สภาวะฌาน 4
เมื่อประคองเอกัคตาจิต เอกัคตารมณ์อยู่อย่างนี้ จิตจะเริ่มวางอุเบกขาในกาย คือ ไม่รับรู้แล้วว่ากายเสพทุกขเวทนา ถ้าประคองจิตต่อไปอีก จิตจะวางอุเบกขาในกายสิ้นเชิง ตรงนี้เรียกว่า จตุถฌาน (ฌาน 4) คือ ไม่รับรู้แล้วว่าโลกนี้มีกายอยู่หรือไม่ จะเรียกว่ากายหายไปก็ไม่ผิด
เมื่อดำเนินจิตมาถึงตอนนี้ บางคนจะเห็นโลกนี้ราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำ ไม่มีทะเล มีแต่อากาศที่เวิ้งว้าง กับหน้ากลองที่ราบเรียบและเห็นนิมิตรจิตวางอยู่บนหน้ากลองที่ราบเรียบอีกที เห็นแค่ 3 สิ่งเท่านั้น คือ อากาศที่เวิ้งว้าง หน้ากลองที่ราบเรียบ และเห็นเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่งวางอยู่บนหน้ากลอง สภาพจิตแบบนี้ไม่ได้เป็นกันทุกคน บางคนเห็นเพียงกายหายไป จิตสงบนิ่งมีอารมณ์เดียว มีความผ่องใสเหมือนจิตสว่างเท่านั้น
ถ้าจะเจริญอรูปฌานต่อไปก็กำหนดอากาศที่เวิ้งว้างนั้นเป็นอารมณ์แต่ถ้าจะถอนจิตออกมาเพียงนึกคิด จิตก็จะเริ่มถอนตัวเองออกมา ขณะที่จิตเริ่มถอนตัว มีอาการเหมือนกัน คือ เหมือนการดึงหมากฝรั่งหรือยางวงแน่นติดกับพื้นจะวูบวาบขึ้นลงอยู่สองสามครั้ง ก็จะถอยกลับมารับรู้อารมณ์ภายนอกตามปกติ
https://www.facebook.com/share/v/15c4cZLdMF/?mibextid=wwXIfr
สภาวะฌาน 4
เมื่อประคองเอกัคตาจิต เอกัคตารมณ์อยู่อย่างนี้ จิตจะเริ่มวางอุเบกขาในกาย คือ ไม่รับรู้แล้วว่ากายเสพทุกขเวทนา ถ้าประคองจิตต่อไปอีก จิตจะวางอุเบกขาในกายสิ้นเชิง ตรงนี้เรียกว่า จตุถฌาน (ฌาน 4) คือ ไม่รับรู้แล้วว่าโลกนี้มีกายอยู่หรือไม่ จะเรียกว่ากายหายไปก็ไม่ผิด
เมื่อดำเนินจิตมาถึงตอนนี้ บางคนจะเห็นโลกนี้ราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำ ไม่มีทะเล มีแต่อากาศที่เวิ้งว้าง กับหน้ากลองที่ราบเรียบและเห็นนิมิตรจิตวางอยู่บนหน้ากลองที่ราบเรียบอีกที เห็นแค่ 3 สิ่งเท่านั้น คือ อากาศที่เวิ้งว้าง หน้ากลองที่ราบเรียบ และเห็นเหมือนวัตถุชิ้นหนึ่งวางอยู่บนหน้ากลอง สภาพจิตแบบนี้ไม่ได้เป็นกันทุกคน บางคนเห็นเพียงกายหายไป จิตสงบนิ่งมีอารมณ์เดียว มีความผ่องใสเหมือนจิตสว่างเท่านั้น
ถ้าจะเจริญอรูปฌานต่อไปก็กำหนดอากาศที่เวิ้งว้างนั้นเป็นอารมณ์แต่ถ้าจะถอนจิตออกมาเพียงนึกคิด จิตก็จะเริ่มถอนตัวเองออกมา ขณะที่จิตเริ่มถอนตัว มีอาการเหมือนกัน คือ เหมือนการดึงหมากฝรั่งหรือยางวงแน่นติดกับพื้นจะวูบวาบขึ้นลงอยู่สองสามครั้ง ก็จะถอยกลับมารับรู้อารมณ์ภายนอกตามปกติ
https://www.facebook.com/share/v/15c4cZLdMF/?mibextid=wwXIfr