บทบาทและภาระหน้าที่ของเภสัชกร
งานหลัก:
จัดการวงจรยาทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิตยาไปจนถึงส่งมอบให้ผู้ป่วย
ตรวจสอบความถูกต้องของยาและปรึกษาแพทย์เมื่อพบปัญหา
รับผิดชอบให้ผู้ป่วยได้รับยาที่เหมาะสมและปลอดภัย
งานนอกเหนือจากหน้าที่หลัก:
รับแรงกดดันจากการทำงาน เช่น:เวลาที่เร่งรีบ
การขาดแคลนบุคลากร
การสื่อสารที่ไม่ราบรื่นในองค์กร
เผชิญกับปริมาณคนไข้และยาในแต่ละวันที่สูงมาก
ในร้านขายยา ต้องดูแลการนับสต็อก การจัดการลูกค้า และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยาและสุขภาพ
ปัญหาที่เภสัชกรต้องเผชิญ
ปัญหาสุขภาพจิต:
การทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อจิตใจและการนอนหลับ
หลายคนต้องพึ่งยานอนหลับหรือพบจิตแพทย์ แต่กลับต้องปกปิดปัญหาเพื่อไม่ให้กระทบหน้าที่การงาน
การถูกบั่นทอนจากคำพูดของเพื่อนร่วมงานหรือระบบที่ไม่สนับสนุน
สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ (Toxic Work Environment):
การทำงานร่วมกับแพทย์หรือเพื่อนร่วมงานที่มีอีโก้สูง ทำให้เกิดการจับผิดแทนความร่วมมือ
คำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้สะสม
การจัดการบุคลากรไม่เพียงพอ:
บุคลากรน้อยเกินไป ส่งผลให้เภสัชกรต้องรับภาระงานหนัก เช่น ต้องทำงานหลากหลายหน้าที่ในเวลาเดียวกัน
ขาด career path และค่าตอบแทนที่เหมาะสม ทำให้เกิดการไหลออกจากระบบสาธารณสุข
มุมมองของเภสัชกร
เภสัชกรในโรงพยาบาล:
ต้องรับมือกับแรงกดดันจากคนไข้และปริมาณงานที่ล้น
ขาดการสนับสนุนจากระบบ ทำให้เกิดความเครียดสะสม
เภสัชกรร้านยาเชนสโตร์:
งานไม่หนักเท่าโรงพยาบาล แต่มีความจำเจและพบลูกค้าแปลกๆ บ้าง
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหา
เพิ่มอัตรากำลังเภสัชกรในระบบ
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม เพื่อลดภาระและแรงกดดัน
ปรับโครงสร้างระบบงานและ career path เพื่อสร้างแรงจูงใจให้อยู่ในวิชาชีพ
บทสรุป: เภสัชกรเป็นส่วนสำคัญในระบบสุขภาพ แต่ต้องเผชิญกับปัญหาภาระงานหนัก สุขภาพจิต และระบบการทำงานที่ไม่เหมาะสม การแก้ปัญหาต้องเริ่มที่การปรับปรุงโครงสร้างและเพิ่มบุคลากรในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเภสัชกรทุกคน.
ที่มา :
https://thematter.co/social/pharmacist-mental-health/234180
จ่ายยารักษาคน แต่ระบบกลับป่วยไข้ สำรวจ ‘เภสัชกร’ อาชีพที่แบกรับมากกว่าการจ่ายยา
บทบาทและภาระหน้าที่ของเภสัชกร
งานหลัก:
จัดการวงจรยาทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิตยาไปจนถึงส่งมอบให้ผู้ป่วย
ตรวจสอบความถูกต้องของยาและปรึกษาแพทย์เมื่อพบปัญหา
รับผิดชอบให้ผู้ป่วยได้รับยาที่เหมาะสมและปลอดภัย
งานนอกเหนือจากหน้าที่หลัก:
รับแรงกดดันจากการทำงาน เช่น:เวลาที่เร่งรีบ
การขาดแคลนบุคลากร
การสื่อสารที่ไม่ราบรื่นในองค์กร
เผชิญกับปริมาณคนไข้และยาในแต่ละวันที่สูงมาก
ในร้านขายยา ต้องดูแลการนับสต็อก การจัดการลูกค้า และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยาและสุขภาพ
ปัญหาที่เภสัชกรต้องเผชิญ
ปัญหาสุขภาพจิต:
การทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อจิตใจและการนอนหลับ
หลายคนต้องพึ่งยานอนหลับหรือพบจิตแพทย์ แต่กลับต้องปกปิดปัญหาเพื่อไม่ให้กระทบหน้าที่การงาน
การถูกบั่นทอนจากคำพูดของเพื่อนร่วมงานหรือระบบที่ไม่สนับสนุน
สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ (Toxic Work Environment):
การทำงานร่วมกับแพทย์หรือเพื่อนร่วมงานที่มีอีโก้สูง ทำให้เกิดการจับผิดแทนความร่วมมือ
คำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้สะสม
การจัดการบุคลากรไม่เพียงพอ:
บุคลากรน้อยเกินไป ส่งผลให้เภสัชกรต้องรับภาระงานหนัก เช่น ต้องทำงานหลากหลายหน้าที่ในเวลาเดียวกัน
ขาด career path และค่าตอบแทนที่เหมาะสม ทำให้เกิดการไหลออกจากระบบสาธารณสุข
มุมมองของเภสัชกร
เภสัชกรในโรงพยาบาล:
ต้องรับมือกับแรงกดดันจากคนไข้และปริมาณงานที่ล้น
ขาดการสนับสนุนจากระบบ ทำให้เกิดความเครียดสะสม
เภสัชกรร้านยาเชนสโตร์:
งานไม่หนักเท่าโรงพยาบาล แต่มีความจำเจและพบลูกค้าแปลกๆ บ้าง
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหา
เพิ่มอัตรากำลังเภสัชกรในระบบ
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม เพื่อลดภาระและแรงกดดัน
ปรับโครงสร้างระบบงานและ career path เพื่อสร้างแรงจูงใจให้อยู่ในวิชาชีพ
บทสรุป: เภสัชกรเป็นส่วนสำคัญในระบบสุขภาพ แต่ต้องเผชิญกับปัญหาภาระงานหนัก สุขภาพจิต และระบบการทำงานที่ไม่เหมาะสม การแก้ปัญหาต้องเริ่มที่การปรับปรุงโครงสร้างและเพิ่มบุคลากรในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเภสัชกรทุกคน.
ที่มา : https://thematter.co/social/pharmacist-mental-health/234180