ต่อจากวันก่อน ที่รีวิววันที่ 1 - 2 ไว้ด้วยกัน
.
เมื่อคืน พี่หลับไปประมาณ 3 ทุ่มนอร์เวย์ ตื่นมาดูนาฬิกาตี 4 ลุกมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงคุยกันดังมาจากชั้นล่าง
อ้อ..เมืองไทยตอนนี้ 10 โมง ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนๆ จะตื่น แต่เราเพิ่งหลับไปแค่ 6 ชั่วโมงกว่าๆ เองนะ
มองออกไปนอกหน้าต่าง หวังจะได้เห็นแสงเขียวๆ แบบฟลุ๊กๆ ไม่เลย บนฟ้ามีแต่เมฆ
ตื่นบ้างก็ได้ ไปสำรวจ Lofoten กัน
.
Lofoten เป็นหมู่เกาะทางตอนเหนือของนอร์เวย์ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 6,000 ปีในฐานะที่อยู่ของชาวไวกิ้ง 
ปัจจุบันก็เป็นคนธรรมดาที่หน้าตาดี สูงใหญ่ มีอาชีพประมงเป็นหลัก ปลาที่จับคือ ปลาค็อด หรือเรารู้จักกันในชื่อ ปลาหิมะ
.
พวกเรานัดกัน 7 โมงเช้า นอร์เวย์ ก็ประมาณบ่ายโมงไทย (ที่บอกเวลาไทยเพราะจะบอกว่า ยังไม่ได้กินข้าวเช้า)
เพื่อไปเดินดูหมู่บ้าน sakrisoy หมู่บ้านสีเหลือง ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่คนนิยมไปเที่ยวกัน เดินจากบ้านพักไปแค่ 200 เมตรเท่านั้น
.
ที่ Lofoten เค้าบอกว่า สีของบ้านเป็นตัวบอกฐานะเจ้าของบ้าน เนื่องจากสมัยหลายร้อยปีก่อนสีหายาก บ้านสีแดงจึงมีฐานะยากจนที่สุดเพราะสีแดงหาง่ายสุด ราคาถูก สีเหลืองมีฐานะปานกลาง และสีขาวร่ำรวยสุด บ้านที่พวกเราพักจึงถือเป็น "มหารานี" ก็คงไม่ผิด เพราะสีขาวหลังใหญ่.....ฮาาาา


บ้านสีขาวแสดงถึงความมีฐานะดี ที่พวกเราพัก มีรูปแค่นี้แหละ ว่าจะถ่ายหน้าบ้าน ออกไปหน้าบ้านทีไร ฝนตก หิมะตกทุกที เลยได้ดีสุดแค่นี้
.
ระหว่างเดินไปถ่ายรูปหมู่บ้าน Sakrisoy หิมะฝอยๆ ก็ตกตลอดเวลา แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อถ่ายรูปหมู่บ้านและมุมมหาชน มาจนได้
ก่อนที่จะมีนักท่องเที่ยวเยอะ (เราคิดผิด เพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่ พวกเราเยอะกว่า)





Sakrisoy หมู่บ้านสีเหลือง
ไม่กล้าเดินไปไกลมาก เพราะหิมะสลับกับฝนตกปรอยๆ ตลอดเวลา กลัวตกหนักแล้วกลับบ้านไม่ทัน ทางเดินเข้าบ้านเป็นหิมะหมด เดี๋ยวลื่นหกล้ม รุ่นนี้อะไหล่หายาก ยิ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าค่าครองชีพแพงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว ถึงมีประกันการเดินทางก็ไม่อยากใช้
.
สักพักหิมะเริ่มตกหนักก็กลับเข้าบ้าน ทำอาหารเช้ากิน (กว่าจะได้กินข้าวเช้า บ่าย 2 เมืองไทย)
.
9 โมงก็ออกจากบ้าน ต้องรีบออกหน่อยเพราะกลางวันไม่ยาวนัก และที่สำคัญพยากรณ์อากาศบอกว่าฟ้าจะใสแค่บ่าย 3 เท่านั้น


เส้นทางวันนี้ หมุดแรกคือบ้าน หมุด 2 หมู่บ้าน Reine และ หมุด 3 หมู่บ้าน A
.
จุดหมายที่ 2 ของวันนี้คือหมู่บ้าน Reine แต่จุดชมวิวของหมู่บ้านมีรถจอดเยอะ เลยขับรถเข้าไปเที่ยวในหมู่บ้านก่อน  ถนนแคบไม่มีที่จอดรถเลย  ก็เลยไปจอดหน้าโรงตากปลาค็อดถ่ายรูปกันนิดหน่อยแล้วก็ไปต่อเดี๋ยวบ่ายๆ กลับมาใหม่


อ่านรีวิวมาเค้าบอกว่าโรงตากปลาค็อดเยอะมาก เลยต้องถ่ายรูปซะหน่อย เดี๋ยวมาไม่ถึง
.
จุดหมายที่ 2 หมู่บ้าน A
หมู่บ้านปลายสุดของเกาะ Lofoten ขับรถวนไปในหมู่บ้านแต่ไม่มีที่ให้จอด เลยไปจอดรถท้ายหมู่บ้าน แล้วเดินประมาณ 500 เมตร ถึงจุดชมวิวปลายสุดของเกาะ
.
เมื่อคืนที่นี่หิมะน่าจะตกหนักเลยค่อนข้างหนา ดีนะติดไม้เท้าแทรคมาด้วย เดินชมวิวกันพักใหญ่ ก็เริ่มหิว ดูนาฬิกา ก็ 5 โมงเย็นเมืองไทย ไปหาอะไรกินดีกว่า


ที่จอดรถท้ายหมู่บ้าน A

ทางเดินจากจุดจอดรถไปยังจุดชมวิว

วิวหมู่บ้านก็จะประมาณนี้


จากประภาคารปลายสุดของเกาะ ถ่ายย้อนกลับมาที่หมู่บ้าน A

หิน A ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูป ที่ทางเดินไปจุดปลายสุดของเกาะ Lofoten เดินไปปลายสุด ลมแรง หนาวมาก แต่หนาวนี้เด็กๆ เลย สำหรับวันต่อๆ ไป
.
อยู่ที่นี่วันแรกๆ สับสนเวลามากโดยเฉพาะเรื่องกิน กินอาหารเช้าตอนบ่าย 2 อาหารกลางวันตอน 6 โมงเย็น  และอาหารเย็นตอนเที่ยงคืน....แต่กินมั๊ย ก็กินนะ
.
วันนี้วันอาทิตย์ เค้าว่าร้านปิดทั้งเมือง เลยถามอากู๋ (google) ด้วยคำค้น "ร้านอาหารใกล้ฉัน" ก็พบร้านหนึ่งใกล้ๆ บ้านที่เราพัก ป่ะ กลับไปหาอะไรกินกันเถอะ หิวแล้ว
.
แต่เดี๋ยวก่อน....ระหว่างทางกลับ
ผ่านจุดชมวิวหมู่บ้าน Reine คนน้อยมีที่จอดรถ จอดรถสิคะรออะไร ลมแรงมาก จนหมวกของน้องที่มาด้วยกันปลิวตกหน้าผา จริงๆ ก็ไปติดที่ต้นไม้ไม่ไกลหรอก แต่มันมีหิมะ ถ้าลื่นตกเขาคงไม่คุ้ม สรุป ปล่อยมันไป ดีนะที่เค้าเอาหมวกมาหลายใบ
.


หมู่บ้าน Reine มองจากจุดชมวิว ลมแรง หนาวมาก
.
กว่าจะถึงร้านอาหารก็ เที่ยง (นอร์เวย์) ร้านนี้ชื่อ Anitas Seafood Shop & Bar อยู่ในหมู่บ้าน Sakrisoy เอาจริงเดินกลับบ้านแค่ 200 เมตร แต่ตอนกลับฝนตกหนัก ขึ้นรถค่ะ ยังอยู่อีกหลายวัน ป่วยไปจะอดเที่ยว
.
อาหารหลักที่นี่เป็นเบอร์เกอร์ สลัด ซุป ได้เห็น ปลาค็อดแห้ง แชนเดอเรียปลาค็อด ชิมเบอร์เกอร์ปลาค็อด เบอร์เกอร์แซลมอน เบอร์เกอร์กุ้ง มีพวกของฝากจาก Lofoten ช้อคโกแลต "Northern Light" สวยเชียว ตัดสินใจอยู่นานว่าจะซื้อดีไหม สรุป ไม่ได้ซื้อ
บอกเลย......สดใหม่ ถ้าลดความเค็มลงได้จะอร่อยมาก
.

วิวหน้าร้าน ถ้าฝนไม่ตกและไม่หนาวขนาดนี้ นั่งชิวดูวิว น่าจะดี


มองออกไปนอกหน้าต่าง ฟีลกู๊ดมาก

มื้อแรกที่กินในร้านอาหาร ก็จะหรูประมาณนี้ ราคาจานละ 300 กว่าๆ NOK คิดเป็นเงินไทย คูณ 3 เข้าไปค่ะ กินสร้างภาพมื้อนึง ที่เหลือกลับไปกินมาม่าที่เอามาจากไทย


แชนเดอเรีย ทำจากปลาค็อดตากแห้ง พี่ชอบไอเดียงานศิลป์ที่ประเทศนี้นะ มันนอกกรอบดี


และนี่ก็คือพระเอกของเรา "ปลาค็อดตากแห้ง" อ่านในรีวิว Lofoten ต้องเจอ ลองกินแล้ว เนื้อแน่น หวานอร่อย แต่กินเยอะไม่ไหว พรุ่งนี้คงได้ฟอกไต เค็มมาก ยิ่งถ้าขึ้นชื่อว่า Salted แล้ว กินไม่ไหว เค็มจนขม คำเดียวจอด
.
กินเสร็จฝนตกกลับเข้าบ้าน..นอนพักผ่อนกลางคืนจะเริ่มล่าแสงเหนือ
.
และแล้วกลางคืนก็มาถึง พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้มีเมฆมาก แต่ไม่มีฝน ก็เลยออกไปเสี่ยงล่าแสงกัน
.
ทำไมถึงเรียกล่าแสงเหนือ
ก็เพราะแสงเหนือไม่ได้เห็นกันง่ายๆ คนจะเห็นแบบสวยๆ เหมือนในรูปถ่าย หรือสารคดีได้ ต้อง "ดวงดี" จริงๆ เท่านั้น และคนจะไปดูแสงเหนือจะขับรถไปจอดซุ่มๆ ตามที่มืด รอจนกว่าฟ้าจะเปิด จึงจะได้เห็นแสงเหนือ เหมือนการไปซุ่มล่าสัตว์ พวกเราก็เหมือนกัน เน้นหาที่มืดที่ไม่ค่อยมีรถผ่าน นั่งรออยู่นานฟ้าก็ไม่เปิด เปลี่ยนที่ไปเจออีกกลุ่มหนึ่งเค้ายืนดูกันอยู่ เลยจอดรถ ลงไปบ้าง 
.
แล้วก็ได้เจอ แสงเหนือครั้งแรกในชีวิต 
วันนี้ค่า KP แค่ 2.6 หมายถึงมองด้วยตาเปล่าเหมือนเมฆดีๆ นี่เอง แต่ถ้ามองดีๆ จะรู้ว่ามันมีสง่าราศีกว่าเมฆทั่วไป และมีลักษณะเป็นริ้ว พอดีมีเพื่อนในกลุ่มเคยมาดูแล้ว ก็เลยบอกว่า นั่นแหละแสงเหนือ
.

เริ่มต้น นางมาแบบจางๆ มองด้วยตา แยกไม่ออกระหว่างแสงเขียวๆ นั่น กับเมฆด้านล่าง ต้องใช้กล้อง (โทรศัพท์มือถือนี่แหละ) ถ่ายรูปจึงเห็นเป็นสีเขียวๆ 

พอมาเยอะๆ หน่อย ก็เริ่มจะดูออก เห็นเป็นริ้ว สีอมเขียว ดูมีออร่ากว่าเมฆทั่วไป 

แป๊บเดียวฟ้าก็ปิด แต่อย่างน้อยก็มาไม่เสียเที่ยวแล้วหละ ถือว่าตายตาหลับ ยังมีเวลาอีก 10 กว่าวัน มันต้องเห็นบ้างแหละ
.
หมายเหตุ ค่า KP เป็นค่าวัดระดับของคลื่นแม่เหล็ก จากดวงอาทิตย์ที่จะมาทำปฏิกิริยาให้เกิดความสว่างของแสงเหนือ มีระดับตั้งแต่ 0 - 9 คือ
1 ไม่เกิดแสงเหนือกลับบ้านนอนได้
2 ดูเหมือนเมฆ ดูเผินๆ นึกว่าเมฆจริงๆ นะ เพราะเป็นปื้นขาวๆ ขมุกขมัว แทบไม่เชื่อว่าใช่ ถ้ารู้จักสักพักจะแยกได้ว่าปื้นขาวๆ เหมือนเมฆนั้นมีลักษณะเป็นริ้วเป็นเส้นและเปลี่ยนรูปร่างเร็ว ถ่ายรูปเห็นเป็นแสงสีเขียว
3 พอแยกออกว่าไม่ใช่เมฆ เพราะมีแสงเขียวๆ เรืองๆ ปนกับไอ้กลุ่มเมฆ ในระดับ 2 ถ่ายรูปได้ชัดเจน
4 เห็นเป็นสีเขียวหรือสีอื่น ด้วยตาเปล่า เป็นแผง ถ้า 4 สูงๆ จะเห็นเป็นริ้ว
5 ตั้งแต่ KP 5 ขึ้นไป คือเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องสงสัยว่านั่นเมฆ หรือแสงเหนือ และถ้า 8 ขึ้นไป ก็เรียกได้ว่าระเบิด และอาจมองเห็นถึงนอกเขตที่เค้าเห็นแสงเหนือกัน เช่น เมื่อเดือน พ.ค.67 สามารถเห็นได้ใน New York หรือ ปักกิ่ง
.
การถ่ายรูปแสงเหนือ ไม่ต้องคิดมาก เอาขาตั้งกล้องที่มั่นคงไป เพราะลมแรงมาก ใช้โทรศัพท์มือถือนี่แหละ เปิด Night Mode ตั้งกล้องให้มันคง เล็ง กด ถ้ามีรีโมทจะดี เพราะช่วยให้กล้องไม่สั่น ถ้าจะถ่ายให้ติดคน ก็ยืนตำแหน่งที่ต้องการ ใช้มือถืออีกเครื่องเปิดไฟ ผ่านแว๊บเดียวตอนกดชัตเตอร์ แว๊บเดียวจริงๆ นะ อย่านาน ไม่อย่างนั้นจะมองไม่เห็นแสงเหนือ เห็นแต่หน้าคนสว่างเต็มเฟรม 
.
ได้เห็นแสงเหนือซักพัก ฟ้าก็ปิด ฝนเริ่มตกอีกแล้ว กลับบ้านนอน ลุ้นว่าระหว่างทางจะมีสวยๆ มั๊ย ไม่หรอก ฝนตกตลอด
คืนนี้เราพักที่เดิม Work Away Holiday Base Lofoten
.
ว่างๆ มารีวิวต่อค่ะ
.
อ่านตอนอื่นๆ ได้ตาม Link
ล่าแสงเหนือ Day 1-2 : กรุงเทพฯ - โลโฟเทน : https://ppantip.com/topic/43157801
ล่าแสงเหนือ Day 4 : Lofoten : https://ppantip.com/topic/43163258/comment7
ล่าแสงเหนือ Day 5 : Lofoten - Gratangen : https://ppantip.com/topic/43166778
ล่าแสงเหนือ Day 6 : Gratangen - Senja Island : https://ppantip.com/topic/43174947
ล่าแสงเหนือ Day 7 : Senja Island : https://ppantip.com/topic/43175240
ล่าแสงเหนือ Day 8 : Senja - Sommaroy : https://ppantip.com/topic/43178972
ล่าแสงเหนือ Day 9 : Sommaroy : https://ppantip.com/topic/43180888
ล่าแสงเหนือ Day 10 : Sommaroy - Tromso : https://ppantip.com/topic/43181727
ล่าแสงเหนือ Day 11 : Tromso : https://ppantip.com/topic/43183087
ล่าแสงเหนือ Day 12 : Oslo : https://ppantip.com/topic/43186297?sc=0Z1e71r
ล่าแสงเหนือ : เก็บตก : https://ppantip.com/topic/43190467?sc=Kpz4Ib7

.
อ่านสาระอื่นๆ ได้ในเพจ หลากหลาย by Artima
https://www.facebook.com/profile.php?id=100064724916964