น้องฉันเปลี่ยนไป เพราะนิสัยเดิม เพราะโรค หรือเพราะคุณไสย กันแน่??

เราเป็นคนที่พูดน้อยและพูดไม่เก่ง ซึ่งสวนทางกับน้องสาวเราที่พูดเก่งกว่าและเป็นคนที่พูดคุยกับแม่บ่อยสุด
เรื่องมีอยู่ว่า น้องสาวเราเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเรียนจบ ช่วงนั้นก็ไปหาหมอกินยาอาการก็ดีขึ้น หลังเรียนจบก็กลับไปอยู่ที่บ้าน อ่านหนังสือรอสอบใบประกอบวิชาชีพครู ระหว่างนี้ก็ยังกินยารักษาอาการ  ด้วยความที่น้องเรียนจบแล้วแต่ยังไม่มีงานทำ(ตกงาน) ป้าเราเลยเรียกไปช่วยงานและให้เงินเดือน เรากับแม่จึงปล่อยให้น้องไปเพราะน้องจะได้มีงานทำ ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องหางาน 
จนวันนึงน้องได้พบผช.ในเฟส ได้พูดคุยคบหากัน (ยังไม่เคยเจอตัวจริง คุยผ่านจอโทรศัพท์) แม่ก็ไม่ได้ห้ามที่จะคบกัน แต่แม่ไม่ชอบที่น้องคุยกับแฟนเสียงดังท่ามกลางเพื่อนร่วมงาน แม่รู้สึกว่ามันดูไม่งามและไม่เหมาะสม จึงได้ตักเตือนน้องบ้าง ช่วงนี้น้องเริ่มพูดคุยกับแม่น้อยลง เริ่มตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ยายเสีย เป็นวันที่แม่เสียใจมาก เราไม่ได้ไปร่วมงานศพยาย เราไม่รู้เรื่องเลย เพราะแม่เราไม่ได้บอก เรารู้ก็ตอนใกล้ฝังแล้ว (งานศพที่บ้านจะไม่เผา) จากน้องสาว 
หลังงานศพยาย แม่เศร้าหนักมาก จนต้องให้แม่ไปรพ. พบว่าเป็นซึมเศร้า ก็ได้ยามากินและนัดตรวจทุกเดือน ระหว่างนี้แม่ให้ก็น้องกลับมาอยู่ที่บ้าน แต่เหมือนน้องจะไม่ค่อยอยากอยู่ อารมณ์น้องขึ้นๆลงๆ วันไหนดีคือคุยกับแม่เป็นปกติเลย วันไหนที่ไม่ดีคือพูดจาเสียๆหายๆ แล้วบวกกับที่แม่เป็นซึมเศร้าอยู่แล้วแม่ก็อาการหนักมากขึ้นถึงขั้นที่ว่าไม่อยากอยู่แล้ว จนป้าที่เรียกน้องไปทำงานด้วยโทรมาปลอบใจ และพี่น้องที่อยู่ใกล้มาให้กำลังใจ มาช่วยเคลียร์น้องกับแม่ แม่ก็เริ่มอการดีขึ้น ระหว่างนี้น้องกับแฟนยังคบหากันอยู่ และเริ่มมีการเถียง ด่ากันขึ้น มีการขู่บ้าง ซึ่งมันทำให้แม่เรารู้สึกไม่โอเคเลย แม่ก็ได้ตักเตือนน้องไปว่าให้พูดกันดีๆ แต่เตือนไปก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แม่ตักเตือนแต่น้องสาวคนเดียวไม่ได้ยุ่งกับแฟนน้องเลย 
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับน้องเริ่มห่างกันขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นถามคำตอบคำ น้องคอยแต่คุยโทรศัพท์กับแฟน คุยแบบไม่วางโทรศัพท์ไกลมือเลย จนเริ่มนินทาลับหลังแม่ พูดจาไม่ดีใส่แม่ คำที่ทำให้แม่เสียใจที่สุดคือคำว่า แม่เป็นเหมือนผี เป็นคำพูดที่แม่เสียใจที่สุด เราเองก็เสียใจมากไม่คิดว่าน้องจะพูดคำนี้ออกมา
อีกปัญหานึงที่ทำให้รู้สึกไม่ดีกับการคบกันของน้องคือเรื่อง เงิน น้องไปทำงานกับป้าได้ราวๆหกเดือน เดือนละหมื่นบาท กินฟรีอยู่ฟรี  ค่าใช้จ่ายก็ของใช้ส่วนตัวไม่น่าจะใช้ถึง3,000 บาท หรือปล่าว ก่อนกลับบ้านน้องได้ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ เป็นไอโฟน ถามราคาก็ตอบไม่เคลียร์ ปัญหาก็คือน้องไม่มีเงินเก็บเหลือเลย แม่เรารู้สึกแปลกใจมาก ถามว่าเอาไปใช้อะไรน้องก็ไม่ตอบ เราเองก็คาใจมาก อย่างน้อยก็ต้องเหลือบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี 
หลังจากเรื่องราวต่างๆนาๆ แม่ก็เริ่มทำใจปล่อยให้น้องกลับไปทำงาน แต่น้องดันโกหกแม่ แอบไปแอบอยู่กับแฟน หลายวันก่อนจะไปทำงานกับป้าอีกครั้ง น้องไม่ค่อยโทรคุยกับแม่ นานๆโทรไปครั้งนึง โทรครั้งนึงถกเถียงกันบ้าง ประชดประชันบ้าง ซึ่งมันผิดปกติจากเดิมมากๆ คือเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย  จนแม่และป้าพี่น้องแม่คิดว่าน้องโดนทำของรึเปล่า เพราะหลังจากที่น้องกลับไปทำงาน อาการแม่ก็ดีขึ้น ยังไม่หายขาด ยังไปตรวจที่รพ.ตามนัดอยู่ แต่สภาพจิตใจและร่างกายเริ่มรู้สึกดีขึ้น
เราได้คุยและชวนน้องไปรพ. รักษาอาการซึมเศร้าเพราะน้องไม่ได้กินยาเลย มีอาการหลงลืมบ้าง น้องอ้างว่าไม่มีตังค์ ไม่มีเวลา เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนวันที่น้องจะลาออก เราก็เลยชักชวนน้องให้ไปรักษาอีกครั้งโดยเราออกค่ารักษาและค่าเดินทางให้ ซึ่งเราเองก็สงสัยมากว่าน้องไม่มีเงินเลยสักบาทหรอ บางทีสั่งของออนไลน์ยังมาขอยืมเงินอยู่เลย และน้องก็ยอมไปตรวจกับแฟน แต่โกหกว่าไปกับเพื่อนและแฟนเพื่อน เราเสียใจตรงที่ไม่พูดความจริง 
น้องได้ลาออกและกลับบ้าน แต่ไม่ได้อยู่บ้าน อยู่ที่บ้านเช่าหลังเล็กในเมือง บ้านที่เช่าไว้ในสมัยที่ยังเรียนปวช.อยู่ (บ้านเราอยู่นอกเมืองไกลจากในเมืองมาก) และแฟนก็ตามมาอยู่ด้วย ตอนแรกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกันก่อน จนกระทั่งตังค์หมดแหละมั้ง จึงมาอยู่ที่บ้านเช่า อ้างว่ามาทำใบขับขี่  แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ปล่อยให้อยู่ด้วยกัน เพราะคิดว่าหลังจากได้ใบขับขี่แล้วจะไปหางานทำ ระหว่างนี้แม่ก็ลงไปทำธุระในเมืองก็ไปหาบ้าง เตรียมกับข้าวให้กิน แต่แฟนน้องไม่กิน แม่เรียกให้มากินก็ไม่มา ตักข้าวให้ด้วยความหวังดี แต่เอาข้าวไปเททิ้งแล้วมาตักใหม่กินเอง คือไม่รู้ว่าแม่เรามันสกปรกหรือกลัวอะไรทำไมถึงต้องเททิ้ง ไม่ทักทายพ่อแม่เรา ไม่ให้เกียรติพ่อแม่เราเลย ไม่มีความละอายใจเลย ถ้าคนนอกรู้คงจะนินทาเอาว่ามาเกาะบ้านแฟนกิน แต่แม่เราเก็บเรื่องพวกนี้เงียบมาก็ไม่บอกใครเลยเรารู้กันแค่ในครอบครัวกันเอง เพราะแม่กบัวน้องเสียหาย
อยู่จนครบเดือนนึงแล้วก็ยังไม่ไปไหน งานการก็ไม่ทำ นอนกินเงินดิจิตอลอยู่นั้นแหละ แทนที่จะเอาไปต่อยอดหารายได้ ก็ไม่ทำ มาขอทำงานมาช่วยพ่อแม่ทำงานก็ไม่มี จนเราทนไม่ไหวจึงเข้าไปเม้นท์ใต้โพสในเฟสที่ลงรูปใบขับขี่ที่ได้มาใหม่ๆเลย จนเกิดการถกเถียงกันและยังขู่อีกว่าจะให้ออกไปแบบไหนอีก แบบไหน คำนี้ทำให้เราคิดไม่ดีเลย (เราไม่เคยเจอเค้าแต่เราอ่านเม้นท์ที่โต้ตอบกลับมาแล้วรู้สึกไม่ดีกับคนคนนี้เลย) จนมันไม่พอใจและออกไปเอง น้องเราไม่ได้ไปด้วย ก็ให้อยู่บ้าน และเปิดร้านขายของเล็กหน้าบ้าน แต่ขายได้ไม่ถึงเดือนก็หนีไปกับแฟน  
ที่ขายของเพราะจะเก็บเงินหนีไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมยังโกหกว่าจะไปหาหมอ จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าไปหาหมอจริงหรือเปล่า ล่าสุดเรียกกลับบ้านให้กลับมาเปิดร้าน เพราะซื้อของให้หมดแล้ว แต่ไม่ยอมกลับมาบอกว่าแม่ไล่ออกจากบ้านแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่มีใครไล่ออกเลย
จนถึงวันนี้น้องก็ยังหลงๆลืม ๆ ยาก็ไม่ยอมกินอีก

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลย มันเกิดขึ้นหลังจากที่เราลงมาทำงานใน กทม.ได้1ปี ทุกอย่างนี้เรารับรู้จากการคุยกับแม่ และจากการคุยกับน้องสาวบางส่วน 
ช่วงที่แย่ที่สุดคือช่วงที่แม่เป็นซึมเศร้า เราเกือบลาออกจากงานกลับไปดูแลแม่ แต่แม่ไม่ให้ลาออกและบอกกับเราว่าแม่ยังมีเราอยู่ แม่ไม่เป็นอะไร เรากลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจอีกคนจึงยังอยู่ทำงานต่อ เราเข้าใจแม่ดีว่าแม่หวังดีกับเราไม่อยากให้เราตกงาน แม่เราห่วงน้องสาวมากๆห่วงมากกว่าเรา แต่เราก็ไม่ได้น้อยใจอะไรเพราะเรารู้มาโดยตลอด และรู้ว่าแม่ก็รักเราเช่นกันแต่แค่ห่วงกันคนละบริบท
ปัญหาของเราในตอนนี้คือ 
1 เรากลัวความรู้สึกของน้อง เพราะน้องเคยคิดฆตต.มาแล้วครั้งนึง กลัวว่าถ้าเราพูดอะไรไปแล้วน้องจะเกิดอันตราย หรือคิดสั้นทำอะไรไม่ดี
2 เราไม่ไว้วางใจแฟนของน้องเลย เรากลัวเค้าจะทำร้ายน้อง หากเค้ารักน้องเราจริงๆ เค้าก็ต้องส่งเสริมกันและกันพาน้องเราไปหาหมอ หางานทำตั้งตัววางแผนชีวิตคู่ 
3 น้องไม่ยอมคุยด้วย โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ได้แต่แชทข้อความหา แชทหาทีไรน้องก็พูดเพ้อไปเรื่อย คุยไม่ได้รู้เรื่องเลย ไม่มีสติเลย และเรารู้สึกว่าน้องเกลียดเราไม่อยากคุยกับเรา

เราอยากพาน้องไปรักษา ไม่รู้ว่าจะต้องพาไปรักษาที่ไหน?? 
เราจะออกจากงานก็ไม่ได้ เรายังต้องทำงานเก็บตังค์ไว้ดูแลตัวเองและน้องๆอีกสองคน 
ชีวิตเราที่วางแผนไว้คือทำงานเก็บเงิน รอให้น้องอีกสองคนเรียนจบสามารถดูแลตัวเองได้ ก็จะกลับไปอยู่บ้าน 
เราพูดไม่เก่ง อาจจะเล่างงๆ แต่เราจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะแก้ยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่