ตอบง่าย ๆ เลย…. เพราะมันรวยที่สุดในบรรดาอาชีพกินเงินเดือน
ด้วยรายได้เฉลี่ย $177,000-220,000 ต่อปี ( แล้วแต่เฉพาะทาง ) หมอเป็นอาชีพที่ทำเงินได้สูงสุดตลอดกาลในตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา เมื่อ work-life balance ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
และเมื่อเทียบกับเงินเดือนอาชีพ S-tier อื่น ๆ
ทันตแพทย์ $140,000-200,000
วิศวกร $90,000-120,000
นักการเงิน การบัญชี $110,000
สัตวแพทย์ $99,000
โปรแกรมเมอร์ ( ระดับผู้ดูแลระบบ )$80,000-110,000
นักเคมี $110,000
พยาบาล $75,000-110,000
แล้วนักกฏหมายล่ะ ได้ข่าวว่ารวย
นักกฏหมายตกจาก A tier ไปอยู่ B tier มาได้ 2-3 ปีแล้ว เพราะการแข่งขันที่สูงมาก และมีนักกฏหมายแค่ 2-3% เท่านั้นที่ทำรายได้เกิน $78,000 ต่อปี ( คนที่ได้ต่ำสุดอาจจะแค่ $45,000 ส่วนคนที่ได้สูงสุดอาจจะได้ถึง $200,000 )
ส่วนอาชีพ A-tier ก็มีพวก
นักวิทยาศาสตร์-นักวิจัย $60,000-80,000
ช่างซ่อมบำรุง $56,000-88,000 ( แล้วแต่ความสามารถเฉพาะทาง )
โปรแกรมเมอร์ ( ระดับปฏิบัติการทั่วไป $60,000-70,000
ที่น่าสนใจคือ นักบินอวกาศของ NASA ดันถูกจัดให้อยู่ใน C -tier แม้ว่าเงินเดือนจะสูงถึง $115,000-165,000 ต่อปี เป็นเพราะว่า NASA รับนักบินอวกาศปีนึงน้อยมาก ๆ (6 คนต่อปี ถ้าจำไม่ผิด) แถมบางส่วนยังไปจิ้มเลือกเอาโดยตรงจากกองทัพ ดังนั้นเมื่อมองจากภาพรวมของตลาดแรงงาน tier มันเลยถูกกด
*** อาชีพที่พูดถึงในที่นี้คือ การเข้าไปเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนนะ ดักไว้ก่อน ขี้เกียจเถียงกับพวก ‘ Elon, Mark, Jeff หรือพวกนักลงทุนรวยกว่าตั้งเยอะ ‘ …. คือมันจะมีอีกกลุ่มที่รวยเพราะแบกรับความเสี่ยง tier ที่จัดนี่คือพวกความเสี่ยงต่ำ กินเงินเดือนอย่างเดียว ***
…..
…..
…..
เส้นความยากจนของสหรัฐอเมริกาคือ $32,050 ต่อปี ถ้าคุณได้เกินนี้ คุณคือชนชั้นกลาง -ล่าง
$32,050 - 52,200 คือชนชั้นกลาง-ล่าง
$52,200-106,827 ชนชั้นกลาง-กลาง
$106,827-373,849 ชนชั้นกลาง-บน
ได้มากกว่า $373,849 ถึงจะพูดได้เต็มปากว่า”รวย”
ในประเทศที่คุณหาเงินได้ปีละ 12 ล้านบาท คุณก็ยังคงเป็นชนชั้นกลาง เพราะพวกบริษัทยักษ์ใหญ่มันทำเพดานไว้สูงมาก…. ( เมื่อเทียบกับประเทศไทย คุณต้องมีรายได้ประมาณ $6,600 หรือ 217,800 บาท เพื่อที่จะเป็นชนชั้นกลางล่าง ) มีไม่กี่ทางที่บรรดาผู้อพยพจากเอเชียจะสามารถขยับ class ของตัวเองภายในชั่วอายุคน
อันดับแรกคือการลงทุน เพื่อเป็นเจ้าของกิจการ หรือลงทุนในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ … แต่การลงทุนมันมีความเสี่ยง ถ้าพ่อแม่ไม่อยากเสี่ยง หรือไม่มีเงินไปลงทุน ความกดดันก็จะตกไปอยู่กับเด็ก ๆ แทน ….
“ ลูกต้องเป็นหมอนะลูก แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยซื้อบ้านให้พ่อกับแม่อยู่ “… เลื่อนคลาสกันผ่านความกตัญญูไป
นอกจากนี้ยังมีเรื่องความต้องการการยอมรับจากสังคมเพื่อกลบปมด้อยผู้อพยพอีก … ลูกเป็นหมอ เวลาไปโบสถ์มันยืดได้
….
….
….
แล้วพวก White-American ล่ะ มันอยากให้ลูกเป็นหมอไหม ….
จะเหลือเรอะ ลูกได้จดหมายตอบรับจากโรงเรียนแพทย์นี่แทบจะจัดปาร์ตี้เชิญคนทั้งเมือง
โรงเรียนไหนที่มีสถิติตอบรับนักเรียนเข้าไปเรียนในโรงเรียนแพทย์หรือกลุ่มอาชีพ S-tier เยอะ ๆ ก็จะได้คะแนนโรงเรียนสูง คะแนนโรงเรียนสูง ส่งผลให้ราคาบ้าน-ที่ดินในเมืองที่โรงเรียนตั้งอยู่มีราคาแพงขึ้น เทศบาลเมืองก็เก็บภาษีได้เยอะขึ้น
ระบบอันดับคะแนนของโรงเรียนประจำเมืองนี่มีบันทึกไว้ในฐานข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทที่ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษาเลยทีเดียว…. ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นการขึ้นป้ายไว้หน้าโรงเรียนนั่นแหละ …
….
….
….
ดังนั้นอย่าไปงอนโรงเรียนเลย เวลามันเอานักเรียนที่สอบติดหมอมาแห่ มันเก่งของมันจริง ๆ อ่ะ แล้วมันเป็นกันแทบจะทั้งโลก ไม่ใช่เอะอะเจออะไรไม่ถูกใจก็ ในไทยๆๆๆๆๆ ไว้ก่อน
ที่มา :
https://www.facebook.com/share/p/RjMmCdJt7p6XxBxg/
ทำไมพ่อแม่ชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกา( หรือทั่วโลก) ถึงอยากให้ลูกเป็นหมอ?
ด้วยรายได้เฉลี่ย $177,000-220,000 ต่อปี ( แล้วแต่เฉพาะทาง ) หมอเป็นอาชีพที่ทำเงินได้สูงสุดตลอดกาลในตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา เมื่อ work-life balance ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
และเมื่อเทียบกับเงินเดือนอาชีพ S-tier อื่น ๆ
ทันตแพทย์ $140,000-200,000
วิศวกร $90,000-120,000
นักการเงิน การบัญชี $110,000
สัตวแพทย์ $99,000
โปรแกรมเมอร์ ( ระดับผู้ดูแลระบบ )$80,000-110,000
นักเคมี $110,000
พยาบาล $75,000-110,000
แล้วนักกฏหมายล่ะ ได้ข่าวว่ารวย
นักกฏหมายตกจาก A tier ไปอยู่ B tier มาได้ 2-3 ปีแล้ว เพราะการแข่งขันที่สูงมาก และมีนักกฏหมายแค่ 2-3% เท่านั้นที่ทำรายได้เกิน $78,000 ต่อปี ( คนที่ได้ต่ำสุดอาจจะแค่ $45,000 ส่วนคนที่ได้สูงสุดอาจจะได้ถึง $200,000 )
ส่วนอาชีพ A-tier ก็มีพวก
นักวิทยาศาสตร์-นักวิจัย $60,000-80,000
ช่างซ่อมบำรุง $56,000-88,000 ( แล้วแต่ความสามารถเฉพาะทาง )
โปรแกรมเมอร์ ( ระดับปฏิบัติการทั่วไป $60,000-70,000
ที่น่าสนใจคือ นักบินอวกาศของ NASA ดันถูกจัดให้อยู่ใน C -tier แม้ว่าเงินเดือนจะสูงถึง $115,000-165,000 ต่อปี เป็นเพราะว่า NASA รับนักบินอวกาศปีนึงน้อยมาก ๆ (6 คนต่อปี ถ้าจำไม่ผิด) แถมบางส่วนยังไปจิ้มเลือกเอาโดยตรงจากกองทัพ ดังนั้นเมื่อมองจากภาพรวมของตลาดแรงงาน tier มันเลยถูกกด
*** อาชีพที่พูดถึงในที่นี้คือ การเข้าไปเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนนะ ดักไว้ก่อน ขี้เกียจเถียงกับพวก ‘ Elon, Mark, Jeff หรือพวกนักลงทุนรวยกว่าตั้งเยอะ ‘ …. คือมันจะมีอีกกลุ่มที่รวยเพราะแบกรับความเสี่ยง tier ที่จัดนี่คือพวกความเสี่ยงต่ำ กินเงินเดือนอย่างเดียว ***
…..
…..
…..
เส้นความยากจนของสหรัฐอเมริกาคือ $32,050 ต่อปี ถ้าคุณได้เกินนี้ คุณคือชนชั้นกลาง -ล่าง
$32,050 - 52,200 คือชนชั้นกลาง-ล่าง
$52,200-106,827 ชนชั้นกลาง-กลาง
$106,827-373,849 ชนชั้นกลาง-บน
ได้มากกว่า $373,849 ถึงจะพูดได้เต็มปากว่า”รวย”
ในประเทศที่คุณหาเงินได้ปีละ 12 ล้านบาท คุณก็ยังคงเป็นชนชั้นกลาง เพราะพวกบริษัทยักษ์ใหญ่มันทำเพดานไว้สูงมาก…. ( เมื่อเทียบกับประเทศไทย คุณต้องมีรายได้ประมาณ $6,600 หรือ 217,800 บาท เพื่อที่จะเป็นชนชั้นกลางล่าง ) มีไม่กี่ทางที่บรรดาผู้อพยพจากเอเชียจะสามารถขยับ class ของตัวเองภายในชั่วอายุคน
อันดับแรกคือการลงทุน เพื่อเป็นเจ้าของกิจการ หรือลงทุนในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ … แต่การลงทุนมันมีความเสี่ยง ถ้าพ่อแม่ไม่อยากเสี่ยง หรือไม่มีเงินไปลงทุน ความกดดันก็จะตกไปอยู่กับเด็ก ๆ แทน ….
“ ลูกต้องเป็นหมอนะลูก แล้วเดี๋ยวอีกหน่อยซื้อบ้านให้พ่อกับแม่อยู่ “… เลื่อนคลาสกันผ่านความกตัญญูไป
นอกจากนี้ยังมีเรื่องความต้องการการยอมรับจากสังคมเพื่อกลบปมด้อยผู้อพยพอีก … ลูกเป็นหมอ เวลาไปโบสถ์มันยืดได้
….
….
….
แล้วพวก White-American ล่ะ มันอยากให้ลูกเป็นหมอไหม ….
จะเหลือเรอะ ลูกได้จดหมายตอบรับจากโรงเรียนแพทย์นี่แทบจะจัดปาร์ตี้เชิญคนทั้งเมือง
โรงเรียนไหนที่มีสถิติตอบรับนักเรียนเข้าไปเรียนในโรงเรียนแพทย์หรือกลุ่มอาชีพ S-tier เยอะ ๆ ก็จะได้คะแนนโรงเรียนสูง คะแนนโรงเรียนสูง ส่งผลให้ราคาบ้าน-ที่ดินในเมืองที่โรงเรียนตั้งอยู่มีราคาแพงขึ้น เทศบาลเมืองก็เก็บภาษีได้เยอะขึ้น
ระบบอันดับคะแนนของโรงเรียนประจำเมืองนี่มีบันทึกไว้ในฐานข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทที่ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษาเลยทีเดียว…. ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นการขึ้นป้ายไว้หน้าโรงเรียนนั่นแหละ …
….
….
….
ดังนั้นอย่าไปงอนโรงเรียนเลย เวลามันเอานักเรียนที่สอบติดหมอมาแห่ มันเก่งของมันจริง ๆ อ่ะ แล้วมันเป็นกันแทบจะทั้งโลก ไม่ใช่เอะอะเจออะไรไม่ถูกใจก็ ในไทยๆๆๆๆๆ ไว้ก่อน
ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/RjMmCdJt7p6XxBxg/