“อวิชชาสูตร”
[๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า...
ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว
อวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา?”ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕”
แม้นิวรณ์ ๕
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓
แม้ทุจริต ๓
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓
ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์
แม้การไม่สำรวมอินทรีย์
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์
ควรกล่าวว่า ความไม่มี...สติสัมปชัญญะ
แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะ
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ?” ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย”
แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย
เราก็กล่าวว่า มีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจ
โดยไม่แยบคาย?”ควรกล่าวว่าความไม่มีศรัทธา”
แม้ความไม่มีศรัทธา
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา?
ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม”
แม้การไม่ฟังสัทธรรม
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม?
ควรกล่าวว่า...การไม่คบสัปบุรุษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้
การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์
ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์
ย่อมยังความ ไม่มี...ศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์
ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์
ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์
ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์
ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้...
มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือน เมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา
เมื่อฝนตกหนักๆ อยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม
ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม
ซอกเขา ลำธาร และห้วยที่เต็ม
ย่อม ยังหนองให้เต็ม
หนองที่เต็ม
ย่อมยังบึงให้เต็ม
บึงที่เต็ม
ย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม
แม่น้ำน้อยที่เต็ม
ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม
แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม
ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็ม
มหาสมุทรสาครนั้น...
มีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์...นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์
อวิชชานี้ มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้
ฉันนั้น เหมือนกันแล ฯ
ThanksCr. ที่มาพระสูตร :
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=2712&Z=2781
พระไตรปิฏกสอนเรื่อง อวิชา แบบนี้ถูกเปล่า
[๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า...
ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว
อวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา?”ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕”
แม้นิวรณ์ ๕
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓
แม้ทุจริต ๓
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของทุจริต ๓
ควรกล่าวว่า การไม่สำรวมอินทรีย์
แม้การไม่สำรวมอินทรีย์
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารแห่งการไม่สำรวมอินทรีย์
ควรกล่าวว่า ความไม่มี...สติสัมปชัญญะ
แม้ความไม่มีสติสัมปชัญญะ
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีสติสัมปชัญญะ?” ควรกล่าวว่า การกระทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย”
แม้การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคาย
เราก็กล่าวว่า มีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของการทำไว้ในใจ
โดยไม่แยบคาย?”ควรกล่าวว่าความไม่มีศรัทธา”
แม้ความไม่มีศรัทธา
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของความไม่มีศรัทธา?
ควรกล่าวว่า การไม่ฟังสัทธรรม”
แม้การไม่ฟังสัทธรรม
เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร
ก็อะไรเป็นอาหารของการไม่ฟังสัทธรรม?
ควรกล่าวว่า...การไม่คบสัปบุรุษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้
การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์
ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์
ย่อมยังความ ไม่มี...ศรัทธาให้บริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์
ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์
ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์
ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์
ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
ทุจริต ๓ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังนิวรณ์ ๕ ให้บริบูรณ์
นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังอวิชชาให้บริบูรณ์
อวิชชานี้...
มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือน เมื่อฝนเม็ดหยาบตกลงเบื้องบนภูเขา
เมื่อฝนตกหนักๆ อยู่ น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม
ย่อมยังซอกเขา ลำธารและห้วยให้เต็ม
ซอกเขา ลำธาร และห้วยที่เต็ม
ย่อม ยังหนองให้เต็ม
หนองที่เต็ม
ย่อมยังบึงให้เต็ม
บึงที่เต็ม
ย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม
แม่น้ำน้อยที่เต็ม
ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม
แม่น้ำใหญ่ที่เต็ม
ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็ม
มหาสมุทรสาครนั้น...
มีอาหารอย่างนี้ และเต็มเปี่ยมอย่างนี้ แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การไม่คบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์...นิวรณ์ ๕ ที่บริบูรณ์
ย่อมยังอวิชชา ให้บริบูรณ์
อวิชชานี้ มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้
ฉันนั้น เหมือนกันแล ฯ
ThanksCr. ที่มาพระสูตร : https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=2712&Z=2781