JJNY : 5in1 พิธาชวนคนใต้เข้าคูหา│พิธาปลุกชาวพังงา│ณัฐชาชวนชาวสงขลา│กมธ.-วุฒิสภา รุดเชียงราย│ฝ่ายค้านกัมพูชาโต้ บิ๊กต่าย

พิธา ชวนคนใต้เข้าคูหา ชี้นายกอบจ.คือแรงสำคัญ ทำใต้เป็นสวรรค์ของคนท้องที่ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5007274
  
 
พิธา ชวนคนใต้เข้าคูหา 1 ก.พ. นี้ ยก อบจ. เป็น ‘ครู-คลัง-ช่าง-หมอ’ ประจำท้องถิ่น บอกเอาเข้าจริง ภาคใต้เหมือนกันหลายอย่าง เป็น ‘สวรรค์ของนักท่องเที่ยว’ แต่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ชี้ ต้องพัฒนา ‘ป่า-เขา-นา-เล’ ให้ครบ เชื่อหากกระจายการท่องเที่ยวไปในหลายพื้นที่จะช่วยลดปัญหา ‘Overtourism’ ได้
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ. ในภาคใต้หาเสียง ว่า มีความคึกคักดี เมื่อวานตนอยู่สุราษฎร์ธานี วันนี้มาพังงา และจะไปจบที่ภูเก็ต ทั้ง 3 พื้นที่เป็นจังหวัดที่เราได้คะแนนบัญชีรายชื่อมาเป็นอันดับ 1 สมัยการเลือกตั้งปี 2566 จังหวัดพังงาถึงแม้ยังไม่มี ส.ส.เขต แต่ก็เคยมีพ่อแม่พี่น้องให้ความไว้วางใจ แต่มาคราวนี้เป็นเลือกตั้งท้องถิ่นก็อาจจะแตกต่สงสักเล็กน้อย คนมาใช้สิทธิ์ก็น่าจะน้อยกว่า แต่เราก็จะพยายามหาช่วยกระตุ้นให้คนใช้สิทธิ์ออกมาเยอะๆ เพราะเหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์สุดท้าย
 
ก็จะพยายามเน้นให้คนรู้ถึงความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น การเมืองท้องถิ่นคือครู คลัง ช่าง หมอ ครูคือการศึกษา คลังคือหาเงิน ช่างคือซ่อมถนน ไฟฟ้า ซ่อมน้ำประปา หมอคือหน่วยงาน รพ.สต. ก็อยากจะเชิญชวนว่าคนที่มีงบประมาณ อยู่ใกล้ชิดประชาชน เลือกได้และไม่ได้ใน 4 ปีนี้คือ อบจ.ประชาชนอาจจะรู้สึกว่าไม่สำคัญเท่าการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ต้องกระตุ้นให้มาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวต่อว่า ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน แต่ก็มีความเหมือนกันนะเอาเข้าจริงๆ หลายพื้นที่มีศักยภาพที่คล้ายกัน อย่างสุราษฎร์ธานีที่เป็นเกาะ พังงาและภูเก็ตที่เป็นท่องเที่ยว มีประเด็นคล้ายกันคือเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่พี่น้องประชาชนคนพังงา คนภูเก็ต คนสุราษฎร์ธานี อาจจะไม่ได้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ต้องรับปัญหาจาก Overtourism หรือการท่องเที่ยวที่มากเกินไป จึงเกิดปัญหา เช่น การบริหารจัดการขยะ เมื่อวานนี้สุราษฎร์ธานีก็ค้างอยู่ 400,000 ตัน ตนเข้าใจว่าพังงา ภูเก็ตและอีกหลายที่ก็คล้ายกัน เพราะฉะนั้นเราจะเน้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม การศึกษา เศรษฐกิจ และความโปร่งใส ซึ่งเราต้องให้เกียรติคนในพื้นที่ เราเห็นคล้ายกันว่าการท่องเที่ยวหลังโควิดเป็นอย่างไรบ้าง จะต้องทำอย่างไรให้ไม่กระจุกตัว ทำให้กระจายตัวออกมาเยอะๆ ไปในหลายพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของนายก อบจ. ที่จะวางเส้นทางในการเดินทางให้คนมาเที่ยวเมืองไทยเราอยู่ได้มากขึ้น กระจายออกมาให้ได้มากขึ้น และอีกฝั่งนึงก็คือเรื่องคมนาคม หากไม่มีรถ ลงเครื่องบินมาก็กระจุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่ รายได้การท่องเที่ยวก็เยอะ แต่ต้นทุนของการท่องเที่ยวไปก็ตามมา พื้นที่ที่มีศักยภาพไม่ใช่แค่เรื่องทะเลอย่างเดียว “ป่า เขา นา เล” พวกนี้ต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อให้การท่องเที่ยวกระจายตัวด้วย
 


พิธา ปลุกชาวพังงา เลือกนายกอบจ. โต้คนมอง พรรคประชาชน ชนะยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5007483

‘พิธา’ เผยมีคนบอกมองจาก ‘ดาวอังคาร’ ยังรู้ พรรคประชาชนชนะ อบจ.ยาก โต้แต่ก็ไม่เสมอไป ชวนชาวพังงาไปใช้สิทธิให้เยอะ ลั่น จะชนะ-แพ้ไม่ได้อยู่กับผม แต่อยู่ที่ทุกคน ระบุ ถ้าไม่สนใจ-เอือมระอาการเมืองแล้ว มันก็แพ้ แค่นั้นเอง ปลุก แม้ไม่เชื่อใน ‘พิธา’ แต่ขอให้เชื่อในตัวเอง
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ศูนย์อาหารคุณลิ้นจี่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน พบปะผู้สนับสนุนและร่วมปราศรัยย่อยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.พังงาหาเสียง

โดยนายพิธากล่าวช่วงหนึ่งว่า อยากทำให้พังงาเป็นเมืองที่น่าอยู่ ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยว แต่ต้องการสร้างบ้านเมืองให้กับคนพังงาให้มีโอกาสใช้ชีวิตในระดับที่เท่าเทียมกัน เท่าทันโลก เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่
 
เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วนะครับแม่ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะบอกว่า อู๊ย ลูกที่กรุงเทพฯชอบเหลือเกิน แต่เดี๋ยวนี้คุณพ่อคุณแม่อยู่ที่บ้านชอบถ่ายรูป ส่งรูปไปให้กันด้วย เพราะเราไม่ใช่ตัวแทนของคนรุ่นใหม่อย่างเดียว แต่เราเป็นพรรคของคนรุ่นใหญ่ด้วย” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวว่า หลายท่านบอกว่าดูจากดาวอังคารยังเห็นเลยว่ายาก แต่ก็ไม่เสมอไป ครั้งนี้มันมี 3 เบอร์ มันก็มีโอกาสที่จะออกมา 30 : 30 : 40 ก็ได้ แล้วอย่าลืมว่าปี 2566 คะแนนบัญชีรายชื่อ ตนมาเป็นอันดับ 1 กว่า 47,000 คะแนน แม้จะไม่ได้ ส.ส.เขต เพราะฉะนั้นตนยังเชื่อว่าเป็นไปได้ พร้อมเชิญชวนให้พ่อแม่พี่น้องชาวพังงาไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ
 
ทำได้อย่างปี 2566 แบบที่เคยเชื่อพรรคก้าวไกล เหมือนที่เคยเชื่อผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และขอให้พี่น้องทำได้เหมือนปี 2566 ถ้าเป็นอย่างงั้นนายก อบจ.คนต่อไปชื่อนายกส้มโอแน่นอนครับ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าพี่น้องบอกว่าเลือกตั้ง อบจ. ไม่ได้สำคัญอะไร เลือกตั้งระดับชาติมันตื่นเต้น อยากจะไป สนามนี้มันยาก และต้องเดินทางต้องปิดร้านขายข้าวแกง ปิดร้านขายของหวาน แล้วหาเวลาไปไม่ได้ คูหาเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นครับ ถ้าเข้าไปแล้ว พี่น้องพ่อค้าแม่ขายวางแผนกันตั้งแต่วันพฤหัสบดี วันศุกร์ บอกเลยว่าตื่นแต่เช้าจะไปกาพรรคประชาชน เดี๋ยวลองสลับเวรกัน เธอทำเดี๋ยวฉันไปโหวต เดี๋ยวฉันไปโหวตแล้วเธอค่อยกลับมาขาย มันก็เป็นไปได้” นายพิธากล่าว
 
นายพิธาระบุว่า หากพี่น้องบอกว่าการเมืองน่าเบื่อ ไม่น่าสนใจ เอือมระอาแล้ว ใครได้ก็ได้ไป ก็จะแพ้ง่ายแค่นั้นเอง
 
จะชนะจะแพ้ไม่ได้อยู่กับผม ไม่ได้อยู่กับพี่ติ่ง (นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค) อยู่กับพี่น้องประชาชนชาวพังงาทุกคน และถึงแม้ว่าเราเจอกันครั้งแรก ท่านอาจจะบอกว่ายังไม่เชื่อพิธา ยังไม่ได้เชื่อพี่ส้มโอ ยังไม่ได้เชื่อเลขาพรรค แต่ขอให้ท่านเชื่อในพลังของตัวท่านเองว่าเมื่อท่านรวมตัวกันเมื่อไหร่ มีพลังมากพอเมื่อไหร่ มาใช้สิทธิ์กันเยอะๆ เมื่อไหร่ เจตจำนงของประชาชนเด่นชัดขึ้นมาเมื่อไหร่ พังงาเปลี่ยนได้แน่นอน” นายพิธากล่าว



ณัฐชา ชวนชาวสงขลา ลงทุนกับ ปชน. เปลี่ยนงบ อบจ. 1.5 พันล้าน เป็นคุณภาพชีวิตดีๆ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9596487

“ณัฐชา” ชวนชาวสงขลา ลงทุนกับพรรคประชาชน เปลี่ยนงบ อบจ. 1,500 ล้าน เป็นคุณภาพชีวิตดีๆ ที่ทำได้จริง ลั่น เลือกพวกเก่าก็อยู่แบบเดิม
 
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2568 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) 
ปราศรัยช่วย นายนิรันดร์ จินดานาค ผู้สมัครจากพรรคประชาชน หาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) สงขลา ว่า การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมีความสำคัญมาก เพราะใกล้ตัวที่สุดในการดูแลพี่น้องประชาชน
 
ไม่ว่าถนนหนทาง น้ำไหลไฟสว่าง ความปลอดภัย รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งการเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.นี้ คือ การเลือก นายก อบจ. และ ส.อบจ. พรรคประชาชนได้ส่ง นายนิรันดร์ เบอร์ 2 และทีม ส.อบจ. เป็นตัวแทนในการนำนโยบายของพรรคไปขับเคลื่อน
 
นายณัฐชา กล่าวว่า จ.สงขลา มีงบประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี หากย้อนไป 10 ปีก่อน เวลาหาเสียงเขามักบอกกันว่า น้ำไหล ไฟสว่าง แค่นั้นพอ แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าไม่พอแล้ว เพราะเปิดน้ำมายังไม่พอแปรงฟัน เห็นสีน้ำออกมา ตนยังไม่กล้าล้างหน้า นี่คือคุณภาพน้ำตอนนี้
 
เราอาจยังไม่ต้องถึงขั้นกินได้ก็ได้ แต่เอาให้ใสสะอาดก่อนทำได้ไหม ตอนหาเสียงบอกได้ แต่พอเข้าไปแล้วบอกงบไม่มี อ้างว่าเอาไปสร้างถนนก่อน สร้างโน่นสร้างนี่ก่อน ที่จริงคือพี่คนนั้นพี่คนนี้ขอมา แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ดูแลคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน
 
เราจึงบอกว่างบประมาณทุกบาททุกสตางค์ ถ้าได้ใช้ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนจะสามารถแก้ปัญหาได้ ตื่นเช้ามามีน้ำสะอาด มีการเดินทางที่สะดวก ไม่ต้องลำบากไปหาเงินทองมาซื้อรถ เพราะขนส่งสาธารณะเข้าไม่ถึง
 
โรงเรียนในสังกัดอบจ. วันนี้ดีอยู่แล้ว ก็ต้องทำให้ดีขึ้น มีหลักสูตรที่ปรับให้สอดคล้องกับโลกที่หมุนอยู่ทุกวินาที มีความปลอดภัย เข้าถึงเทคโนโลยี เรื่องรายได้อาจเท่าเดิม แต่ถ้าค่าครองชีพลดลงได้ก็จะมีเงินเหลือเก็บ
 
เจ็บป่วยใกล้หมอ คือ ไปแล้วได้เจอหมอ มียาจ่ายให้ ไม่ใช่ไปไหนเจอแต่ปลาหมอคางดำ แบบนั้นไม่เอา สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้ ไม่ใช่บอกงบไม่พอ รอไปก่อน รองบปีหน้า อยู่ระหว่างการพิจารณา รอแล้วรอเล่าจนหมดวาระ ขอโอกาสเข้าไปใหม่แล้วจะทำวนเวียนไปเรื่อยๆ แบบนี้” นายณัฐชา กล่าว
 
นายณัฐชา กล่าวว่า หากเราเปลี่ยนนิดเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะไปสู่สิ่งที่เราต้องการได้ภายใต้งบประมาณของ อบจ. โดยมี ส.อบจ.เข้าไปช่วย เข้าไปแก้ เข้าไปจัดการ เรามีทีมงานพรรคประชาชนไปช่วยกันทำ ไปช่วยกันแบ่งเบาภาระ ไม่ใช่ไปช่วยกันแบ่งเค้ก
 
อยากให้พี่น้องประชาชนดูแผ่นพับนโยบายของพรรคแล้วลองจินตนาการดูว่า ถ้าสิ่งที่เขียนไว้เหล่านี้เกิดขึ้นจริงจะมีอะไรในชีวิตเปลี่ยนไปบ้าง สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของเราได้หรือไม่ สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของลูกหลานเราได้หรือไม่ ถ้าทำได้ง่ายนิดเดียว วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ มาลงทุน ร่วมหุ้นไปด้วยกัน ด้วยการออกไปคูหาเลือก นายก อบจ. และ ส.อบจ.จากพรรคประชาชน
 
นายณัฐชา กล่าวว่า สิ่งที่เราจะลงทุนร่วมกัน คือ การเปลี่ยนแปลงอนาคต ลงทุนน้อยที่สุด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตตัวเองได้มากที่สุด ที่สำคัญคือการลงทุนครั้งนี้ เราเลือกคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง ต่อคิวขึ้นรถสองแถวแบบนายนิรันดร์ไปทำงาน เพราะเป็นคนที่รู้จักความเดือดร้อนเจ็บปวดแสนสาหัสของพี่น้องประชาชน
 
เราไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไม่ได้เรียกผู้รับเหมา เรียกเครือข่ายพวกพ้องไปปิดห้องคุย เอางบ 1,500 ล้านบาทไปแบ่งกัน คุณเอาถนน คุณเอาตึก คุณเอาอบรมสัมนา พวกเราทั้งหมดในที่นี้เป็นเจ้าของงบประมาณ จะยอมให้เขาไปปิดห้องคุยกันได้อย่างไร เราคือเจ้าของอำนาจ เราคือหุ้นส่วนที่แท้จริง
 
ดังนั้น เวลามองป้ายหาเสียงต้องมองให้ทะลุไปถึงข้างหลังว่า มีใครยืนอยู่บ้าง เราไม่ยอมอีกต่อไปที่จะให้ใครจับมือลงขันกัน ปกติเห็นรบกันจัง พอมีเลือกตั้งรักสามัคคีกัน เพราะมันแบ่งกันลงตัวแล้ว
 
บัตรเลือกตั้งมีแผ่นเดียว แต่ข้างหลังมีนายทุน ผู้รับเหมา ลูกหลานนักการเมือง ต่อคิวยาวเป็นหางว่าว แต่ของเรามีแต่ประชาชนเป็นเจ้าของงบประมาณที่แท้จริงที่จะมาเปลี่ยนแปลง จ.สงขลา ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
 
เลือกพวกเดิมก็อยู่แบบเก่า เลือกพวกเก่าก็อยู่แบบเดิม เราจะจับมือกับประชาชนและไม่ทนกับการบอกว่าไม่มีงบช่วยเหลือประชาชน ไม่มีงบเพื่อความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอีกต่อไป” นายณัฐชากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่