ทำไมผมถึงบอกว่า การเลือกโบรกเกอร์ Forex ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ค่าสเปรด?
ก็ต้องบอกว่า ค่าสเปรด คือต้นทุนการทำกำไรของนักลงทุน ยิ่งสเปรดต่ำ ต้นทุนยิ่งต่ำและทำกำไรได้มากขึ้น ดังนั้นจึง ไม่แปลกที่โบรกเกอร์จะยืนข้อเสนอค่าสเปรดต่ำกว่าโบรกเกอร์อื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน (ใคร ๆ ก็อยากใช้โบรกเกอร์ Spread ต่ำ ใช่ไหมครับ)
เกือบทุกโบรกต้องโปรโมทเรื่องสเปรดต่ำเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ผมอยากให้นักลงทุนคำนึงถึงเพิ่มเติม คือความปลอดภัย
เนื่องจากความเสี่ยงเป็นเรื่องไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นก็ได้ หากโบรกเกอร์ปิดหาย หรือล้มละลาย เท่ากับเงินทั้งหมดคือ 0 และอะไรจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นคงของโบรกเกอร์ วันนี้ผมจะมาถึงพูดถึง "วิธีดูความมั่นคงและปลอดภัยโบรกเกอร์" สรุปมาให้ 5 ข้อ ดังนี้
1.การกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำหรือใบอนุญาต
โบรกเกอร์ที่มั่นคงและปลอดภัย ควรดูที่ใบอนุญาตเป็นอันดับแรก เช่น FCA (Financial Conduct Authority) หรือ ASIC (Australian Securities and Investments Commission)
ทำไมต้องเป็นใบอนุญาต 2 ใบนี้
1.1 ใบอนุญาต FCA คือ ใบอนุญาตที่ออกโดยหน่วยงาน FCA (Financial Conduct Authority) ประเทศอังกฤษ เป็นใบรับรองที่มอบให้แก่โบรกเกอร์ เพื่อยืนยันว่าโบรกเกอร์ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้างวด ถึงสามารถเปิดให้บริการแก่นักลงทุนได้ ซึ่งใบ FCA นี้มีความเข้มงวดที่สูงที่สุด และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักลงทุน (มีไม่กี่โบรกเกอร์ที่มีใบนี้)
1.2 ใบอนุญาต ASIC คือ ใบอนุญาตจากประเทศออสเตรเลีย และมีความเข้มงวดไม่แพ้กับ ใบอนุญาต FCA แค่ให้การดูแลควบคุมตรวจสอบในภูมิภาคที่ไม่เหมือนกัน
ทั้ง 2 ใบนี้มีความสำคัญต่อการเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นอย่างมาก หากโบรกที่เราใช้งานอยู่มีใบอนุญาตเหล่านี้ คงสบายใจได้ในระดับนึง
2.ดูแลเงินทุน
การดูแลเงินทุนของโบรกเกอร์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคง กล่าวคือ โบรกเกอร์จะนำเงินของนักลงทุนไปฝากแยกไว้กับธนาคารที่ร่วมมือ เพื่อที่จะไม่ให้เงินของโบรกเกอร์และนักลงทุนปนกัน เพื่อความปลอดภัยและสะดวกต่อการจัดการ อีกทั้งหากโบรกเกอร์ปิดหนี้ หรือล้มละลายเงินของนักลงทุนจะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุม
ดังนั้น โบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรมีการคุ้มครองเงินฝากของนักลงทุน พูดง่ายๆ เงินลงทุนของนักลงทุนจะไม่หายและสามารถเทรดถอนได้ตามปกติ ซึ่งเราสามารถดูได้จากธนาคารที่โบรกเกอร์ร่วมมือด้วย เช่น ธนาคาร Barclays, J.P.Morgan, GoldmanSachs และอื่นๆ เทรดเดอร์สามารถเช็คโบรกเกอร์ที่ท่านเลือกได้จากหน้าเว็ปไซต์ ยิ่งมีธนาคารที่มีชื่อเสียงมาก ยิ่งมั่นคง (หากไม่มีบอกธนาคารที่ร่วมมือ ไม่ควรเลือก)
ตัวอย่างเช่น ธนาคาร Barclays ของประเทศอังกฤษ (หลายคนๆ ที่เคยดูบอลพรีเมียร์ลีก คงรู้จักดี เพราะเป็นสปอนเซอร์หลัก) มีระบบการดูแลเงินทุนของนักลงทุนอย่างเคร่งครัด และยังอยู่ใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน FCA อีกด้วย
3.คุ้มครองนักลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ Forex จากประเทศไหนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงทั้งสิ้น เนื่องจากการให้บริหารของโบรกเกอร์ต้องมีเงินหมุนเวียนมหาศาล หากบริการผิดพลาด นั้นอาจถึงขั้นล้มละลาย ดังนั้น โบรกเกอร์จำนวนมากจึงตำเป็นต้องมีการประกันจากหน่วยงานประกันต่าง ๆ อาทิเช่น Lloyds of London และ AON
ต้องมีหน่วยงานประกันจำนวนเท่าไรถึงปลอดภัย?
ยิ่งเยอะยิ่งดี แต่หากมีคุณภาพจะดีกว่า ขอยกตัวอย่าง โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต FCA จะได้รับความคุ้มครองจาก
FSCS และ The Financial Commission แต่ 2 องค์กรนี้จะให้การดูแลในกรณีโบรกเกอร์ล้มละลายเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุม บางโบรกเกอร์จึงเลือกที่จะต้องการเสริมประกันที่ให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุน เกี่ยวกับทุกความผิดพลาดที่มาจากโบรกเกอร์
Lloyds of London และ AON ซึ่งโด่งดังและมีคุณภาพมากในเรื่องประกัน แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทประกันอื่น ๆ จะไม่มีคุณภาพ ในส่วนเราสามารถดูได้จากมาตรการคุ้มครองของบริษัทประกัน และเบี้ยที่โบรกเกอร์ต้องจ่ายรายปี
ดังนั้น โบรกเกอร์จึงต้องหาบริษัทประกันที่เป็นมาตรฐานและครอบคลุมทุกความเสียหาย ซึ่งมีโบรกเกอร์น้อยมากที่จะเสริมการประกันภัยจากจุดนี้ เพราะอาจมองว่ามีการบริหารดี ไม่มีข้อผิดพลาดและต้องจ่ายเบี้ยประกันเยอะ จึงไม่คุ้มกับการลงทุน แต่เนื่องจากปัจจุบัน ความไม่แน่นอนในสังคม สงคราม โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่โบรกเกอร์จะล้มละลายได้
ผมรู้สึกว่าการมีหน่วยงานที่ให้ความคุ้มครองนักลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราอุ่นใจและสามารถลงทุนในระยะยาวได้
*ข้อสังเกต : เราสามารถเข้าไปที่เว็ปไซต์ของโบรกเกอร์ Forex เพื่อดูว่ามีหน่วยงานไหนให้ความคุ้มครองอยู่บ้าง อย่างเช่น
โบรกเกอร์ EBC จะมีระบุไหวหมดเลยตั้งแต่ ใบอนุญาต จนถึง ธนาคารหรือหน่วยงานคุ้มครองต่าง ๆ ซึ่งมีโบรกน้อยมากที่จะระบุไว้
4.อัพเดตข่าวสาร
เนื่องจากการลงทุนในตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง การติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์จึงเป็นสิ่งสำคัญ บางโบรกเกอร์จะมีการอัพเดตข่าวสาร ทางช่องทาง Social media หรือ E-mail เพื่อแจ้งเตือนข่าวเศรษฐกิจโลกหรือข่าวที่ส่งผลกระทบต่อการเทรด ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์รับรู้ข่าวสารก่อนใครและหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ไม่ควรเทรดได้ ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ช่องทางออนไลน์ของโบรคที่เพื่อน ๆ เลือกใช้ได้เลยครับ
5.การมีส่วนร่วมทางสังคม
หากอยากรู้ว่าโบรกเกอร์นั้นมีตัวตนหรือไม่?การมีส่วนร่วมทางสังคม คงทำให้เพื่อนๆ คลายความกังวลได้
ยกตัวอย่างเช่น การจัดสัมมนาให้ความรู้ การเข้าร่วมโครงการ CSR หรือการเข้ารับรางวัลต่าง ๆ ในเวทีโลก จุดนี้สะท้อนถึงการมีตัวตนในสังคม และจุดยืนของโบรกเกอร์ คำแนะนำของผม คือ ควรสังเกตเว็ปไซต์ข่าวสาร หรือช่องทางโซเชี่ยลของโบรกที่จัดกิจกรรมต่างๆ
หากอ่านมาถึงจุดนี้ เทรดเดอร์คงได้รับมุมองการเลือกโบรกเกอร์ใหม่ ๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม หากอยากลงทุนในตลาดนี้ระยะยาวความปลอดภัยของโบรกเกอร์ต้องมาก่อน
5 ข้อที่สรุปมาให้นี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สามารถนำความคิดเห็นของผมไปปรับใช้ได้ และหวังว่าเทรดเดอร์ทุกคน จะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ฉวยโอกาส
5 ข้อ เลือกโบรกเกอร์ Forex ให้ปลอดภัย ไม่ใช่สเปรด
ก็ต้องบอกว่า ค่าสเปรด คือต้นทุนการทำกำไรของนักลงทุน ยิ่งสเปรดต่ำ ต้นทุนยิ่งต่ำและทำกำไรได้มากขึ้น ดังนั้นจึง ไม่แปลกที่โบรกเกอร์จะยืนข้อเสนอค่าสเปรดต่ำกว่าโบรกเกอร์อื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน (ใคร ๆ ก็อยากใช้โบรกเกอร์ Spread ต่ำ ใช่ไหมครับ)
เกือบทุกโบรกต้องโปรโมทเรื่องสเปรดต่ำเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ผมอยากให้นักลงทุนคำนึงถึงเพิ่มเติม คือความปลอดภัย
เนื่องจากความเสี่ยงเป็นเรื่องไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นก็ได้ หากโบรกเกอร์ปิดหาย หรือล้มละลาย เท่ากับเงินทั้งหมดคือ 0 และอะไรจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นคงของโบรกเกอร์ วันนี้ผมจะมาถึงพูดถึง "วิธีดูความมั่นคงและปลอดภัยโบรกเกอร์" สรุปมาให้ 5 ข้อ ดังนี้
1.การกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำหรือใบอนุญาต
โบรกเกอร์ที่มั่นคงและปลอดภัย ควรดูที่ใบอนุญาตเป็นอันดับแรก เช่น FCA (Financial Conduct Authority) หรือ ASIC (Australian Securities and Investments Commission)
ทำไมต้องเป็นใบอนุญาต 2 ใบนี้
1.1 ใบอนุญาต FCA คือ ใบอนุญาตที่ออกโดยหน่วยงาน FCA (Financial Conduct Authority) ประเทศอังกฤษ เป็นใบรับรองที่มอบให้แก่โบรกเกอร์ เพื่อยืนยันว่าโบรกเกอร์ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้างวด ถึงสามารถเปิดให้บริการแก่นักลงทุนได้ ซึ่งใบ FCA นี้มีความเข้มงวดที่สูงที่สุด และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักลงทุน (มีไม่กี่โบรกเกอร์ที่มีใบนี้)
1.2 ใบอนุญาต ASIC คือ ใบอนุญาตจากประเทศออสเตรเลีย และมีความเข้มงวดไม่แพ้กับ ใบอนุญาต FCA แค่ให้การดูแลควบคุมตรวจสอบในภูมิภาคที่ไม่เหมือนกัน
ทั้ง 2 ใบนี้มีความสำคัญต่อการเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นอย่างมาก หากโบรกที่เราใช้งานอยู่มีใบอนุญาตเหล่านี้ คงสบายใจได้ในระดับนึง
2.ดูแลเงินทุน
การดูแลเงินทุนของโบรกเกอร์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคง กล่าวคือ โบรกเกอร์จะนำเงินของนักลงทุนไปฝากแยกไว้กับธนาคารที่ร่วมมือ เพื่อที่จะไม่ให้เงินของโบรกเกอร์และนักลงทุนปนกัน เพื่อความปลอดภัยและสะดวกต่อการจัดการ อีกทั้งหากโบรกเกอร์ปิดหนี้ หรือล้มละลายเงินของนักลงทุนจะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุม
ดังนั้น โบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรมีการคุ้มครองเงินฝากของนักลงทุน พูดง่ายๆ เงินลงทุนของนักลงทุนจะไม่หายและสามารถเทรดถอนได้ตามปกติ ซึ่งเราสามารถดูได้จากธนาคารที่โบรกเกอร์ร่วมมือด้วย เช่น ธนาคาร Barclays, J.P.Morgan, GoldmanSachs และอื่นๆ เทรดเดอร์สามารถเช็คโบรกเกอร์ที่ท่านเลือกได้จากหน้าเว็ปไซต์ ยิ่งมีธนาคารที่มีชื่อเสียงมาก ยิ่งมั่นคง (หากไม่มีบอกธนาคารที่ร่วมมือ ไม่ควรเลือก)
ตัวอย่างเช่น ธนาคาร Barclays ของประเทศอังกฤษ (หลายคนๆ ที่เคยดูบอลพรีเมียร์ลีก คงรู้จักดี เพราะเป็นสปอนเซอร์หลัก) มีระบบการดูแลเงินทุนของนักลงทุนอย่างเคร่งครัด และยังอยู่ใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน FCA อีกด้วย
3.คุ้มครองนักลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ Forex จากประเทศไหนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงทั้งสิ้น เนื่องจากการให้บริหารของโบรกเกอร์ต้องมีเงินหมุนเวียนมหาศาล หากบริการผิดพลาด นั้นอาจถึงขั้นล้มละลาย ดังนั้น โบรกเกอร์จำนวนมากจึงตำเป็นต้องมีการประกันจากหน่วยงานประกันต่าง ๆ อาทิเช่น Lloyds of London และ AON
ต้องมีหน่วยงานประกันจำนวนเท่าไรถึงปลอดภัย?
ยิ่งเยอะยิ่งดี แต่หากมีคุณภาพจะดีกว่า ขอยกตัวอย่าง โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต FCA จะได้รับความคุ้มครองจาก FSCS และ The Financial Commission แต่ 2 องค์กรนี้จะให้การดูแลในกรณีโบรกเกอร์ล้มละลายเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุม บางโบรกเกอร์จึงเลือกที่จะต้องการเสริมประกันที่ให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุน เกี่ยวกับทุกความผิดพลาดที่มาจากโบรกเกอร์
Lloyds of London และ AON ซึ่งโด่งดังและมีคุณภาพมากในเรื่องประกัน แต่ไม่ใช่ว่าบริษัทประกันอื่น ๆ จะไม่มีคุณภาพ ในส่วนเราสามารถดูได้จากมาตรการคุ้มครองของบริษัทประกัน และเบี้ยที่โบรกเกอร์ต้องจ่ายรายปี
ดังนั้น โบรกเกอร์จึงต้องหาบริษัทประกันที่เป็นมาตรฐานและครอบคลุมทุกความเสียหาย ซึ่งมีโบรกเกอร์น้อยมากที่จะเสริมการประกันภัยจากจุดนี้ เพราะอาจมองว่ามีการบริหารดี ไม่มีข้อผิดพลาดและต้องจ่ายเบี้ยประกันเยอะ จึงไม่คุ้มกับการลงทุน แต่เนื่องจากปัจจุบัน ความไม่แน่นอนในสังคม สงคราม โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่โบรกเกอร์จะล้มละลายได้
ผมรู้สึกว่าการมีหน่วยงานที่ให้ความคุ้มครองนักลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราอุ่นใจและสามารถลงทุนในระยะยาวได้
*ข้อสังเกต : เราสามารถเข้าไปที่เว็ปไซต์ของโบรกเกอร์ Forex เพื่อดูว่ามีหน่วยงานไหนให้ความคุ้มครองอยู่บ้าง อย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC จะมีระบุไหวหมดเลยตั้งแต่ ใบอนุญาต จนถึง ธนาคารหรือหน่วยงานคุ้มครองต่าง ๆ ซึ่งมีโบรกน้อยมากที่จะระบุไว้
4.อัพเดตข่าวสาร
เนื่องจากการลงทุนในตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง การติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์จึงเป็นสิ่งสำคัญ บางโบรกเกอร์จะมีการอัพเดตข่าวสาร ทางช่องทาง Social media หรือ E-mail เพื่อแจ้งเตือนข่าวเศรษฐกิจโลกหรือข่าวที่ส่งผลกระทบต่อการเทรด ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์รับรู้ข่าวสารก่อนใครและหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่ไม่ควรเทรดได้ ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ช่องทางออนไลน์ของโบรคที่เพื่อน ๆ เลือกใช้ได้เลยครับ
5.การมีส่วนร่วมทางสังคม
หากอยากรู้ว่าโบรกเกอร์นั้นมีตัวตนหรือไม่?การมีส่วนร่วมทางสังคม คงทำให้เพื่อนๆ คลายความกังวลได้
ยกตัวอย่างเช่น การจัดสัมมนาให้ความรู้ การเข้าร่วมโครงการ CSR หรือการเข้ารับรางวัลต่าง ๆ ในเวทีโลก จุดนี้สะท้อนถึงการมีตัวตนในสังคม และจุดยืนของโบรกเกอร์ คำแนะนำของผม คือ ควรสังเกตเว็ปไซต์ข่าวสาร หรือช่องทางโซเชี่ยลของโบรกที่จัดกิจกรรมต่างๆ
หากอ่านมาถึงจุดนี้ เทรดเดอร์คงได้รับมุมองการเลือกโบรกเกอร์ใหม่ ๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม หากอยากลงทุนในตลาดนี้ระยะยาวความปลอดภัยของโบรกเกอร์ต้องมาก่อน
5 ข้อที่สรุปมาให้นี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สามารถนำความคิดเห็นของผมไปปรับใช้ได้ และหวังว่าเทรดเดอร์ทุกคน จะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ฉวยโอกาส