JJNY : 5in1 พิษทองแพง ฉุดกำลังซื้อซึม│อสังหาฯ ลำบาก│ปชน.เตรียมแก้รายมาตรา│ทสท.ห่วงกม.สถานบันเทิง│รัสเซียขอประเมินข้อตกลง

ร้านทองตู้แดงเริ่มปิดตัว พิษทองแพง ฉุดกำลังซื้อซึม ผู้ค้าทองคำ คาด ‘ตรุษจีน’ ซื้อขายไม่คึกคักเหมือนเคย
https://www.matichon.co.th/economy/news_5004667
 
 
ร้านทองตู้แดงเริ่มปิดตัว พิษทองแพง ฉุดกำลังซื้อซึม ผู้ค้าทองคำ คาด ’ตรุษจีน’ ซื้อขายไม่คึกคักเหมือนเคย
 
เมื่อวันที่ 17 มกราคม นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ผลจากการที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาทองโลก ส่งผลให้กำลังซื้อในภาพรวมของปี 2567 ปรับตัวลดลงประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2566 ส่วนปี 2568 ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากราคายังคงผันผวนตามสถานการณ์โลก รวมถึงการมาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนใหม่ที่จะมีการประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการวันที่ 20 มกราคมนี้ โดยมีแนวโน้มที่นโยบายจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จากการขึ้นภาษี ส่งผลต่อราคาสินค้า เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งราคาทองคำน่าจะมีการปรับขึ้นเช่นกัน อาจจะได้เห็นแตะ 3,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยคาดว่าไตรมาส 2 ปี 2568 นี้ อาจจะได้เห็นราคาทองคำแตะที่ 45,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเมื่อราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้น มีผลต่อการซื้อขายทองคำในประเทศไทยไม่สดใส
 
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาการซื้อขายทองคำดีขึ้นเล็กน้อย เพราะช่วงนั้นราคาถูกลง แต่ตอนนี้กลับมาแพงขึ้นอีกกว่า 1,000 บาทแล้ว ทำให้กำลังซื้อเริ่มชะลอตัวลงไปอีก คาดว่าจะยาวถึงตรุษจีน เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนประหยัดมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อซึมๆ จากเมื่อก่อนคนจะซื้อเพื่อแจกเป็นอั่งเปา แต่ช่วงระยะหลังๆ เริ่มมีน้อยลงแล้ว จึงคาดว่าตรุษจีนปี 2568 นี้การซื้อขายทองอาจจะไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน” นายจิตติกล่าว
 
นายจิตติกล่าวว่า สถานการณ์ซื้อขายทองคำในประเทศขณะนี้ ร้านทองตู้แดง หลังราคาทองปรับตัวสูงขึ้น คนชะลอการซื้อ ทำให้การซื้อขายค่อนข้างเหงาๆ และมีการปิดตัวไปบ้าง แต่ไม่มาก โดยผู้ค้าทองคำเองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกันให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด และกำลังซื้อ เช่น ปรับรูปแบบให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ราคาจูงใจคนซื้อมากขึ้น ล่าสุดตนได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีขนาดเล็กลง ในรูปแบบทองคำแท่งจิ๋ว ขนาดน้ำหนัก 0.3 กรัม จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 1,000 บาทต้นๆ ซึ่งการตอบรับค่อนข้างดี ซื้อง่ายขายคล่อง คนซื้อเพื่อเก็บออมและเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลต่างๆ
 

 
อสังหาฯกลาง-เล็ก ลำบาก แบงก์รีเจ็กต์กู้พุ่ง 80% ต้องลดสต๊อก ชะลอเปิดโครงการใหม่ เร่งระบายของเก่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_5005115

อสังหาฯกลาง-เล็ก ลำบาก ถูกแบงก์รีเจ็กต์กู้พุ่ง 80% ต้องลดสต๊อก ชะลอเปิดโครงการใหม่ ทยอยระบายของเก่า
 
นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายกลางและรายเล็กประสบปัญหาแม้ยอดขายจะไม่ลดลงจากปีก่อนหน้า แต่รายจ่ายหรือต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น ทั้งค่าการตลาด ค่าบริหารจัดการ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 30% เหลือไม่ถึง 20% ขณะที่กำไรสุทธิลดลงเหลือประมาณ 5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำหรือระดับเดียวภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง

 ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องลดราคาเพื่อให้สามารถขายได้ และเพื่อให้ลูกค้าซื้อได้ แต่ปัญหาต่อมาที่ต้องเผชิญคือยอดรีเจ็กต์เหรด หรือการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นมากจาก 30% ในปี 2566 แต่ปี 2567 มาอยู่ที่ประมาณ 70-80% และสถาบันการเงินใช้วเลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนานขึ้นจากเดิมที่ไม่เกิน 1 สัปดาห์จะรู้ผล แต่ของใหม่คือใช้เวลานานถึง 60 วัน หรือ 8 สัปาดห์ ทั้งนี้เนื่องจากสถาบันการเงินไม่อยากให้เกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล)
 
ความยากลำบากของผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กเป็นมาตั้งแต่ 66-67 เรียกได้ว่า 2 ปีเต็มๆ แต่ในแง่รีเจ็กต์เหรดนั้นปี 66 ดีกว่า เพราะไม่เกิน30% อย่างปัจจจุบันลูกค้าเดินชมโครงการ 40 ราย ตัดสินใจซื้อแค่ 1 ราย ในขณะที่ในอดีต ชมโครงการ 5 ราย ซื้อประมาณ 1 ราย หรือบางรายอาจมีกำลังซื้อแต่ไม่มีความเชื่อมั่นในอนาคตเลยชะลอซื้อออกไปก่อน
 
นายวรยุทธกล่าวว่า ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กได้มีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ด้วยการปรับการพัฒนาสินค้า คือให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ไม่คาดหวังกำไรเยอะ แต่พออยู่ได้ โดยเน้นลูกค้าที่มีหนี้น้อย และต้องการซื้อจริงๆ เท่านั้น  เพื่อให้สถาบันการเงินอนุมัติได้ขณะเดียวกันก็จะให้มีสต๊อกต่ำเพียง 5-10 ยูนิตเท่านัน จากอดีตสต๊อกต้องมีไม่ต่ำกว่า 20 ยูนิต
 
นายวรยุทธกล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการต้องมีการปรับลดพนักงานลง อย่างของบริษัทมีการปรับลดพนักงานลงประมาณ 50% เหมือนช่วงโควิด  และพนักงานที่เหลือจะต้องทำได้ทุกอย่าง ทุกหน้าที่ และหากมีการรับพนักงานเข้ามาใหม่ต้งเป็นระดับผู้จัดการโดยต้องทำได้หลายอย่างมีความรู้รอบตัวเยอะ นอกจากนี้บริษัทได้มีการเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ออกไปอย่างบางโครงการที่จะเปิดในปีที่แล้วหรือปีนี้ก็จะเลื่อนไปเปิดในปี 69 แทน โดยหันมาขายโครงการที่มีอยู่ให้หมดไปก่อนโดยปัจจุบันบริษัทโครงการกำลัง 5 โครงการ มีจำนวนยูนิตเหลืออยู่ 300 ยูนิต ในปีนี้เลยตั้งเป้าระบายสต๊อกเก่าออกไปก่อนโดยคาดว่าใช้เวลาการระบายอีกประมาณ 2 ปี โดยปีนี้ตั้งใจระบายให้เหลือ 50% ดังนั้นจึงมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 69
 
นายวรยุทธกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่ 400 ไร่ ในโซนกทม.ตะวันออก โดยบริษัทไม่มีแผนที่จะซื้อเพิ่มในช่วงนี้ เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับเรื่องภาษี และต้นทุน อีกทั้งราคาที่ดินในย่านนี้ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5-3 หมื่นบาทต่อตารางวา โดยลดลงมาจากในอดีตประมาณ 5% ทำให้เสียโอกาสมาแล้ว 5 ปี เพราะศก.ไม่ดีเมืองเลยไม่ได้ขยาย
 
นายวรยุทธกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในเรื่องการปล่อยกู้นั้นนอกจากลูกค้าจะกู้ได้ยากขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการก็ไม่แตกต่าง (สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ (พรีไฟแนนซ์) ) ก็กู้ยากขึ้นด้วย โดยส่วนใหญ่สถาบันการเงินจะปล่อยกู้แค่ 50% ทำให้เงินหมุนเวียนไม่พอใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการลดสต็อกบ้านลง บางรายก็กินบุญเก่าไปเรื่อย ๆ เหมือนกบต้ม
 


“ศิริกัญญา” เผย ปชน. เตรียมแก้รายมาตรา ร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้มข้น
https://www.thairath.co.th/news/politic/2836713

รองหัวหน้าพรรคประชาชน “ศิริกัญญา” ชี้ช่องโหว่ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยังไม่มีรายละเอียดการคุมเข้ม ระบุ พรรคจ่อสแกนยิบ แก้แต่ละมาตราเข้มข้น
 
วันที่ 17 ม.ค. 2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ครม. อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ว่า เราไม่ได้มีปัญหากับการที่จะทำให้กาสิโนถูกกฎหมาย เพียงแต่ว่ากระบวนการต้องเป็นไปอย่างรัดกุม รอบคอบ ที่ผ่านมาเราพยายามบอกหลายหนว่ามันจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อทำให้กระบวนการพวกนี้มันรัดกุมมากยิ่งขึ้น ให้เกิดความโปร่งใสในการประมูลใบอนุญาตแต่ละใบ รวมถึงการป้องกันการฟอกเงิน การบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และปัญหาสังคมที่จะตามมาจากการที่อาจจะมีคนที่ไปเล่นการพนันมากขึ้น แต่ว่าพูดจนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้มีผลตอบรับอะไร ดูจากตัวร่าง พ.ร.บ. เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลยื่นเข้ามามันเป็นการเขียนกฎหมายแบบค่อนข้างกว้าง ให้อำนาจหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้นมาไปเตรียมการแก้ไขปัญหา และจะเห็นได้ว่ามีหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่าต้องออกกฎหมายลูกอีกหลายสิบฉบับด้วย มันก็สะท้อนให้เห็นว่าตัวร่าง พ.ร.บ. เอง มันยังไม่ได้มีรายละเอียดสำคัญที่จะนำไปสู่การควบคุม กำกับ ดูแลอย่างเข้มข้น
 
ตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้ยื่นร่างกฎหมายประกบ ต้องบอกว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นร่างนโยบายของทางฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) แต่ว่าเราเตรียมข้อมูลที่จะนำไปสู่การแก้ไขในแต่ละมาตราเอาไว้อย่างเข้มข้น จะเห็นว่าทางพรรค ปชช. มีการประชาสัมพันธ์ออกไปว่าสิ่งที่เราอยากให้เป็นนั้นเป็นอย่างไรบ้าง การเลือกจังหวัดควรต้องทำอย่างไร เลือกเสร็จแล้ว แต่ละจังหวัดควรต้องทำประชามติในจังหวัดก่อนหรือไม่ การเตรียมการสำหรับป้องกันการฟอกเงิน ปัญหาเรื่องการมีทุนเทาเข้ามาครอบงำอะไรต่างๆ ต้องมีการป้องกันอย่างไร รวมถึงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องกำหนดกรอบให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเราเตรียมรายละเอียดไว้แล้ว รอให้ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวเข้าสู่การของสภาฯ ให้ได้มีการอภิปรายกันในวาระที่ 1 ในเรื่องของเนื้อหาสาระสำคัญต่างๆ จากนั้นก็ไปรอแก้ไขในชั้นกรรมาธิการต่อไป” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 


ไทยสร้างไทยห่วง กม.สถานบันเทิงครบวงจร มีช่องโหว่ แนะรัฐบาล 4 ข้อโชว์ความจริงใจ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9594535

ไทยสร้างไทย ห่วง ร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีช่องโหว่ ส่อทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อทุนใหญ่ กลุ่มการเมือง แนะ 4 ข้อรัฐบาลโชว์ความจริงใจ

วันที่ 17 ม.ค.2568 พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการอนุญาตพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ฉบับที่ 2

พรรคไทยสร้างไทย มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อผลกระทบของ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ซ่อนบ่อนกาสิโน และทำบ่อนออนไลน์ถูกกฎหมาย ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำบ่อนออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ยิ่งจะเป็นการมอมเมาเยาวชนและคนไทยให้ติดการพนันมากขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะสูงขึ้น เกิดปัญหาสังคมที่ร้ายแรงตามมา

โดยพรรคไทยสร้างไทย มี 4 คำถาม และ 4 ข้อเสนอ ให้รัฐบาลรับไปพิจารณา

คำถามที่ 1 ความโปร่งใส และความจริงใจของรัฐบาล ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์อื่นใด

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีช่องโหว่มากมาย ที่ส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส อันอาจทำให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ การทุจริต โดยเฉพาะการยกอำนาจทั้งหมดให้ ซุปเปอร์บอร์ด ที่อยู่ภายใต้การกำกับของนักการเมือง เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียดทุกประการ ทั้งที่หลักเกณฑ์ต่างๆ ควรกำหนดไว้ในกฎหมาย เพื่อให้รัฐสภาได้ตรวจสอบ แต่กลับให้อำนาจซุปเปอร์บอร์ดไปกำหนดหลักเกณฑ์เองภายหลัง

ถ้ารัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ ก็เสมือนเป็นการตีเช็คเปล่า ให้ซุปเปอร์บอร์ดและนักการเมืองไปกำหนดกฎเกณฑ์เองได้อย่างอิสระ อันอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายให้กับประเทศชาติ หรืออาจจะทำให้มีการทุจริตเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญ เหตุใดจึงให้ส่งรายได้จากเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ให้ซุปเปอร์บอร์ด แทนที่จะส่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานข่าวว่ามีการแบ่งเค้กใบอนุญาตสัมปทานโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จำนวน 6-8 ใบอนุญาต อันอาจเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งกลุ่มการเมืองที่สมประโยชน์ร่วมกัน จริงหรือไม่

คำถามที่ 2 รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้อย่างไร ว่าประเทศไทยจะไม่กลายเป็น Hub ของอบายมุข การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับประเทศชาติ และอนาคตของลูกหลานไทย ประเทศไทยจะมีสภาพไม่แตกต่างจากปอยเปตหรือเมียวดี

ถามใจพี่น้องคนไทยทุกคนดูว่า เราจะปล่อยให้ประเทศเราเดินไปถึงจุดนั้นจริงหรือ ในอดีตประเทศไทยเคยมีชื่อเสีย ว่าเป็นแหล่งของการค้าประเวณี ซึ่งกว่าจะกู้ภาพพจน์ประเทศกลับมาได้ ก็ต้องใช้เวลายาวนานหลายสิบปี คนไทยคงไม่อยากให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของอบายมุขระดับโลกอีกแน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่