทางมาอู่ตะเภาจากกรุงเทพ ก็ใช้เวลาไม่ได้นาน วิ่งจากสนามบินสุวรรณภูมิมาถึงอู่ตะเภาด้วยรถส่วนตัว ใช้เวลาราวๆไม่เกิน 1 ชั่วโมง 40 นาที ถ้านั่งรถไฟความเร็งสูงมาก็ใช้เวลาอยู่ 45 นาที ห่างกันไม่เกิน 1 ชั่วโมง ยังไงก็มีคนอีกเยอะที่รับกับเวลาเดินทางด้วยรถธรรมดาได้ ถ้ารถบัสโดยสารก็น่าจะซัก 2 ชั่วโมง 30 นาที อยู่บนรถก็นั่งดู youtube บ้าง ชมวิวข้างหน้าต่างบ้าง ไม่นานก็ถึงที่หมาย ค่าโดยสารรถตู้และรถบัสก็ถูกกว่ารถไฟความเร็วสูงอยู่พอสมควรด้วย
และธุรกิจหลักใน eec ก็ไม่ควรหวังแต่ลูกค้าที่มาจากแต่กรุงเทพ ควรมีลูกค้ามาเที่ยวได้จากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะมาด้วยรถอะไรก็ตาม จากภายในตัวระยองเอง ปราจีน สระแก้ว จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร ปทุมธานี หรือจะคนจังหวัดที่อยู่ไกลออกไปกว่านี้ แต่ถ้าเขามีความสนใจที่จะมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ก็ยินดีมาด้วยรถประเภทอื่นที่ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง
ถ้านโยบายทางเศรษฐกิจในเขต eec ดีจริง แต่ละพื้นที่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ธุรกิจที่ทำมีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดให้คนมาจับจ่ายใช้สอยได้จากทั่วสารทิศ จะเดินทางไปด้วยรถอะไร คนก็รู้สึกยินดีหมด ใครมาเที่ยวพัทยาก็มาเที่ยวศูนย์ฯบันเทิงครบวงจรของสนามบินอู่ตะเภาต่อได้ เหมือนในกรุงเทพที่มีเศรษฐกิจเฟื่องฟูมากตั้งแต่ยังไม่มีรถไฟฟ้า มีแค่รถเมล์กับแท็กซี่ แล้วพอมีรถไฟฟ้าตรงไหน ที่ดินแถวนั้นก็มีราคาเพิ่มขึ้นไปด้วย แล้วถึงจะมีรถไฟฟ้าในถนนเส้นนั้นๆแล้ว ก็ยังมีรถเมล์เหมือนเดิม รถเมล์ไม่ได้ถูกยกเลิก เพราะรถแต่ละประเภท ถึงจะมีอะไรเหมือนกันในบางเรื่อง แต่ก็มีรายละเอียดของความต้องการในการเดินทางที่แตกต่างกันในบางเรื่องด้วย เช่นว่า รถไฟจอดได้เฉพาะจุดไม่กี่จุดตามสถานีรถไฟ รถเมล์ก็จอดตามป้ายรถเมล์ จุดจอดให้คนลงตามรายทางกว่ารถไฟมาก ทีนี้ก็อยู่ที่ผู้โดยสารจะเลือกใช้บริการรถประเภทไหน ด้วยวัตถุประสงค์อะไร
วันนี้ การเดินทางไปอู่ตะเภามีแค่รถบัส แต่สุดท้ายแล้ว eec ก็ต้องมีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถบัส รถตู้ ที่สามารถเดินทางไปยังเป้าหมายทางอยู่ดี เหมือนในกรุงเทพที่มีรถหลากหลายประเภทให้เลือกในการเดินทาง แล้วตอนนี้รถไฟสายตะวันออกก็มาถึงอู่ตะเภาแล้ว ใช้เวลาเดินทางเร็วสุดก็ 2 ชั่วโมง 30 นาที ถ้ามีรถ shuttle bus วิ่งรับส่งจากสถานีรถไฟอู่ตะเภากับสนามบินอู่ตะเภา ก็จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ดีอีกทางนึง แต่ก็ต้องทำรถไฟทางคู่สายตะวันออกให้เสร็จสมบูรณ์ด้วย เพื่อการเดินทางที่เร็วและสมบูรณ์กว่านี้
จริงๆแล้ว สายสีแดงอ่อนที่วางแผนไว้ว่าจะสร้างตั้งแต่บางซื่อมาถึงฉะเชิงเทรา ก็สามารถขยายสายนี้มาให้ครอบคลุมเส้นทางใน eec ทั้งหมดก็ได้ เพราะสายสีแดงเข้มก็ยังมีแผนต่อขยายถึงอยุธยา สีแดงอ่อนที่ไปทางทิศใต้ก็มีแผนต่อขยายถึงนครปฐม
eec เป็นสุดยอดพื้นที่ทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่แล้ว สายตะวันออกเดิมก็ถึงอู่ตะเภาแล้ว แล้วก็มีแผนจะทำทางคู่ด้วย ก็ให้สายสีแดงอ่อนครอบคลุมพื้นที่ eec ไปเลย
ทางรถไฟระดับดินสายตะวันออกที่ต้องให้รถไฟวิ่งช้าๆคอยชะลอรถยนต์ที่วิ่งผ่านตรงจุดตัดทางรถไฟ ก็ทำทางใหม่ ไม่ให้รถทั้ง 2 ต้องหยุดต้องชะลอกัน จะทำเป็นสะพานให้รถยนต์ข้ามทางรถไฟ หรือทำสะพานให้รถไฟข้ามทางรถยนต์ หรืออุโมงค์รถไฟลอดใต้ทางรถยนต์ หรืออุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางรถไฟ ก็แล้วจะเลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ ขอให้รถยนต์ไม่ต้องหยุดรอ รถไฟวิ่งได้ฉิวก็ ok แล้ว
อย่างที่บอกในกระทู้ก่อนว่า ถ้าจะสร้างสายสีแดงอ่อนก็เริ่มต้นจากลาดกระบังมาที่ฉะเชิงเทราก่อน อย่าพึ่งสร้างจากบางซื่อมาหัวหมากที่ได้วางแผนไว้แต่แรก เพราะจะเป็นแข่งกันตัดรายได้ของรถไฟ 3 สนามบิน กับรถไฟสายสีแดงอ่อนในช่วงเส้นทางบางซื่อถึงลาดกระบัง อย่างเร็ว สร้างรถไฟ 3 สนามบินเสร็จ ค่อยมาสร้างสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อถึงหัวหมาก ให้รถไฟ 3 สนามบินกับรถไฟสายสีแดงอ่อนตอบโจทย์ลูกค้าคนละประเภท เลี่ยงการตัดรายได้กัน
ให้การเดินทางจากบางซื่อถึงฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-พัทยา ด้วยวิธีนั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์บางซื่อมาลงลาดกระบัง แล้วต่อสายสีแดงอ่อนจากลาดกระบังมาฉะเชิงเทรามาพัทยา
ให้มีรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งจอดสถานีเฉพาะจุดคล้าย eec วิ่งออกจากลาดกระบัง แล้วก็มาจอดอีกทีฉะเชิงเทรา จอดอีกทีก็ชลบุรี จอดอีกทีก็ศรีราชา จอดอีกทีก็พัทยา จอดอีกทีก็อยู่ตะเภา วิ่งห่างขบวนละ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
แล้วก็มีรถธรรมดาที่จอดทุกสถานีตามรายทางปกติ
รถไฟด่วนพิเศษที่เสนอนี้ เอาไว้เผื่อว่า ถ้ารถไฟ 3 สนามบินเสร็จช้า หรือยังไงก็ไม่เสร็จซักที ก็เอารถด่วนพิเศษมาวิ่งแทนไปพลางๆก่อน eec ก็จะเดินหน้าได้อีกขั้น แต่ถ้ารถไฟ 3 สนามบินเสร็จ ก็ค่อยยกเลิกรถไฟด่วนพิเศษสายสีแดงอ่อนซึ่งเส้นทางการวิ่งที่คล้ายคลึงรถไฟ 3 สนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งกันตัดรายได้ เหลือไว้แต่รถธรรมดาที่จอดทุกสถานี
ที่ต้องคิดอย่างนี้เผื่อไว้เพราะ ดูตัวอย่างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สร้างมา 7 ปีได้แค่ 38% ที่หวังว่ารถไฟความเร็วสูงจะเสร็จเร็วตามนัดหมาย ก็อาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ อาจช้ากว่าที่คิดมากก็ได้
อีกทางเลือกนึงในการเดินทางก็คือทางเรือ เรือข้ามฟากมาลงที่สัตหีบ ถ้าธุรกิจแจ๋วจริงก็น่าจะมีคนนั่งเรือข้ามฟากมาจากฝั่งทางใต้ตั้งแต่หัวหินลงไป นั่งเรือโดยสารมาลงที่สัตหีบแล้วต่อรถมาอีกนิดหน่อย ไม่เกิน 10 กิโล มาเพื่อบันเทิงต่อที่อู่ตะเภา
หรือจะทำเป็นทริปท่องเที่ยวพิเศษ ท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญพร้อมเที่ยวแหล่งรวมความบันเทิงอู่ตะเภา
ต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 2 เดือน ไทยก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นสุดยอดศูนย์บันเทิงครบวงจร ก็ดีเหมือนกันที่บ้านเราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆบ้าง เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตัวสนามบินจะเสร็จจริงก็ราวๆปี 70 ใช้บริการสนามบินได้เต็มที่ก็อีก 2 ปี ช่วงใกล้ๆนี้ ก็บันเทิง สนุนสนาน มีความสุขให้เต็มที่ กับแหล่งท่องเที่ยวใหม่กันไป
อีก 2 เดือนสนามบินอู่ตะเภาจะเปิดธุรกิจแล้ว ดูน่าสนใจมาก ไม่ต้องรอรถไฟ cp รถประเภทไหนก็เดินทางไปได้หมดล่ะ
จับตา บันเทิงครบวงจร ลงอู่ตะเภา
https://youtu.be/gRvVnNyjOO8?si=KB1qfcfabBa47kl2
ถ้าการทำธุรกิจต่างๆใน eec ไม่มีความน่าสนใจ ดึงดูดผู้คนมาท่องเที่ยวไม่ได้ จะมีรถไฟความเร็วสูงที่สุดในโลกก็เท่านั้น จะเดินทางมาเพื่ออะไร ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ก็ไม่ใช่ถูกซะทีเดียว
การเดินทางมาอู่ตะเภาจากกรุงเทพ ก็ใช้เวลาไม่ได้นาน วิ่งจากสนามบินสุวรรณภูมิมาถึงอู่ตะเภาด้วยรถส่วนตัว ใช้เวลาราวๆไม่เกิน 1 ชั่วโมง 40 นาที ถ้านั่งรถไฟความเร็งสูงมาก็ใช้เวลาอยู่ 45 นาที ห่างกันไม่เกิน 1 ชั่วโมง ยังไงก็มีคนอีกเยอะที่รับกับเวลาเดินทางด้วยรถธรรมดาได้ ถ้ารถบัสโดยสารก็น่าจะซัก 2 ชั่วโมง 30 นาที อยู่บนรถก็นั่งดู youtube บ้าง ชมวิวข้างหน้าต่างบ้าง ไม่นานก็ถึงที่หมาย ค่าโดยสารรถตู้และรถบัสก็ถูกกว่ารถไฟความเร็วสูงอยู่พอสมควรด้วย
และธุรกิจหลักใน eec ก็ไม่ควรหวังแต่ลูกค้าที่มาจากแต่กรุงเทพ ควรมีลูกค้ามาเที่ยวได้จากทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะมาด้วยรถอะไรก็ตาม จากภายในตัวระยองเอง ปราจีน สระแก้ว จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร ปทุมธานี หรือจะคนจังหวัดที่อยู่ไกลออกไปกว่านี้ แต่ถ้าเขามีความสนใจที่จะมาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย ก็ยินดีมาด้วยรถประเภทอื่นที่ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง
ถ้านโยบายทางเศรษฐกิจในเขต eec ดีจริง แต่ละพื้นที่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ธุรกิจที่ทำมีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดให้คนมาจับจ่ายใช้สอยได้จากทั่วสารทิศ จะเดินทางไปด้วยรถอะไร คนก็รู้สึกยินดีหมด ใครมาเที่ยวพัทยาก็มาเที่ยวศูนย์ฯบันเทิงครบวงจรของสนามบินอู่ตะเภาต่อได้ เหมือนในกรุงเทพที่มีเศรษฐกิจเฟื่องฟูมากตั้งแต่ยังไม่มีรถไฟฟ้า มีแค่รถเมล์กับแท็กซี่ แล้วพอมีรถไฟฟ้าตรงไหน ที่ดินแถวนั้นก็มีราคาเพิ่มขึ้นไปด้วย แล้วถึงจะมีรถไฟฟ้าในถนนเส้นนั้นๆแล้ว ก็ยังมีรถเมล์เหมือนเดิม รถเมล์ไม่ได้ถูกยกเลิก เพราะรถแต่ละประเภท ถึงจะมีอะไรเหมือนกันในบางเรื่อง แต่ก็มีรายละเอียดของความต้องการในการเดินทางที่แตกต่างกันในบางเรื่องด้วย เช่นว่า รถไฟจอดได้เฉพาะจุดไม่กี่จุดตามสถานีรถไฟ รถเมล์ก็จอดตามป้ายรถเมล์ จุดจอดให้คนลงตามรายทางกว่ารถไฟมาก ทีนี้ก็อยู่ที่ผู้โดยสารจะเลือกใช้บริการรถประเภทไหน ด้วยวัตถุประสงค์อะไร
วันนี้ การเดินทางไปอู่ตะเภามีแค่รถบัส แต่สุดท้ายแล้ว eec ก็ต้องมีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถบัส รถตู้ ที่สามารถเดินทางไปยังเป้าหมายทางอยู่ดี เหมือนในกรุงเทพที่มีรถหลากหลายประเภทให้เลือกในการเดินทาง แล้วตอนนี้รถไฟสายตะวันออกก็มาถึงอู่ตะเภาแล้ว ใช้เวลาเดินทางเร็วสุดก็ 2 ชั่วโมง 30 นาที ถ้ามีรถ shuttle bus วิ่งรับส่งจากสถานีรถไฟอู่ตะเภากับสนามบินอู่ตะเภา ก็จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ดีอีกทางนึง แต่ก็ต้องทำรถไฟทางคู่สายตะวันออกให้เสร็จสมบูรณ์ด้วย เพื่อการเดินทางที่เร็วและสมบูรณ์กว่านี้
จริงๆแล้ว สายสีแดงอ่อนที่วางแผนไว้ว่าจะสร้างตั้งแต่บางซื่อมาถึงฉะเชิงเทรา ก็สามารถขยายสายนี้มาให้ครอบคลุมเส้นทางใน eec ทั้งหมดก็ได้ เพราะสายสีแดงเข้มก็ยังมีแผนต่อขยายถึงอยุธยา สีแดงอ่อนที่ไปทางทิศใต้ก็มีแผนต่อขยายถึงนครปฐม
eec เป็นสุดยอดพื้นที่ทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่แล้ว สายตะวันออกเดิมก็ถึงอู่ตะเภาแล้ว แล้วก็มีแผนจะทำทางคู่ด้วย ก็ให้สายสีแดงอ่อนครอบคลุมพื้นที่ eec ไปเลย
ทางรถไฟระดับดินสายตะวันออกที่ต้องให้รถไฟวิ่งช้าๆคอยชะลอรถยนต์ที่วิ่งผ่านตรงจุดตัดทางรถไฟ ก็ทำทางใหม่ ไม่ให้รถทั้ง 2 ต้องหยุดต้องชะลอกัน จะทำเป็นสะพานให้รถยนต์ข้ามทางรถไฟ หรือทำสะพานให้รถไฟข้ามทางรถยนต์ หรืออุโมงค์รถไฟลอดใต้ทางรถยนต์ หรืออุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางรถไฟ ก็แล้วจะเลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ ขอให้รถยนต์ไม่ต้องหยุดรอ รถไฟวิ่งได้ฉิวก็ ok แล้ว
อย่างที่บอกในกระทู้ก่อนว่า ถ้าจะสร้างสายสีแดงอ่อนก็เริ่มต้นจากลาดกระบังมาที่ฉะเชิงเทราก่อน อย่าพึ่งสร้างจากบางซื่อมาหัวหมากที่ได้วางแผนไว้แต่แรก เพราะจะเป็นแข่งกันตัดรายได้ของรถไฟ 3 สนามบิน กับรถไฟสายสีแดงอ่อนในช่วงเส้นทางบางซื่อถึงลาดกระบัง อย่างเร็ว สร้างรถไฟ 3 สนามบินเสร็จ ค่อยมาสร้างสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อถึงหัวหมาก ให้รถไฟ 3 สนามบินกับรถไฟสายสีแดงอ่อนตอบโจทย์ลูกค้าคนละประเภท เลี่ยงการตัดรายได้กัน
ให้การเดินทางจากบางซื่อถึงฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-พัทยา ด้วยวิธีนั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์บางซื่อมาลงลาดกระบัง แล้วต่อสายสีแดงอ่อนจากลาดกระบังมาฉะเชิงเทรามาพัทยา
ให้มีรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งจอดสถานีเฉพาะจุดคล้าย eec วิ่งออกจากลาดกระบัง แล้วก็มาจอดอีกทีฉะเชิงเทรา จอดอีกทีก็ชลบุรี จอดอีกทีก็ศรีราชา จอดอีกทีก็พัทยา จอดอีกทีก็อยู่ตะเภา วิ่งห่างขบวนละ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
แล้วก็มีรถธรรมดาที่จอดทุกสถานีตามรายทางปกติ
รถไฟด่วนพิเศษที่เสนอนี้ เอาไว้เผื่อว่า ถ้ารถไฟ 3 สนามบินเสร็จช้า หรือยังไงก็ไม่เสร็จซักที ก็เอารถด่วนพิเศษมาวิ่งแทนไปพลางๆก่อน eec ก็จะเดินหน้าได้อีกขั้น แต่ถ้ารถไฟ 3 สนามบินเสร็จ ก็ค่อยยกเลิกรถไฟด่วนพิเศษสายสีแดงอ่อนซึ่งเส้นทางการวิ่งที่คล้ายคลึงรถไฟ 3 สนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งกันตัดรายได้ เหลือไว้แต่รถธรรมดาที่จอดทุกสถานี
ที่ต้องคิดอย่างนี้เผื่อไว้เพราะ ดูตัวอย่างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สร้างมา 7 ปีได้แค่ 38% ที่หวังว่ารถไฟความเร็วสูงจะเสร็จเร็วตามนัดหมาย ก็อาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ อาจช้ากว่าที่คิดมากก็ได้
อีกทางเลือกนึงในการเดินทางก็คือทางเรือ เรือข้ามฟากมาลงที่สัตหีบ ถ้าธุรกิจแจ๋วจริงก็น่าจะมีคนนั่งเรือข้ามฟากมาจากฝั่งทางใต้ตั้งแต่หัวหินลงไป นั่งเรือโดยสารมาลงที่สัตหีบแล้วต่อรถมาอีกนิดหน่อย ไม่เกิน 10 กิโล มาเพื่อบันเทิงต่อที่อู่ตะเภา
หรือจะทำเป็นทริปท่องเที่ยวพิเศษ ท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญพร้อมเที่ยวแหล่งรวมความบันเทิงอู่ตะเภา
ต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 2 เดือน ไทยก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นสุดยอดศูนย์บันเทิงครบวงจร ก็ดีเหมือนกันที่บ้านเราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆบ้าง เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตัวสนามบินจะเสร็จจริงก็ราวๆปี 70 ใช้บริการสนามบินได้เต็มที่ก็อีก 2 ปี ช่วงใกล้ๆนี้ ก็บันเทิง สนุนสนาน มีความสุขให้เต็มที่ กับแหล่งท่องเที่ยวใหม่กันไป