ขณะนี้ ในจำนวน ๑๘๐ ประเทศของโลก ไทยเป็นประเทศทุจริตคอร์รัปชันทุกระบบ อันดับที่ ๑๐๘ ของโลก
ดังนั้น ถ้าจะเปิดกาสิโน ในสภาพประเทศเต็มไปด้วยข้าราชการและนักการเมือง "โกงบ้าน-กินเมือง"
กินกันเห็นๆ กินกันจะจะ ดังทุกวันนี้.....
ประเทศไทยก็คือ "ชเวโก๊กโก" หรือ "ปอยเปต" ในอนาคต!
ไทยขึ้นแท่นเป็น ศูนย์กลางค้ามนุษย์ ศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางยาเสพติด ศูนย์กลางอบายมุข และศูนย์กลางอาชญากร-อาชญากรรม "ท็อป-เทน" โลก
การตั้งกาสิโน ในขณะที่โกงแหลก-แดกสะบั้นทุกระบบ พวกที่รวยคือ "กลุ่ม-แก๊ง" นักการเมืองผสมข้าราชการบางส่วน
ที่บอกว่าจะทำให้ประเทศรวย คนมีงานทำ ชาวบ้านมีกิน มีใช้ จากกาสิโนที่บังหน้าด้วยคำว่า "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" นั้น
ไป
ไกลๆ เลย ไป๊ยยย...
เพื่อไทยอ้าปาก นอกจากเห็นลิ้นไก่แล้ว ยังเห็น "ไอ้ตัวกินไก่" หน้าคุ้นๆ ตวัดลิ้นแผล็บๆ รออยู่ด้วย...นั่นไง!
"ภาครัฐ" ต้องไปทำการบ้านก่อน
ต้องปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันให้เห็นผล จนได้รับคะแนนความโปร่งใสจาก "องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ"
ไทยโปร่งใสด้านทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในอันดับที่ ๑-๑๐ ได้เมื่อไหร่
เมื่อนั้น ตั้งไปเลย "กาสิโน"!
ไม่ต้องกระมิด-กระเมี้ยน ยกคำเอนเตอร์เทนเมนต์บังหน้าเพื่อซ่อนประกายตา "จ้องเขมือบ" เหมือนตอนนี้!
"นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง แถลงหลังประชุม ครม.เมื่อวาน (๑๓ ม.ค.๖๘) ว่า
ครม.เห็นชอบในหลักการ "ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" หรือ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
ก็พูดไปตรงๆ ชัดๆ ว่า "ตั้งบ่อนกาสิโน" มันก็สิ้นเรื่อง จะต้องกระบิด-กระบวนด้วยศัพท์หะรู-หะราให้มันรำคาญหูไปทำไม?
หนึ่งตัวอย่างที่นายจุลพันธ์ยกอ้างอิงที่ไทยต้องมีกาสิโน เขาว่างี้...
"โมเดลผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะใน "ประเทศสิงคโปร์" ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม"
ผมไม่ขัดคอ แต่จะเสริมเหตุที่สิงคโปร์พบความสำเร็จให้ รมช.จุลพันธ์ได้ทราบ เผื่อจะได้นำไปกระซิบเจ้าของคอกหมา เป็นการบอกบุญต่อๆ กัน
ที่สิงคโปร์เขามีกาสิโนได้และพบความสำเร็จนั้น
เพราะข้าราชการ-นักการเมืองสิงคโปร์เขา "ทุจริตคอร์รัปชัน" น้อยที้สุดในเอเชียและอาเซียน
"องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ" สำรวจ สิงคโปร์มีคะแนนโปร่งใสด้านคอร์รัปชันอันดับ ๕ ของโลก จากจำนวน ๑๘๐ ประเทศ!
ท่าน รมช.จุลพันธ์....
ถ้าจะอ้างอิงสิงคโปร์เป็นต้นแบบ ก็ต้องยกมาอ้างให้ครบ ไม่ใช่ยกแต่ด้านผล แต่ทำไม่รู้-ไม่ชี้ ด้านเหตุ
เหตุคือเขาปลอดคอร์รัปชันตั้งแต่หัวยันหาง ผลทำให้เขาตั้งกาสิโนได้ ควบคุมไม่มีนอก-มีในได้ และพบความสำเร็จ
แต่ของเรา "ลายพร้อย" ตั้งแต่ "หัวยันหาง"
ขืนทำ ประเทศพัง สังคมพินาศ มีแต่ "ตัวตะกายตึก" เท่านั้นที่...รวยเสริมโกง!
ข้อที่ ๒ ต้องทำระบบประเทศให้ "ทุกคนทัดเทียมกันทางกฎหมาย" เป็นที่ประจักษ์
กฎหมายต้องบังคับใช้กับทุกคน
"คนทำดี-ต้องได้รับการคุ้มครอง, คนทำผิด-ต้องได้รับโทษโดยไม่มีการละเว้น"
"ศาลใช้กฎหมายจำ-ราชทัณฑ์ออกระเบียบปล่อย" หรือทำให้เกิด "นักโทษเทวดา" ในกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างนี้ต้องไม่มี
"ระบบส่วย ระบบรีดไถ ระบบค้าสำนวน ดึงคดี-ดองสำนวน คนใช้กฎหมายเป็นโจรเสียเอง แบบนี้ต้องหมดไปหรือมีน้อยที่สุด
เนี่ย...รัฐบาลบริหารสร้างคุณภาพมาตรฐานทางการใช้กฎหมายเคร่งครัด จริงจัง เสมอหน้า ได้เมื่อไหร่
ก็เป็นเครื่องหมายรับรองได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อ "กาสิโนมี-โจรมี" ก็ให้มัน "จำกัดวงมี" อยู่แค่นั้น
จะไม่ขยาย "วงมี" ไปถึง "ผู้ใช้กฎหมาย" ด้วย!
แบบนั้น ก็พอรับประกันบ้านเมืองและสังคมได้ว่า "มีกาสิโนแล้ว ไทยจะไม่กลายเป็นชเวโก๊กโกหรือปอยเปต"
ที่รัฐบาล "ยกแม่น้ำทั้งห้า" ว่ามีกาสิโนแล้วประเทศไทยจะได้อย่างนั้น-อย่างนี้ จะเป็นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ สุดแต่จะสรรมาวาดวิมานนั้น
หุบปากไปเลย ไม่ต้องมาสาธยาย ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก
พายุหมุน "๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท"
แจกทันที แจกคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ใครอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป รับไปเลย
นี่แค่ ๑ ตัวอย่างเพื่อไทยที่ "พูดจริง" แต่ตอนทำเป็น "ลิงหลอกก้น"!
พายุตวัก-ตะบวยอะไรกัน
๒ ปี หมุนกะปริบ-กะปรอยไม่ต่างหมายกขาข้างเยี่ยวรดยาง พวงเศรษฐกิจงี้...บวมเป่งเลย?!
ฉะนั้น ที่ รมช.จุลพันธ์พูดแทนรัฐมนตรีคลัง แทนนายกฯ แพทองธารหรือแทนพ่อนายกฯ ด้วยก็คงไม่ผิด ว่า....
".......ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฉบับนี้ ถือว่าเป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ข้อที่ ๗
คือเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร
นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย
การผลักดันเรื่องนี้ รัฐบาลยอมรับว่า จะไม่ใช่การผลักดันการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะจะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
โมเดลการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม
ช่วยสร้างรายได้ประชาชน และสร้างรายได้เข้ารัฐ พร้อมทั้งมีรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม
ในที่ประชุม ครม.ยังมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ ด้วย
เช่น ต้องการให้ผลักดันกีฬาพื้นถิ่นเข้าไปในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย ทั้ง มวยไทย หรือไก่ชน
ที่ประชุมรับทราบข้อคิดเห็นทั้งหมดก่อนนำไปปรับในร่างกฎหมายต่อไป
ในส่วนการลงทุนจริงแต่ละจุดที่เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า ๑ แสนล้านบาท
คาดจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๒.๔ แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ๕-๑๐%
โดยเฉพาะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้อย่างน้อย ๑๓%
สามารถลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและนอกฤดูกาลได้แคบลงกว่าเดิม
เพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๒ หมื่นบาทต่อราย สร้างการจ้างงาน ๙,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ ตำแหน่ง
การลงทุนแต่ละจุด จะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๔ หมื่นล้านบาท
ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจที่เป็นโรงแรม สวนสนุก สถานที่ท่องเที่ยว อีกส่วนคือรายได้จากการพนัน
โดยรายได้ทั้งหมดนั้น จะนำไปพัฒนาประเทศ และนำกลับไปเยียวยากำกับและบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมการพนันต่อไป
"ขั้นตอนสุดท้าย อำนาจจะไปอยู่ที่รัฐสภาในการวินิจฉัยกฎหมายว่าจะต้องมีการปรับแก้ หรือปรับเพิ่มเติมตรงไหน
ในส่วนการกำหนดพื้นที่หรือกิจการ จำนวนของผู้ที่จะเข้ามาลงทุนนั้น "กระทรวงการคลัง" ไม่ได้มีอำนาจเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะการพิจารณารายละเอียดต่างๆ จะเป็นอำนาจของสำนักงานและ "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
จะจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะเป็นผู้พิจารณาทั้งหมด
กระทรวงการคลังไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะมีการสร้างกี่แห่ง และไม่มีหน้าที่กำกับ
อีกทั้งในคณะกรรมการก็ไม่มี รมช.คลัง เพราะที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้ไปยกร่างกฎหมาย ก็ทำไปแค่นั้น
ไม่ได้ระบุว่าต้องมีจำนวนเท่าไหร่ หนักที่สุดคือ มีการบอกว่าใครจะมาทำตรงไหน
รัฐบาลยังไม่มีการพูดคุย ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการลงทุนก็ต้องออกทีโออาร์ ผู้ลงทุนต้องเสนอเข้ามาแข่งขันกัน
ทั้งหมดนี้ คณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและพิจารณารายละเอียดต่อไป
ในส่วนการจัดเก็บรายได้นั้น จะมีการกำหนดให้ชัดเจนในคณะกรรมการว่าจะจัดสรรไปที่ไหนบ้าง?
เช่น สัดส่วนหลักๆ จะนำส่งคืนรัฐ เพื่อเป็นรายได้ตามกลไกของงบประมาณ
อีกส่วน จัดสรรคืนไปยังพื้นที่ หรือภาคการศึกษา และการเยียวยาต่างๆ ในมิติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ทำการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย"
ฟังแล้ว กลั่นความจริงออกมาได้ประโยคเดียวกับที่ทักษิณเคยพูด
"ผมกลับมาเลี้ยงหลาน" นั่นแหละ!
จุลพันธ์บอก "ไม่รู้จะสร้างกี่แห่ง"?
คลังไม่รู้...คลังไม่เกี่ยว "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" จะเป็นผู้กำหนดทั้งหมด!
โถ...น่าสงสารคลังเนอะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กลับต้องเอากระดูกหมามาแขวนคอ
จะออกใบอนุญาตกี่ใบ ให้ใครบ้าง สร้างที่ไหน กี่แห่ง และจะให้ใครมาเป็นกรรมการบ่อนผลาญชาตินี้บ้าง
จะให้ผมตอบแทนทักษิณหรือให้ทักษิณเขาตอบเองล่ะ..จุลพันธ์?
.
เปลว สีเงิน
คนปลายซอย
ไทยโพสต์
๑๔ มกราคม ๒๕๖๘
กาสิโน "งาบก่อนพัง"เรื่อง "กาสิโน" มีได้!แต่ภายใต้เงื่อนไข ๒ ข้อที่ "ภาครัฐ" ต้องปฏิบัติให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ก่อนข้อ1
ดังนั้น ถ้าจะเปิดกาสิโน ในสภาพประเทศเต็มไปด้วยข้าราชการและนักการเมือง "โกงบ้าน-กินเมือง"
กินกันเห็นๆ กินกันจะจะ ดังทุกวันนี้.....
ประเทศไทยก็คือ "ชเวโก๊กโก" หรือ "ปอยเปต" ในอนาคต!
ไทยขึ้นแท่นเป็น ศูนย์กลางค้ามนุษย์ ศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางยาเสพติด ศูนย์กลางอบายมุข และศูนย์กลางอาชญากร-อาชญากรรม "ท็อป-เทน" โลก
การตั้งกาสิโน ในขณะที่โกงแหลก-แดกสะบั้นทุกระบบ พวกที่รวยคือ "กลุ่ม-แก๊ง" นักการเมืองผสมข้าราชการบางส่วน
ที่บอกว่าจะทำให้ประเทศรวย คนมีงานทำ ชาวบ้านมีกิน มีใช้ จากกาสิโนที่บังหน้าด้วยคำว่า "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" นั้น
ไปไกลๆ เลย ไป๊ยยย...
เพื่อไทยอ้าปาก นอกจากเห็นลิ้นไก่แล้ว ยังเห็น "ไอ้ตัวกินไก่" หน้าคุ้นๆ ตวัดลิ้นแผล็บๆ รออยู่ด้วย...นั่นไง!
"ภาครัฐ" ต้องไปทำการบ้านก่อน
ต้องปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันให้เห็นผล จนได้รับคะแนนความโปร่งใสจาก "องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ"
ไทยโปร่งใสด้านทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในอันดับที่ ๑-๑๐ ได้เมื่อไหร่
เมื่อนั้น ตั้งไปเลย "กาสิโน"!
ไม่ต้องกระมิด-กระเมี้ยน ยกคำเอนเตอร์เทนเมนต์บังหน้าเพื่อซ่อนประกายตา "จ้องเขมือบ" เหมือนตอนนี้!
"นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง แถลงหลังประชุม ครม.เมื่อวาน (๑๓ ม.ค.๖๘) ว่า
ครม.เห็นชอบในหลักการ "ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" หรือ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
ก็พูดไปตรงๆ ชัดๆ ว่า "ตั้งบ่อนกาสิโน" มันก็สิ้นเรื่อง จะต้องกระบิด-กระบวนด้วยศัพท์หะรู-หะราให้มันรำคาญหูไปทำไม?
หนึ่งตัวอย่างที่นายจุลพันธ์ยกอ้างอิงที่ไทยต้องมีกาสิโน เขาว่างี้...
"โมเดลผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะใน "ประเทศสิงคโปร์" ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม"
ผมไม่ขัดคอ แต่จะเสริมเหตุที่สิงคโปร์พบความสำเร็จให้ รมช.จุลพันธ์ได้ทราบ เผื่อจะได้นำไปกระซิบเจ้าของคอกหมา เป็นการบอกบุญต่อๆ กัน
ที่สิงคโปร์เขามีกาสิโนได้และพบความสำเร็จนั้น
เพราะข้าราชการ-นักการเมืองสิงคโปร์เขา "ทุจริตคอร์รัปชัน" น้อยที้สุดในเอเชียและอาเซียน
"องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ" สำรวจ สิงคโปร์มีคะแนนโปร่งใสด้านคอร์รัปชันอันดับ ๕ ของโลก จากจำนวน ๑๘๐ ประเทศ!
ท่าน รมช.จุลพันธ์....
ถ้าจะอ้างอิงสิงคโปร์เป็นต้นแบบ ก็ต้องยกมาอ้างให้ครบ ไม่ใช่ยกแต่ด้านผล แต่ทำไม่รู้-ไม่ชี้ ด้านเหตุ
เหตุคือเขาปลอดคอร์รัปชันตั้งแต่หัวยันหาง ผลทำให้เขาตั้งกาสิโนได้ ควบคุมไม่มีนอก-มีในได้ และพบความสำเร็จ
แต่ของเรา "ลายพร้อย" ตั้งแต่ "หัวยันหาง"
ขืนทำ ประเทศพัง สังคมพินาศ มีแต่ "ตัวตะกายตึก" เท่านั้นที่...รวยเสริมโกง!
ข้อที่ ๒ ต้องทำระบบประเทศให้ "ทุกคนทัดเทียมกันทางกฎหมาย" เป็นที่ประจักษ์
กฎหมายต้องบังคับใช้กับทุกคน
"คนทำดี-ต้องได้รับการคุ้มครอง, คนทำผิด-ต้องได้รับโทษโดยไม่มีการละเว้น"
"ศาลใช้กฎหมายจำ-ราชทัณฑ์ออกระเบียบปล่อย" หรือทำให้เกิด "นักโทษเทวดา" ในกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างนี้ต้องไม่มี
"ระบบส่วย ระบบรีดไถ ระบบค้าสำนวน ดึงคดี-ดองสำนวน คนใช้กฎหมายเป็นโจรเสียเอง แบบนี้ต้องหมดไปหรือมีน้อยที่สุด
เนี่ย...รัฐบาลบริหารสร้างคุณภาพมาตรฐานทางการใช้กฎหมายเคร่งครัด จริงจัง เสมอหน้า ได้เมื่อไหร่
ก็เป็นเครื่องหมายรับรองได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อ "กาสิโนมี-โจรมี" ก็ให้มัน "จำกัดวงมี" อยู่แค่นั้น
จะไม่ขยาย "วงมี" ไปถึง "ผู้ใช้กฎหมาย" ด้วย!
แบบนั้น ก็พอรับประกันบ้านเมืองและสังคมได้ว่า "มีกาสิโนแล้ว ไทยจะไม่กลายเป็นชเวโก๊กโกหรือปอยเปต"
ที่รัฐบาล "ยกแม่น้ำทั้งห้า" ว่ามีกาสิโนแล้วประเทศไทยจะได้อย่างนั้น-อย่างนี้ จะเป็นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ สุดแต่จะสรรมาวาดวิมานนั้น
หุบปากไปเลย ไม่ต้องมาสาธยาย ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก
พายุหมุน "๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท"
แจกทันที แจกคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ใครอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป รับไปเลย
นี่แค่ ๑ ตัวอย่างเพื่อไทยที่ "พูดจริง" แต่ตอนทำเป็น "ลิงหลอกก้น"!
พายุตวัก-ตะบวยอะไรกัน
๒ ปี หมุนกะปริบ-กะปรอยไม่ต่างหมายกขาข้างเยี่ยวรดยาง พวงเศรษฐกิจงี้...บวมเป่งเลย?!
ฉะนั้น ที่ รมช.จุลพันธ์พูดแทนรัฐมนตรีคลัง แทนนายกฯ แพทองธารหรือแทนพ่อนายกฯ ด้วยก็คงไม่ผิด ว่า....
".......ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฉบับนี้ ถือว่าเป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ข้อที่ ๗
คือเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร
นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย
การผลักดันเรื่องนี้ รัฐบาลยอมรับว่า จะไม่ใช่การผลักดันการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะจะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
โมเดลการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม
ช่วยสร้างรายได้ประชาชน และสร้างรายได้เข้ารัฐ พร้อมทั้งมีรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม
ในที่ประชุม ครม.ยังมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ ด้วย
เช่น ต้องการให้ผลักดันกีฬาพื้นถิ่นเข้าไปในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย ทั้ง มวยไทย หรือไก่ชน
ที่ประชุมรับทราบข้อคิดเห็นทั้งหมดก่อนนำไปปรับในร่างกฎหมายต่อไป
ในส่วนการลงทุนจริงแต่ละจุดที่เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า ๑ แสนล้านบาท
คาดจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๒.๔ แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ๕-๑๐%
โดยเฉพาะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้อย่างน้อย ๑๓%
สามารถลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและนอกฤดูกาลได้แคบลงกว่าเดิม
เพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๒ หมื่นบาทต่อราย สร้างการจ้างงาน ๙,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ ตำแหน่ง
การลงทุนแต่ละจุด จะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๔ หมื่นล้านบาท
ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจที่เป็นโรงแรม สวนสนุก สถานที่ท่องเที่ยว อีกส่วนคือรายได้จากการพนัน
โดยรายได้ทั้งหมดนั้น จะนำไปพัฒนาประเทศ และนำกลับไปเยียวยากำกับและบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมการพนันต่อไป
"ขั้นตอนสุดท้าย อำนาจจะไปอยู่ที่รัฐสภาในการวินิจฉัยกฎหมายว่าจะต้องมีการปรับแก้ หรือปรับเพิ่มเติมตรงไหน
ในส่วนการกำหนดพื้นที่หรือกิจการ จำนวนของผู้ที่จะเข้ามาลงทุนนั้น "กระทรวงการคลัง" ไม่ได้มีอำนาจเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะการพิจารณารายละเอียดต่างๆ จะเป็นอำนาจของสำนักงานและ "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
จะจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะเป็นผู้พิจารณาทั้งหมด
กระทรวงการคลังไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะมีการสร้างกี่แห่ง และไม่มีหน้าที่กำกับ
อีกทั้งในคณะกรรมการก็ไม่มี รมช.คลัง เพราะที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้ไปยกร่างกฎหมาย ก็ทำไปแค่นั้น
ไม่ได้ระบุว่าต้องมีจำนวนเท่าไหร่ หนักที่สุดคือ มีการบอกว่าใครจะมาทำตรงไหน
รัฐบาลยังไม่มีการพูดคุย ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการลงทุนก็ต้องออกทีโออาร์ ผู้ลงทุนต้องเสนอเข้ามาแข่งขันกัน
ทั้งหมดนี้ คณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและพิจารณารายละเอียดต่อไป
ในส่วนการจัดเก็บรายได้นั้น จะมีการกำหนดให้ชัดเจนในคณะกรรมการว่าจะจัดสรรไปที่ไหนบ้าง?
เช่น สัดส่วนหลักๆ จะนำส่งคืนรัฐ เพื่อเป็นรายได้ตามกลไกของงบประมาณ
อีกส่วน จัดสรรคืนไปยังพื้นที่ หรือภาคการศึกษา และการเยียวยาต่างๆ ในมิติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ทำการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย"
ฟังแล้ว กลั่นความจริงออกมาได้ประโยคเดียวกับที่ทักษิณเคยพูด
"ผมกลับมาเลี้ยงหลาน" นั่นแหละ!
จุลพันธ์บอก "ไม่รู้จะสร้างกี่แห่ง"?
คลังไม่รู้...คลังไม่เกี่ยว "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" จะเป็นผู้กำหนดทั้งหมด!
โถ...น่าสงสารคลังเนอะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กลับต้องเอากระดูกหมามาแขวนคอ
จะออกใบอนุญาตกี่ใบ ให้ใครบ้าง สร้างที่ไหน กี่แห่ง และจะให้ใครมาเป็นกรรมการบ่อนผลาญชาตินี้บ้าง
จะให้ผมตอบแทนทักษิณหรือให้ทักษิณเขาตอบเองล่ะ..จุลพันธ์?
.
เปลว สีเงิน
คนปลายซอย
ไทยโพสต์
๑๔ มกราคม ๒๕๖๘