กมธ.ความมั่นคง ถกปมร้อน “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 จับตา “บิ๊กโจ๊ก” เข้าให้ข้อมูล
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/236126
กมธ.ความมั่นคงฯ นัดประชุมวันนี้ 7 พ.ย. ปม “ทักษิณ” นอนรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ คาด “บิ๊กโจ๊ก” เข้าให้ข้อมูล
วันนี้ 7 พ.ย. 2567 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการรชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมวาระพิจารณากรณีกรมราชทัณฑ์ ให้ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ กับการใช้อำนาจหน้าที่ตามมกฎหมาย โดยมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เช่น พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.
สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.
นาย
ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า เป็นการประชุมครั้งแรกของกมธ.ชุดนี้ และทราบว่า พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ จะไม่มา แต่ในส่วน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ "
ทราบจะว่ามา"
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับอะไรมาหรือไม่ นาย
ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กำชับอะไร และส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ เพราะใครมีหน้าที่อะไรก็ต้องดำเนินการไป ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะกระทบข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แล้วแต่ กมธ.
โดยกมธ.ความมั่นคงฯ ได้ออกหนังสือเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลนาย
ทักษิณ นอนชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจดังนี้
1. พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
2. พล.ต.อ.
สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.
3. พล.ต.ท.
โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผช.ผบ.ตร.
4. พล.ต.ท.
ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ใหญ่ รพ.ตำรวจ
5. พล.ต.ต.
สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีต รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
6. นาย
วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผบ.รพ.ราชทัณฑ์
7. น.ส.
รวมทิพย์ สุภานนท์ นพ.รพ.ราชทัณฑ์
8. นพ.
วิชัย วงศ์ชนะภัย ผู้ช่วยเลขาแพทยสภา และ
9. นพ.
วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะประธาน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร.
เจ้าของร้านคาราโอเกะ เครียด ถูกพิษศก.เล่นงาน ตัดสินใจเศร้า ลูกชายมาหา ช็อกพบศพ
https://www.matichon.co.th/region/news_4886039
เจ้าของร้านคาราโอเกะ เครียด ถูกพิษศก.เล่นงาน ตัดสินใจเศร้า ลูกชายมาหา ช็อกพบศพ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ร.ต.ท.
นวพันธุ์ จันธิมา รอง สว.สส.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า, ตำรวจสืบสวน และกำลังอาสากู้ภัย สว่างกตัญญู จันทบุรี ร่วมกันเข้าตรวจสอบ เหตุมีคนผูกคอเสียชีวิต บนชั้นดาดฟ้าของอาคารพาณิชย์ ใน อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารคาราโอเกะ
ที่เกิดเหตุ ดาดฟ้าชั้น 4 ของอาคาร พบร่างผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย อยู่ในลักษณะใช้เชือกไนล่อน ผูกคอกันคานเหล็กโครงหลังคา สภาพศพใส่กางเกงกีฬาขาสั้น ไม่สวมเสื้อ ที่ลำคอมีหมอนรองคอ ผูกทับด้วยเชือกไนล่อนมัดติดอยู่ โดยมีบันไดเหล็กและเก้าอี้พลาสติก ตั้งวางอยู่ข้างกับศพ ทางตำรวจจึงได้ถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาทางแพทย์เวร ได้ให้อาสากู้ภัยฯ นำร่างลงมาชันสูตร เบื้องต้น ไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้าย ลำตัวเริ่มเขียวคล้ำแข็งเกร็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-7 ชั่วโมง สอบสวนทราบชื่อผู้เสียชีวิต ต่อมา คือ นายทัศน์ (นามสมมติ) อายุ 56 ปี ชาว ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี เป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนของ ร.ต.ท.
นวพันธุ์ จันธิมา ร้อยเวรเจ้าของคดี ทางญาติผู้ที่มาพบศพให้การว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตาย เปิดร้านคาราโอเกะให้บริการตามปกติ แต่มาในระยะหลังๆหลายปี เศรษฐกิจเริ่มไม่ดี ไม่มีลูกค้ามาเที่ยว ซึ่งทางร้านต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้ นาย
ทัศน์ เริ่มเกิดความเครียดสะสม เคยพยายามก่อเหตุรมควันในรถ และกินยานอนหลับหวังฆ่าตัวตายมาแล้ว ซ้ำยังบ่นเครียดให้คนใกล้ตัวฟังบ่อยครั้ง
ต่อมาทางร้านไปต่อไม่ไหว จำต้องปิดกิจการลง แต่ผู้ตายยังพักอาศัยหลับนอนอยู่ จนกระทั่งช่วงเย็นวันนี้ ลูกชายได้มาหาแต่ไม่พบตัว จึงขึ้นไปดูบนดาดฟ้า ก็พบว่า นาย
ทัศน์ ได้ผูกคอเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
หลังการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ได้มอบหมายให้กู้ภัยฯ นำศพส่งให้แพทย์ชันสูตร ยืนยันสาเหตุที่แท้จริง ก่อนจะให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ช่อง 3 ประกาศเลย์ออฟพนักงาน ให้เหตุผลพิษเศรษฐกิจ ยังไม่เคาะชดเชยกี่เดือน.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4886093
ช่อง 3 ประกาศเลย์ออฟพนักงาน ให้เหตุผลพิษเศรษฐกิจ ยังไม่เคาะชดเชยกี่เดือน
จากกรณีสถานีโทรทัศน์ใหญ่แห่งหนึ่ง โดยฝ่ายบริหารองค์กร ได้เรียกประชุมพนักงานเพื่อแจ้งข่าวการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่
รายงานข่าวระบุว่า ผู้บริหารได้อธิบายถึงปัญหาของอุตสาหกรรมสื่อ การลดลงของรายได้ การผลิตรายการ ละคร และคอนเทนต์ต่างๆ มีการแข่งขันสูง จนทำให้รายได้ที่เคยได้ไม่ตรงตามเป้า ขณะที่รายจ่ายประจำสูง ทำให้ต้องมีการลดพนักงานครั้งใหญ่ เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้องค์กรอยู่ต่อไปได้
ขณะที่การปรับลดพนักงานครั้งนี้ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ยื่นออกโดยสมัครใจ หรือ เออลี่รีไทร์ แต่เป็นการประเมินผลงานของแต่ละแผนก ซึ่งจะให้หัวหน้างานส่งรายชื่อผู้ที่ถูกเลย์ออฟภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีผลทันทีเมื่อเริ่มปี 2568
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน แหล่งข่าวจากพนักงานในช่อง 3 เปิดเผยว่า วันนี้ผู้บริหารระดับสูงของ บมจ. บีอีซี เวิลด์ ได้เรียกประชุมภายในแบบออนไลน์(townhall) ในระยะเวลาสั้นๆ โดยแจ้งพนักงานถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่จะถูกเลย์ออฟไม่มีความสามารถ พร้อมแสดงความเสียใจที่ต้องตัดสินใจดำเนินการ แต่เป็นความจำเป็นขององค์กรในภาพรวม
ส่วนค่าตอบแทนที่จะจ่ายให้กับพนักงานที่ถูกเลย์ออฟยังไม่ระบุชัดเจน รวมถึงจำนวนคนก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องเอาออกเท่าไร แต่จะดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อให้พนักงานมีเวลาที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป ซึ่งการประชุมดังกล่าวไม่ได้เปิดไมโครโฟนให้พนักงานสอบถามแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผลการดำเนินงานของ บมจ.บีอีซีเวิลด์ ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทอยู่ที่ 71.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.8% จากไตรมาส1/2567 แต่ลดลง 4.6% จากไตรมาส 2/2566 และในงวด 6 เดือน ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 85.62 ล้านบาท ขณะที่งวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 210.01 ล้านบาท งวดปี 2565 กำไรสุทธิ 607.03 ล้านบาท และปี 2564 มีกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท
บริษัทฯระบุข้อความตอนหนึ่งว่า เม็ดเงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในไตรมาสที่ 2/2567 มีการทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่มีข้อจำกัดจากผลกระทบระดับหนี้ครัวเรือน ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันสำคัญต่อผู้ใช้งบโฆษณาให้ชะลอการใช้จ่ายงบโฆษณาลง
โดยสรุป บริษัทฯยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในงบแสดงฐานะการเงินรวมอยู่ที่ 4,054.1 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 และมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 861.9 ล้านบาท
ขอบคุณที่มาจากประชาชาติ
JJNY : กมธ.ความมั่นคงถกปมร้อน “ทักษิณ”│เครียด ถูกพิษศก.เล่นงาน│ช่อง 3 เลย์ออฟพนง.│ยูเครนโจมตี“ทัพเกาหลีเหนือ”ครั้งแรก
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/236126
กมธ.ความมั่นคงฯ นัดประชุมวันนี้ 7 พ.ย. ปม “ทักษิณ” นอนรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ คาด “บิ๊กโจ๊ก” เข้าให้ข้อมูล
วันนี้ 7 พ.ย. 2567 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการรชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมวาระพิจารณากรณีกรมราชทัณฑ์ ให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ กับการใช้อำนาจหน้าที่ตามมกฎหมาย โดยมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เช่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า เป็นการประชุมครั้งแรกของกมธ.ชุดนี้ และทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะไม่มา แต่ในส่วน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ "ทราบจะว่ามา"
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับอะไรมาหรือไม่ นายประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กำชับอะไร และส่วนตัวไม่มีความกังวลใดๆ เพราะใครมีหน้าที่อะไรก็ต้องดำเนินการไป ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะกระทบข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แล้วแต่ กมธ.
โดยกมธ.ความมั่นคงฯ ได้ออกหนังสือเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลนายทักษิณ นอนชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจดังนี้
1. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
2. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.
3. พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผช.ผบ.ตร.
4. พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ใหญ่ รพ.ตำรวจ
5. พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีต รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
6. นายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผบ.รพ.ราชทัณฑ์
7. น.ส.รวมทิพย์ สุภานนท์ นพ.รพ.ราชทัณฑ์
8. นพ.วิชัย วงศ์ชนะภัย ผู้ช่วยเลขาแพทยสภา และ
9. นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะประธาน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร.
เจ้าของร้านคาราโอเกะ เครียด ถูกพิษศก.เล่นงาน ตัดสินใจเศร้า ลูกชายมาหา ช็อกพบศพ
https://www.matichon.co.th/region/news_4886039
เจ้าของร้านคาราโอเกะ เครียด ถูกพิษศก.เล่นงาน ตัดสินใจเศร้า ลูกชายมาหา ช็อกพบศพ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ร.ต.ท.นวพันธุ์ จันธิมา รอง สว.สส.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า, ตำรวจสืบสวน และกำลังอาสากู้ภัย สว่างกตัญญู จันทบุรี ร่วมกันเข้าตรวจสอบ เหตุมีคนผูกคอเสียชีวิต บนชั้นดาดฟ้าของอาคารพาณิชย์ ใน อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารคาราโอเกะ
ที่เกิดเหตุ ดาดฟ้าชั้น 4 ของอาคาร พบร่างผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย อยู่ในลักษณะใช้เชือกไนล่อน ผูกคอกันคานเหล็กโครงหลังคา สภาพศพใส่กางเกงกีฬาขาสั้น ไม่สวมเสื้อ ที่ลำคอมีหมอนรองคอ ผูกทับด้วยเชือกไนล่อนมัดติดอยู่ โดยมีบันไดเหล็กและเก้าอี้พลาสติก ตั้งวางอยู่ข้างกับศพ ทางตำรวจจึงได้ถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาทางแพทย์เวร ได้ให้อาสากู้ภัยฯ นำร่างลงมาชันสูตร เบื้องต้น ไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้าย ลำตัวเริ่มเขียวคล้ำแข็งเกร็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-7 ชั่วโมง สอบสวนทราบชื่อผู้เสียชีวิต ต่อมา คือ นายทัศน์ (นามสมมติ) อายุ 56 ปี ชาว ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี เป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนของ ร.ต.ท.นวพันธุ์ จันธิมา ร้อยเวรเจ้าของคดี ทางญาติผู้ที่มาพบศพให้การว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตาย เปิดร้านคาราโอเกะให้บริการตามปกติ แต่มาในระยะหลังๆหลายปี เศรษฐกิจเริ่มไม่ดี ไม่มีลูกค้ามาเที่ยว ซึ่งทางร้านต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้ นายทัศน์ เริ่มเกิดความเครียดสะสม เคยพยายามก่อเหตุรมควันในรถ และกินยานอนหลับหวังฆ่าตัวตายมาแล้ว ซ้ำยังบ่นเครียดให้คนใกล้ตัวฟังบ่อยครั้ง
ต่อมาทางร้านไปต่อไม่ไหว จำต้องปิดกิจการลง แต่ผู้ตายยังพักอาศัยหลับนอนอยู่ จนกระทั่งช่วงเย็นวันนี้ ลูกชายได้มาหาแต่ไม่พบตัว จึงขึ้นไปดูบนดาดฟ้า ก็พบว่า นายทัศน์ ได้ผูกคอเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
หลังการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ได้มอบหมายให้กู้ภัยฯ นำศพส่งให้แพทย์ชันสูตร ยืนยันสาเหตุที่แท้จริง ก่อนจะให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ช่อง 3 ประกาศเลย์ออฟพนักงาน ให้เหตุผลพิษเศรษฐกิจ ยังไม่เคาะชดเชยกี่เดือน.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4886093
ช่อง 3 ประกาศเลย์ออฟพนักงาน ให้เหตุผลพิษเศรษฐกิจ ยังไม่เคาะชดเชยกี่เดือน
จากกรณีสถานีโทรทัศน์ใหญ่แห่งหนึ่ง โดยฝ่ายบริหารองค์กร ได้เรียกประชุมพนักงานเพื่อแจ้งข่าวการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่
รายงานข่าวระบุว่า ผู้บริหารได้อธิบายถึงปัญหาของอุตสาหกรรมสื่อ การลดลงของรายได้ การผลิตรายการ ละคร และคอนเทนต์ต่างๆ มีการแข่งขันสูง จนทำให้รายได้ที่เคยได้ไม่ตรงตามเป้า ขณะที่รายจ่ายประจำสูง ทำให้ต้องมีการลดพนักงานครั้งใหญ่ เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้องค์กรอยู่ต่อไปได้
ขณะที่การปรับลดพนักงานครั้งนี้ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ยื่นออกโดยสมัครใจ หรือ เออลี่รีไทร์ แต่เป็นการประเมินผลงานของแต่ละแผนก ซึ่งจะให้หัวหน้างานส่งรายชื่อผู้ที่ถูกเลย์ออฟภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีผลทันทีเมื่อเริ่มปี 2568
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน แหล่งข่าวจากพนักงานในช่อง 3 เปิดเผยว่า วันนี้ผู้บริหารระดับสูงของ บมจ. บีอีซี เวิลด์ ได้เรียกประชุมภายในแบบออนไลน์(townhall) ในระยะเวลาสั้นๆ โดยแจ้งพนักงานถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่จะถูกเลย์ออฟไม่มีความสามารถ พร้อมแสดงความเสียใจที่ต้องตัดสินใจดำเนินการ แต่เป็นความจำเป็นขององค์กรในภาพรวม
ส่วนค่าตอบแทนที่จะจ่ายให้กับพนักงานที่ถูกเลย์ออฟยังไม่ระบุชัดเจน รวมถึงจำนวนคนก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะต้องเอาออกเท่าไร แต่จะดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อให้พนักงานมีเวลาที่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป ซึ่งการประชุมดังกล่าวไม่ได้เปิดไมโครโฟนให้พนักงานสอบถามแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผลการดำเนินงานของ บมจ.บีอีซีเวิลด์ ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทอยู่ที่ 71.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.8% จากไตรมาส1/2567 แต่ลดลง 4.6% จากไตรมาส 2/2566 และในงวด 6 เดือน ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 85.62 ล้านบาท ขณะที่งวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 210.01 ล้านบาท งวดปี 2565 กำไรสุทธิ 607.03 ล้านบาท และปี 2564 มีกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท
บริษัทฯระบุข้อความตอนหนึ่งว่า เม็ดเงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในไตรมาสที่ 2/2567 มีการทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่มีข้อจำกัดจากผลกระทบระดับหนี้ครัวเรือน ภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันสำคัญต่อผู้ใช้งบโฆษณาให้ชะลอการใช้จ่ายงบโฆษณาลง
โดยสรุป บริษัทฯยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นในงบแสดงฐานะการเงินรวมอยู่ที่ 4,054.1 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 และมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 861.9 ล้านบาท
ขอบคุณที่มาจากประชาชาติ