แนวคิดการใช้สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ (Alternative Prison Facilities) ไม่ใช่เรื่องใหม่ และหลายประเทศได้นำระบบเหล่านี้มาใช้ก่อนประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูผู้กระทำผิดแทนการลงโทษอย่างเข้มงวดในเรือนจำหลัก ตัวอย่างประเทศที่มีระบบดังกล่าว ได้แก่:
1. นอร์เวย์
เรือนจำ Bastøy Prison
• เป็น “เรือนจำเปิด” ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Bastøy ประเทศนอร์เวย์
• ผู้ต้องขังอาศัยอยู่ในบ้านพักที่เหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ ทำงานด้านเกษตรกรรม ประมง และงานอื่น ๆ ในชุมชน โดยมีการควบคุมอย่างหลวม ๆ
• ระบบเน้นการเตรียมผู้ต้องขังให้กลับเข้าสู่สังคมได้ โดยมีอัตราการกระทำผิดซ้ำต่ำมาก (เพียง 20%)
2. เนเธอร์แลนด์
เรือนจำเปิด (Open Prisons)
• เนเธอร์แลนด์มีเรือนจำที่อนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปทำงาน เรียน หรือใช้ชีวิตในลักษณะกึ่งอิสระในช่วงเวลากลางวัน และกลับมาพักในเรือนจำในตอนกลางคืน
• นอกจากนี้ เนเธอร์แลนด์ยังมีโครงการ กักบริเวณในบ้านด้วยกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) ซึ่งใช้สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่ำ
3. สวีเดน
เรือนจำแบบกึ่งเปิด (Halfway Prisons)
• ผู้ต้องขังในเรือนจำแบบนี้ได้รับอนุญาตให้ทำงานนอกเรือนจำ พบปะครอบครัว หรือแม้แต่เดินทางกลับบ้านเป็นครั้งคราวเพื่อเตรียมตัวสำหรับการกลับเข้าสู่สังคม
• ตัวอย่างเช่น เรือนจำ Sollentuna ซึ่งมีห้องพักสะอาดสะอ้านพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และฟิตเนส
4. ฟินแลนด์
เรือนจำ Sukevan และ Otso
• ฟินแลนด์มี “เรือนจำเปิด” (Open Prisons) ที่มอบความอิสระให้ผู้ต้องขังในระดับที่สูงมาก เช่น ผู้ต้องขังสามารถออกไปทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในช่วงกลางวัน
• แนวคิดนี้ช่วยลดการตีตราผู้ต้องขังและส่งเสริมการปรับตัวในชีวิตจริงหลังพ้นโทษ
5. สหรัฐอเมริกา
Halfway Houses (บ้านกึ่งกลาง)
• ใช้สำหรับผู้กระทำผิดที่ได้รับการปล่อยตัวแบบทัณฑ์บน หรือผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ
• ผู้กระทำผิดจะถูกควบคุมตัวในบ้านพักเฉพาะที่มีกฎระเบียบเข้มงวด แต่จะมีโอกาสทำงานหรือเข้ารับการฟื้นฟูระหว่างการกักตัว
• แนวคิดนี้เน้นการฝึกอาชีพและการปรับตัวเพื่อกลับเข้าสู่สังคม
6. ญี่ปุ่น
Kangoku no Matsuri (บ้านฟื้นฟูชุมชน)
• ญี่ปุ่นมีสถานที่ที่ใช้แทนเรือนจำสำหรับผู้กระทำผิดเล็กน้อย เช่น ศูนย์บำบัดหรือศูนย์ฝึกอาชีพ ซึ่งให้ผู้ต้องขังทำงานและเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น
• มีการใช้ระบบกักตัวด้วยกำไล EM สำหรับการควบคุมตัวในบ้านในบางกรณี
7. ออสเตรเลีย
Community Corrections
• ออสเตรเลียใช้ระบบกักบริเวณ (Home Detention) หรือการบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนแทนการส่งผู้กระทำผิดเข้าสู่เรือนจำ
• ระบบนี้ใช้ร่วมกับการตรวจสอบพฤติกรรมและการฟื้นฟูจิตใจ เช่น การเข้ารับการบำบัดยาเสพติด
แนวคิดการใช้สถานที่คุมขังนอกเรือนจำเริ่มต้นในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์และฟินแลนด์ ประเทศเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า
การสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมและการให้โอกาสผู้กระทำผิดสามารถลดการกระทำผิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ ไม่ได้มีไว้สำหรับเจาะจงคนรวยหรือนักการเมือง ((ไม่ใช่เตรียมการไว้รองรับคนดังหรือนักการเมือง แล้วสุ่มหยิบนักโทษทั่วไปติดมาด้วยนิดนึงให้ดูเหมือนว่ามีสิทธิ์ทั่วถึงทุกคน))
การจำแนกแยกประเภทนักโทษที่จะถูกคุมขังนอกเรือนจำ คือนักโทษที่ไม่ได้เป็นอาชญากรโดยอาชีพ นักโทษที่มีประวัติพฤติกรรมก่อนต้องโทษดี หรืออาจเคยทำคุณประโยชน์ให้สังคม รับใช้ชาติ เป็นนักบวชหรือผู้สอนศาสนา แต่ผิดพลาดก่ออาชญากรรมด้วยเหตุชั่ววูบ บันดาลโทสะ และจำเป็นต้องบำบัดควบคู่การรับโทษระยะยาว หรือนักโทษคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ฉ้อโกง คอรัปชั่น หรือก่ออาชญากรรมสงคราม ((ซึ่งแน่นอนว่า นักการเมืองก็เข้าข่ายนี้ เพราะถือว่าทำงานรับใช้ชาติมา แต่ไม่ใช่ว่าเจาะจงรองรับคนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะ))
. . .
ตัวอย่างของโรนัลดินโญ่ (Ronaldinho)
นักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ และมีพฤติกรรมดีเคยบริจาคช่วยเหลือสังคม สอนกีฬาแก่เด็กยากจน แต่ได้กระทำผิดกฎหมายความผิดสถานเบา
เขาเคยถูกคุมขังในเรือนจำเมื่อปี 2020 ที่ประเทศปารากวัย จากกรณีที่เขาและพี่ชายใช้ พาสปอร์ตปลอม เดินทางเข้าประเทศ
ลักษณะการติดคุกของโรนัลดินโญ่
1. สถานที่คุมขัง
เขาเริ่มต้นถูกควบคุมตัวในเรือนจำ Asunción ประเทศปารากวัย ซึ่งเป็นเรือนจำที่ไม่ได้เข้มงวดมากและมีนักโทษหลายประเภท
2. การใช้ชีวิตในคุก
โรนัลดินโญ่มีความเป็นกันเองกับเพื่อนนักโทษ และยังมีรายงานว่าเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลภายในเรือนจำ ซึ่งทีมของเขาชนะ และได้รับ “หมูย่าง” เป็นรางวัล
3. สถานะระหว่างการคุมขัง
หลังจากถูกคุมขังประมาณ 32 วัน เขาได้รับอนุญาตให้ย้ายไปอยู่ การกักบริเวณในโรงแรมหรู ในกรุง Asunción ระหว่างรอการพิจารณาคดี โดยมีข้อกำหนดว่าห้ามเดินทางออกจากพื้นที่จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
4. ผลลัพธ์ของคดี
ในที่สุด โรนัลดินโญ่ได้รับการปล่อยตัวในเดือนสิงหาคม 2020 หลังจากจ่ายค่าปรับจำนวน 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3 ล้านบาท) และพี่ชายของเขาก็ได้รับการปล่อยตัวด้วยเช่นกัน แต่ต้องจ่ายค่าปรับที่สูงกว่าคือ 110,000 ดอลลาร์
แนวคิดการใช้สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ (Alternative Prison Facilities)
1. นอร์เวย์
เรือนจำ Bastøy Prison
• เป็น “เรือนจำเปิด” ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Bastøy ประเทศนอร์เวย์
• ผู้ต้องขังอาศัยอยู่ในบ้านพักที่เหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ ทำงานด้านเกษตรกรรม ประมง และงานอื่น ๆ ในชุมชน โดยมีการควบคุมอย่างหลวม ๆ
• ระบบเน้นการเตรียมผู้ต้องขังให้กลับเข้าสู่สังคมได้ โดยมีอัตราการกระทำผิดซ้ำต่ำมาก (เพียง 20%)
2. เนเธอร์แลนด์
เรือนจำเปิด (Open Prisons)
• เนเธอร์แลนด์มีเรือนจำที่อนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปทำงาน เรียน หรือใช้ชีวิตในลักษณะกึ่งอิสระในช่วงเวลากลางวัน และกลับมาพักในเรือนจำในตอนกลางคืน
• นอกจากนี้ เนเธอร์แลนด์ยังมีโครงการ กักบริเวณในบ้านด้วยกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) ซึ่งใช้สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่ำ
3. สวีเดน
เรือนจำแบบกึ่งเปิด (Halfway Prisons)
• ผู้ต้องขังในเรือนจำแบบนี้ได้รับอนุญาตให้ทำงานนอกเรือนจำ พบปะครอบครัว หรือแม้แต่เดินทางกลับบ้านเป็นครั้งคราวเพื่อเตรียมตัวสำหรับการกลับเข้าสู่สังคม
• ตัวอย่างเช่น เรือนจำ Sollentuna ซึ่งมีห้องพักสะอาดสะอ้านพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และฟิตเนส
4. ฟินแลนด์
เรือนจำ Sukevan และ Otso
• ฟินแลนด์มี “เรือนจำเปิด” (Open Prisons) ที่มอบความอิสระให้ผู้ต้องขังในระดับที่สูงมาก เช่น ผู้ต้องขังสามารถออกไปทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในช่วงกลางวัน
• แนวคิดนี้ช่วยลดการตีตราผู้ต้องขังและส่งเสริมการปรับตัวในชีวิตจริงหลังพ้นโทษ
5. สหรัฐอเมริกา
Halfway Houses (บ้านกึ่งกลาง)
• ใช้สำหรับผู้กระทำผิดที่ได้รับการปล่อยตัวแบบทัณฑ์บน หรือผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ
• ผู้กระทำผิดจะถูกควบคุมตัวในบ้านพักเฉพาะที่มีกฎระเบียบเข้มงวด แต่จะมีโอกาสทำงานหรือเข้ารับการฟื้นฟูระหว่างการกักตัว
• แนวคิดนี้เน้นการฝึกอาชีพและการปรับตัวเพื่อกลับเข้าสู่สังคม
6. ญี่ปุ่น
Kangoku no Matsuri (บ้านฟื้นฟูชุมชน)
• ญี่ปุ่นมีสถานที่ที่ใช้แทนเรือนจำสำหรับผู้กระทำผิดเล็กน้อย เช่น ศูนย์บำบัดหรือศูนย์ฝึกอาชีพ ซึ่งให้ผู้ต้องขังทำงานและเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น
• มีการใช้ระบบกักตัวด้วยกำไล EM สำหรับการควบคุมตัวในบ้านในบางกรณี
7. ออสเตรเลีย
Community Corrections
• ออสเตรเลียใช้ระบบกักบริเวณ (Home Detention) หรือการบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนแทนการส่งผู้กระทำผิดเข้าสู่เรือนจำ
• ระบบนี้ใช้ร่วมกับการตรวจสอบพฤติกรรมและการฟื้นฟูจิตใจ เช่น การเข้ารับการบำบัดยาเสพติด
แนวคิดการใช้สถานที่คุมขังนอกเรือนจำเริ่มต้นในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูมากกว่าการลงโทษ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์และฟินแลนด์ ประเทศเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมและการให้โอกาสผู้กระทำผิดสามารถลดการกระทำผิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ ไม่ได้มีไว้สำหรับเจาะจงคนรวยหรือนักการเมือง ((ไม่ใช่เตรียมการไว้รองรับคนดังหรือนักการเมือง แล้วสุ่มหยิบนักโทษทั่วไปติดมาด้วยนิดนึงให้ดูเหมือนว่ามีสิทธิ์ทั่วถึงทุกคน))
การจำแนกแยกประเภทนักโทษที่จะถูกคุมขังนอกเรือนจำ คือนักโทษที่ไม่ได้เป็นอาชญากรโดยอาชีพ นักโทษที่มีประวัติพฤติกรรมก่อนต้องโทษดี หรืออาจเคยทำคุณประโยชน์ให้สังคม รับใช้ชาติ เป็นนักบวชหรือผู้สอนศาสนา แต่ผิดพลาดก่ออาชญากรรมด้วยเหตุชั่ววูบ บันดาลโทสะ และจำเป็นต้องบำบัดควบคู่การรับโทษระยะยาว หรือนักโทษคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ฉ้อโกง คอรัปชั่น หรือก่ออาชญากรรมสงคราม ((ซึ่งแน่นอนว่า นักการเมืองก็เข้าข่ายนี้ เพราะถือว่าทำงานรับใช้ชาติมา แต่ไม่ใช่ว่าเจาะจงรองรับคนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะ))
. . .
ตัวอย่างของโรนัลดินโญ่ (Ronaldinho)
นักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ และมีพฤติกรรมดีเคยบริจาคช่วยเหลือสังคม สอนกีฬาแก่เด็กยากจน แต่ได้กระทำผิดกฎหมายความผิดสถานเบา
เขาเคยถูกคุมขังในเรือนจำเมื่อปี 2020 ที่ประเทศปารากวัย จากกรณีที่เขาและพี่ชายใช้ พาสปอร์ตปลอม เดินทางเข้าประเทศ
ลักษณะการติดคุกของโรนัลดินโญ่
1. สถานที่คุมขัง
เขาเริ่มต้นถูกควบคุมตัวในเรือนจำ Asunción ประเทศปารากวัย ซึ่งเป็นเรือนจำที่ไม่ได้เข้มงวดมากและมีนักโทษหลายประเภท
2. การใช้ชีวิตในคุก
โรนัลดินโญ่มีความเป็นกันเองกับเพื่อนนักโทษ และยังมีรายงานว่าเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลภายในเรือนจำ ซึ่งทีมของเขาชนะ และได้รับ “หมูย่าง” เป็นรางวัล
3. สถานะระหว่างการคุมขัง
หลังจากถูกคุมขังประมาณ 32 วัน เขาได้รับอนุญาตให้ย้ายไปอยู่ การกักบริเวณในโรงแรมหรู ในกรุง Asunción ระหว่างรอการพิจารณาคดี โดยมีข้อกำหนดว่าห้ามเดินทางออกจากพื้นที่จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
4. ผลลัพธ์ของคดี
ในที่สุด โรนัลดินโญ่ได้รับการปล่อยตัวในเดือนสิงหาคม 2020 หลังจากจ่ายค่าปรับจำนวน 90,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3 ล้านบาท) และพี่ชายของเขาก็ได้รับการปล่อยตัวด้วยเช่นกัน แต่ต้องจ่ายค่าปรับที่สูงกว่าคือ 110,000 ดอลลาร์