รู้หรือไม่
อาการกระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานได้
และการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แนะนำอาหารที่ควรระวัง เช่น เครื่องดื่มหวาน ขนมอบ
และอาหารจานด่วน เพื่อป้องกันตัวคุณเองจากเบาหวาน
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ สัญญาณ และ อาการเบื้องต้น ของเบาหวานที่ควรระวัง
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลกระทบต่อระบบการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
ซึ่งหากไม่ควบคุมสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ การระวังสัญญาณเริ่มต้นของโรคจึงสำคัญมาก
เนื่องจากในบางรายอาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจนและถูกละเลยไปจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
ดังนั้น การตระหนักถึงสัญญาณเตือนจึงสามารถช่วยในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที
สัญญาณเตือนของโรคเบาหวานที่ไม่ควรมองข้าม
1. กระหายน้ำบ่อยและปัสสาวะบ่อย
การกระหายน้ำบ่อยและการปัสสาวะบ่อย (โดยเฉพาะตอนกลางคืน) ถือเป็นอาการสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน
เนื่องจากเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามกำจัดน้ำตาลออกทางปัสสาวะ
ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกระหายน้ำและดื่มน้ำมากกว่าปกติ การปัสสาวะบ่อยอาจส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียจากการตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
นำไปสู่การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
2. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดที่สูง
ทำให้เซลล์ในร่างกายไม่สามารถดึงพลังงานจากน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงทำให้รู้สึกหมดแรง หากสังเกตเห็นว่าเริ่มอ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
ควรรีบตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
3. น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ
น้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วในผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนักอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานประเภท 1 หรือ 2
เนื่องจากเมื่อร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานได้เพียงพอ จะเกิดการเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน
ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว การลดน้ำหนักโดยไม่มีสาเหตุนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและควรตรวจสอบเพิ่มเติม
4. หิวบ่อยและหิวมากกว่าปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีความรู้สึกหิวบ่อยและหิวมาก แม้ว่าจะได้รับประทานอาหารครบตามปกติแล้วก็ตาม
เพราะร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้เต็มที่ การที่เซลล์ขาดพลังงานจะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งหากสังเกตเห็นว่าเกิดภาวะนี้บ่อยขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
5. การมองเห็นพร่ามัวและสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อย
ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนอาจพบว่าเริ่มมีปัญหาในการมองเห็น
การมองเห็นพร่ามัวเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่ทำให้เลนส์ในตาเปลี่ยนแปลง
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นตา ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะยาว
6. แผลหายช้าและติดเชื้อได้ง่าย
สัญญาณหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานคือแผลที่หายช้ากว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการที่เลือดมีน้ำตาลสูง
ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อีกทั้งภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่
จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น แผลที่เท้า ผิวแห้ง แตกง่าย หรือการติดเชื้อราที่ผิวหนังและบริเวณที่อับชื้น
7. ชาที่ปลายมือปลายเท้าและอาการปวดปลายประสาท
ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้เส้นประสาทส่วนปลายถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการชาที่มือและเท้า
ซึ่งอาการนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน หากไม่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็นอาการเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา
8. ผิวหนังแห้ง คัน และเปลี่ยนสี
อาการผิวแห้งและคันพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เลือดข้นและไหลเวียนไม่ดี
ผิวหนังอาจมีการเปลี่ยนสีเช่นสีเข้มขึ้นบริเวณต้นคอ ข้อศอก ขาหนีบ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ควรระมัดระวังการบริโภคอาหารบางประเภท
ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
อาหารที่ควรระวังมีดังนี้
1. อาหารหวานที่มีน้ำตาลสูง
น้ำอัดลม ชาไข่มุก น้ำผลไม้ที่ใส่น้ำตาล ขนมหวาน เค้ก คุกกี้
น้ำตาลในอาหารเหล่านี้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นในทันที
ควรลดการบริโภคและเลือกน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณน้อยแทน เช่น ผลไม้สด
หรือเลือกสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้น
2. อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตขัดสี
ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากแป้งขาว ขนมอบกรอบ
คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ควรหันไปบริโภคธัญพืชไม่ขัดสี
เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และข้าวโอ๊ตแทน เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
3. อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง
อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด มันฝรั่งทอด ขนมอบบางชนิด
ไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวาน ควรหันไปเลือกใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด หรือไขมันจากปลาแทน
เพื่อให้ได้รับกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
4. ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
ทุเรียน มะม่วงสุก ขนุน ลำไย
แม้ผลไม้จะเป็นแหล่งของวิตามินและใยอาหาร แต่ผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลธรรมชาติสูง
ควรเลือกผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิ้ล แก้วมังกร หรือฝรั่ง
และรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เบียร์ ไวน์ สุราต่าง ๆ
แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ทันที อีกทั้งยังมีผลต่อการทำงานของตับที่มีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
ควรจำกัดการดื่มหรือเลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แทน
6. อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูป
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวสำเร็จรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน
อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณโซเดียมและสารปรุงแต่งสูง ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเพิ่มภาระการทำงานของไต
อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ควรเลือกอาหารที่ปรุงสดใหม่แทน
การระมัดระวังการบริโภคอาหารเหล่านี้จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรเลือกอาหารที่มีใยอาหารสูง
เช่น ผัก ธัญพืช และโปรตีนคุณภาพดี พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=lcN3aSoDF2M
https://www.youtube.com/watch?v=7mw04nvCScg
สัญญาณ และ อาการเบื้องต้น ของเบาหวานที่ควรระวัง
อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวานได้
และการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แนะนำอาหารที่ควรระวัง เช่น เครื่องดื่มหวาน ขนมอบ
และอาหารจานด่วน เพื่อป้องกันตัวคุณเองจากเบาหวาน
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ สัญญาณ และ อาการเบื้องต้น ของเบาหวานที่ควรระวัง
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลกระทบต่อระบบการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
ซึ่งหากไม่ควบคุมสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ การระวังสัญญาณเริ่มต้นของโรคจึงสำคัญมาก
เนื่องจากในบางรายอาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจนและถูกละเลยไปจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
ดังนั้น การตระหนักถึงสัญญาณเตือนจึงสามารถช่วยในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที
สัญญาณเตือนของโรคเบาหวานที่ไม่ควรมองข้าม
1. กระหายน้ำบ่อยและปัสสาวะบ่อย
การกระหายน้ำบ่อยและการปัสสาวะบ่อย (โดยเฉพาะตอนกลางคืน) ถือเป็นอาการสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน
เนื่องจากเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามกำจัดน้ำตาลออกทางปัสสาวะ
ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกระหายน้ำและดื่มน้ำมากกว่าปกติ การปัสสาวะบ่อยอาจส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียจากการตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
นำไปสู่การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
2. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดที่สูง
ทำให้เซลล์ในร่างกายไม่สามารถดึงพลังงานจากน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จึงทำให้รู้สึกหมดแรง หากสังเกตเห็นว่าเริ่มอ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
ควรรีบตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
3. น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ
น้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็วในผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนักอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานประเภท 1 หรือ 2
เนื่องจากเมื่อร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานได้เพียงพอ จะเกิดการเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้แทน
ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว การลดน้ำหนักโดยไม่มีสาเหตุนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามและควรตรวจสอบเพิ่มเติม
4. หิวบ่อยและหิวมากกว่าปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานมักมีความรู้สึกหิวบ่อยและหิวมาก แม้ว่าจะได้รับประทานอาหารครบตามปกติแล้วก็ตาม
เพราะร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้เต็มที่ การที่เซลล์ขาดพลังงานจะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งหากสังเกตเห็นว่าเกิดภาวะนี้บ่อยขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
5. การมองเห็นพร่ามัวและสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อย
ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนอาจพบว่าเริ่มมีปัญหาในการมองเห็น
การมองเห็นพร่ามัวเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดที่ทำให้เลนส์ในตาเปลี่ยนแปลง
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นตา ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะยาว
6. แผลหายช้าและติดเชื้อได้ง่าย
สัญญาณหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานคือแผลที่หายช้ากว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการที่เลือดมีน้ำตาลสูง
ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อีกทั้งภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่
จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น แผลที่เท้า ผิวแห้ง แตกง่าย หรือการติดเชื้อราที่ผิวหนังและบริเวณที่อับชื้น
7. ชาที่ปลายมือปลายเท้าและอาการปวดปลายประสาท
ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้เส้นประสาทส่วนปลายถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการชาที่มือและเท้า
ซึ่งอาการนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน หากไม่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็นอาการเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา
8. ผิวหนังแห้ง คัน และเปลี่ยนสี
อาการผิวแห้งและคันพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะระดับน้ำตาลที่สูงทำให้เลือดข้นและไหลเวียนไม่ดี
ผิวหนังอาจมีการเปลี่ยนสีเช่นสีเข้มขึ้นบริเวณต้นคอ ข้อศอก ขาหนีบ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ควรระมัดระวังการบริโภคอาหารบางประเภท
ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้
อาหารที่ควรระวังมีดังนี้
1. อาหารหวานที่มีน้ำตาลสูง
น้ำอัดลม ชาไข่มุก น้ำผลไม้ที่ใส่น้ำตาล ขนมหวาน เค้ก คุกกี้
น้ำตาลในอาหารเหล่านี้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นในทันที
ควรลดการบริโภคและเลือกน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณน้อยแทน เช่น ผลไม้สด
หรือเลือกสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้น
2. อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตขัดสี
ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากแป้งขาว ขนมอบกรอบ
คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ควรหันไปบริโภคธัญพืชไม่ขัดสี
เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และข้าวโอ๊ตแทน เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
3. อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง
อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด มันฝรั่งทอด ขนมอบบางชนิด
ไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวาน ควรหันไปเลือกใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด หรือไขมันจากปลาแทน
เพื่อให้ได้รับกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
4. ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
ทุเรียน มะม่วงสุก ขนุน ลำไย
แม้ผลไม้จะเป็นแหล่งของวิตามินและใยอาหาร แต่ผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลธรรมชาติสูง
ควรเลือกผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิ้ล แก้วมังกร หรือฝรั่ง
และรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เบียร์ ไวน์ สุราต่าง ๆ
แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ทันที อีกทั้งยังมีผลต่อการทำงานของตับที่มีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
ควรจำกัดการดื่มหรือเลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แทน
6. อาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูป
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวสำเร็จรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน
อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณโซเดียมและสารปรุงแต่งสูง ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเพิ่มภาระการทำงานของไต
อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ควรเลือกอาหารที่ปรุงสดใหม่แทน
การระมัดระวังการบริโภคอาหารเหล่านี้จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรเลือกอาหารที่มีใยอาหารสูง
เช่น ผัก ธัญพืช และโปรตีนคุณภาพดี พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=lcN3aSoDF2M
https://www.youtube.com/watch?v=7mw04nvCScg