สวัสดี เราเคยทำงานในสมบัติทัวร์ (เครือเดียวกันกับสมบัติทัวร์ ซึ่งผู้บริหาร กรรมการคือคนเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน) เราเคยทำในส่วนของพัสดุ ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งใจสมัครเป็นโฮส เนื่องจากชอบเดินทาง และเป็นช่วงมีแพลนจะดร็อปเรียน เลยเลือกมาสมัครทำงานที่ชอบ แต่ดันได้มาอยู่แผนกรับส่งพัสดุ
1 เราตกลงเรื่องเงินเดือนกับผู้ที่สัมภาษณ์เราไม่ได้2-3ครั้ง เพราะที่เก่าเราได้เยอะกว่ามาก (สาเหตุที่ออกจากที่เก่าเพราะยกของโหดมาก) แต่ก็ไม่ได้ตามที่ตกลง ด้วยความที่เขาโน้มน้าวว่าไม่กี่เดือนเงินก็จะเพิ่ม จะให้ทำโอที และหลังจากผ่านงานจะได้เปอร์เซ็นต์ของพัสดุที่ลูกค้าเอามาส่ง ภายหลังมาทราบว่า ถ้าผ่านทดลองงาน เขาจะลดเงินเดือนเราเหลือครึ่งนึง จาก12,000เหลือ6,000 และให้ไปกินเปอร์เซ็นต์ค่าส่งพัสดุตกเดือนละไม่กี่พัน (มันต่างกันตรงไหน)
2 ด้านการจัดการบุคลากรในองค์กร=0 พนักงานพูดยาแย่ใส่กัน เราทำงานที่อื่นมา ไม่เคยมีใครพูดจาหยาบคายใส่ ไม่เคยมีใครสติปัญญาต่ำมาพูดจาแย่ๆใส่กัน จนกระทั่งมาทำงานที่นี่ พนักงานรับส่งพัสดุของอู่ใหญ่ ผู้ชาย แก่ๆผมหงอกๆ มีหน้าที่มารับ-ส่งพัสดุจากอู่ใหญ่ มาส่งที่สาขาเรา ครั้งแรก พูดจาไม่ดีใส่เราและพี่พนักงานอีกคน ว่า เวลาส่งรายงาน หัดแหกตาก่อนส่งบ้าง (เป็นรายงานการส่งพัสดุสาขาอื่นมาหาเรา และเราต้องส่งรายงานนั้นให้เขาอีกรอบ ซึ่งบางสาขาไม่ได้ส่งมาหาเรา เราไม่สามารถทราบได้อยู่แล้วเพราะมีตั้งหลายสาขาในไทย บางสาขาไม่มีพัสดุเข้ามา เขาไม่รายงาน เราก็ไม่สามารถไปว่าอะไรเขาได้ ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดเรา ) คำถาม พูดจาแย่ๆแบบนี้กับคนที่ไม่สนิท ได้หรอ!? พึ่งเจอกันเดือนเดียว? ได้หรอ คนที่พนักงานเรียกซ้อๆ ไม่รู้ตำแหน่งอะไรในบริษัท นามสกุลเหมือนเจ้าของบริษัท แต่ไม่มีการ take actionใดๆ
3 การร้องเรียนในบริษัท คนที่เขาเรียกซ้อ เขาทราบเรื่องทุกอย่าง แต่ไม่มีปฎิกริยาใดๆ กับพฤติกรรมลูกน้องเขา ซึ่งลูกค้าร้องเรียนไปหลายคน รวมถึงพนักงานเก่าๆที่ออกๆกันไป ก็ไม่มีใครทำงานกับเขาได้สักคน รวมถึงเรา และพี่อีกคนที่โดนต่อว่าในข้อ2 ก็ไม่อยากร่วมงานด้วย พนักงานสาขาเขาเอง ก็ไม่มีใครอยากทำงานด้วย แบบนี้ยังกล้าจะนิ่งกันอีก ห่วยมาก
4 ครั้งนี้ เป็นฟางเส้นสุดท้าย ในกระบวนการทำงาน ถ้าพัสดุเยอะ เราจำเป็นต้องเรียกรถทัวร์ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ลูกค้านั่งนั่นแหละ ขอรถเพื่อเข้ารับพัสดุ ก่อนที่จะไปรับลูกค้าที่ชานชาลา แต่เนื่องจาก เราเห็นประวัติการขอรถ เวลา3ทุ่ม ก็เคยมีคนขอ ซึ่งเราไม่ทราบว่า หากเรียกรถดึกเกินไป เจ้าหน้าที่ยกพัสดุต้องกลับ แต่ด้วยความที่เราโทรหาหัวหน้าไม่ติด จึงขอรถไปก่อน และเมื่อโทรปรึกษาหัวหน้าหลังจากขอรถ ก็ได้ทำการเปลี่ยนรถ แต่วันนั้นเป็นวันที่ไอ้🐊นี่แหละ เข้ามารับพัสดุและเอาไปส่งที่รถให้ มันโทรคุยกับใครไม่รู้ และพูดประโยคที่ว่า
ปัญญาอ่อนเนาะ เรียกรถ3ทุ่ม ใครจะไปยกให้มัน ให้
ไปยกเอง พูดแบบนี้ 4ครั้ง เราได้บินทุกครั้ง และเมิน เลือกที่จะไม่โต้ตอบ เพราะมีลูกต้า ครั้งที่5 เราไม่ไหว เลยพูดว่า เออ เดี๋ยวไปยกเอง ไม่ต้องพูดละจบ ไม่ต้องยก หลังจากนั้นก็เถียงกันใหญ่ ซึ่งมันเองพูดจาหมาๆมาก ไม่คิดว่า อายุขนาดนี้ จะไม่มีความคิด ไม่มีสมอง ไม่มีการจัดการอารมณ์ ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่สามารถปรับปรุงตัวเองจากพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานที่ขยะแขยงไม่อยากทำงานด้วยได้ ไม่รู้ตัว กล้ามาด่าเราทั้งปัญญาอ่อน ทั้งมั่นหน้า อันนี้คือคนที่ทำงานนานที่สุด และเก่งที่สุดที่องค์กรเก็บไว้ และละเลยไม่เรียกไปปรับอะไรใดๆ ปล่อยให้เป็นปลาเน่าในองค์กร และทัศนคติที่แย่ยิ่งกว่าหน้าตาของเขาซะอีก ไม่แปลกใจทำไมคนอื่นๆออกไปหมด ลูกต้าก็เริ่มทยอยไปส่งที่อื่น รวทถึงมันไม่สำเนียกตัวเองสักที
วันนี้เราต้องการให้คนที่จะเข้าไปทำงานในเครือนี้ คิดดีๆ ให้คิดดีๆ เราไม่สามารถไปทำอะไรเขาได้เพราะนั่นบริษัทเขา คนของเขา เราไม่ทราบว่าบุคคลที่คนอื่นๆเรียกซ้อ คือใครในองค์กร แต่การละเลยแบบนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูแย่มาก และเราไม่มีเจตนาจะใส่ร้าย หรือทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสียหายเนื่องจากเราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดเท่าที่พนักงานคนนึงจะทำได้แล้ว
และสุดท้าย ถ้ามันอ่านมาเจอ อยากบอกมันมากว่า ปากแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้ อย่าไปทำกับลูกค้า หรือพนักงานที่มันความอดทนต่ำนะ อาจจะไม่ได้มีโอกาสทำงานส่งเงินให้ลูกอีกต่อไปก็ได้ ยิ่งทำงานนาน อันไหนควรทำไม่ควรทำ อันไหนควรพูดไม่ควรพูด ควรรู้ สมองควรมีให้มากเท่าๆกับอายุ ยิ่งเจอคนที่ไม่ตอบโต้ อย่าคิดเหยียบเขา มันทำให้องค์กรที่ทำมันดูแย่ ประสบการณ์ทำงานก็แย่ ไม่มีความทรงจำดีๆเลย ใครจะทำงานที่นี่ ถ้าอยากได้ความมั่นคง มาเลย เพราะคิดว่าบริษัทไม่น่าจะมีผลกระทบ ถ้าไหวกับเงิน10000-120000 มาเหอะ แลกกับที่ต้องยกของหนัก25-30 ดิโลต่อชิ้น ยก
ทั้งวัน ไปทำสยามเฟิร์ส หรือเครือนครชัยดีกว่า เป็นระบบ และเงินดีกว่าเยอะ แค่นั้นแหละ
[CR] ประสบการณ์ การทำงานกับสมบัติทัวร์
1 เราตกลงเรื่องเงินเดือนกับผู้ที่สัมภาษณ์เราไม่ได้2-3ครั้ง เพราะที่เก่าเราได้เยอะกว่ามาก (สาเหตุที่ออกจากที่เก่าเพราะยกของโหดมาก) แต่ก็ไม่ได้ตามที่ตกลง ด้วยความที่เขาโน้มน้าวว่าไม่กี่เดือนเงินก็จะเพิ่ม จะให้ทำโอที และหลังจากผ่านงานจะได้เปอร์เซ็นต์ของพัสดุที่ลูกค้าเอามาส่ง ภายหลังมาทราบว่า ถ้าผ่านทดลองงาน เขาจะลดเงินเดือนเราเหลือครึ่งนึง จาก12,000เหลือ6,000 และให้ไปกินเปอร์เซ็นต์ค่าส่งพัสดุตกเดือนละไม่กี่พัน (มันต่างกันตรงไหน)
2 ด้านการจัดการบุคลากรในองค์กร=0 พนักงานพูดยาแย่ใส่กัน เราทำงานที่อื่นมา ไม่เคยมีใครพูดจาหยาบคายใส่ ไม่เคยมีใครสติปัญญาต่ำมาพูดจาแย่ๆใส่กัน จนกระทั่งมาทำงานที่นี่ พนักงานรับส่งพัสดุของอู่ใหญ่ ผู้ชาย แก่ๆผมหงอกๆ มีหน้าที่มารับ-ส่งพัสดุจากอู่ใหญ่ มาส่งที่สาขาเรา ครั้งแรก พูดจาไม่ดีใส่เราและพี่พนักงานอีกคน ว่า เวลาส่งรายงาน หัดแหกตาก่อนส่งบ้าง (เป็นรายงานการส่งพัสดุสาขาอื่นมาหาเรา และเราต้องส่งรายงานนั้นให้เขาอีกรอบ ซึ่งบางสาขาไม่ได้ส่งมาหาเรา เราไม่สามารถทราบได้อยู่แล้วเพราะมีตั้งหลายสาขาในไทย บางสาขาไม่มีพัสดุเข้ามา เขาไม่รายงาน เราก็ไม่สามารถไปว่าอะไรเขาได้ ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดเรา ) คำถาม พูดจาแย่ๆแบบนี้กับคนที่ไม่สนิท ได้หรอ!? พึ่งเจอกันเดือนเดียว? ได้หรอ คนที่พนักงานเรียกซ้อๆ ไม่รู้ตำแหน่งอะไรในบริษัท นามสกุลเหมือนเจ้าของบริษัท แต่ไม่มีการ take actionใดๆ
3 การร้องเรียนในบริษัท คนที่เขาเรียกซ้อ เขาทราบเรื่องทุกอย่าง แต่ไม่มีปฎิกริยาใดๆ กับพฤติกรรมลูกน้องเขา ซึ่งลูกค้าร้องเรียนไปหลายคน รวมถึงพนักงานเก่าๆที่ออกๆกันไป ก็ไม่มีใครทำงานกับเขาได้สักคน รวมถึงเรา และพี่อีกคนที่โดนต่อว่าในข้อ2 ก็ไม่อยากร่วมงานด้วย พนักงานสาขาเขาเอง ก็ไม่มีใครอยากทำงานด้วย แบบนี้ยังกล้าจะนิ่งกันอีก ห่วยมาก
4 ครั้งนี้ เป็นฟางเส้นสุดท้าย ในกระบวนการทำงาน ถ้าพัสดุเยอะ เราจำเป็นต้องเรียกรถทัวร์ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ลูกค้านั่งนั่นแหละ ขอรถเพื่อเข้ารับพัสดุ ก่อนที่จะไปรับลูกค้าที่ชานชาลา แต่เนื่องจาก เราเห็นประวัติการขอรถ เวลา3ทุ่ม ก็เคยมีคนขอ ซึ่งเราไม่ทราบว่า หากเรียกรถดึกเกินไป เจ้าหน้าที่ยกพัสดุต้องกลับ แต่ด้วยความที่เราโทรหาหัวหน้าไม่ติด จึงขอรถไปก่อน และเมื่อโทรปรึกษาหัวหน้าหลังจากขอรถ ก็ได้ทำการเปลี่ยนรถ แต่วันนั้นเป็นวันที่ไอ้🐊นี่แหละ เข้ามารับพัสดุและเอาไปส่งที่รถให้ มันโทรคุยกับใครไม่รู้ และพูดประโยคที่ว่า ปัญญาอ่อนเนาะ เรียกรถ3ทุ่ม ใครจะไปยกให้มัน ให้ไปยกเอง พูดแบบนี้ 4ครั้ง เราได้บินทุกครั้ง และเมิน เลือกที่จะไม่โต้ตอบ เพราะมีลูกต้า ครั้งที่5 เราไม่ไหว เลยพูดว่า เออ เดี๋ยวไปยกเอง ไม่ต้องพูดละจบ ไม่ต้องยก หลังจากนั้นก็เถียงกันใหญ่ ซึ่งมันเองพูดจาหมาๆมาก ไม่คิดว่า อายุขนาดนี้ จะไม่มีความคิด ไม่มีสมอง ไม่มีการจัดการอารมณ์ ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่สามารถปรับปรุงตัวเองจากพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานที่ขยะแขยงไม่อยากทำงานด้วยได้ ไม่รู้ตัว กล้ามาด่าเราทั้งปัญญาอ่อน ทั้งมั่นหน้า อันนี้คือคนที่ทำงานนานที่สุด และเก่งที่สุดที่องค์กรเก็บไว้ และละเลยไม่เรียกไปปรับอะไรใดๆ ปล่อยให้เป็นปลาเน่าในองค์กร และทัศนคติที่แย่ยิ่งกว่าหน้าตาของเขาซะอีก ไม่แปลกใจทำไมคนอื่นๆออกไปหมด ลูกต้าก็เริ่มทยอยไปส่งที่อื่น รวทถึงมันไม่สำเนียกตัวเองสักที
วันนี้เราต้องการให้คนที่จะเข้าไปทำงานในเครือนี้ คิดดีๆ ให้คิดดีๆ เราไม่สามารถไปทำอะไรเขาได้เพราะนั่นบริษัทเขา คนของเขา เราไม่ทราบว่าบุคคลที่คนอื่นๆเรียกซ้อ คือใครในองค์กร แต่การละเลยแบบนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูแย่มาก และเราไม่มีเจตนาจะใส่ร้าย หรือทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสียหายเนื่องจากเราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดเท่าที่พนักงานคนนึงจะทำได้แล้ว
และสุดท้าย ถ้ามันอ่านมาเจอ อยากบอกมันมากว่า ปากแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้ อย่าไปทำกับลูกค้า หรือพนักงานที่มันความอดทนต่ำนะ อาจจะไม่ได้มีโอกาสทำงานส่งเงินให้ลูกอีกต่อไปก็ได้ ยิ่งทำงานนาน อันไหนควรทำไม่ควรทำ อันไหนควรพูดไม่ควรพูด ควรรู้ สมองควรมีให้มากเท่าๆกับอายุ ยิ่งเจอคนที่ไม่ตอบโต้ อย่าคิดเหยียบเขา มันทำให้องค์กรที่ทำมันดูแย่ ประสบการณ์ทำงานก็แย่ ไม่มีความทรงจำดีๆเลย ใครจะทำงานที่นี่ ถ้าอยากได้ความมั่นคง มาเลย เพราะคิดว่าบริษัทไม่น่าจะมีผลกระทบ ถ้าไหวกับเงิน10000-120000 มาเหอะ แลกกับที่ต้องยกของหนัก25-30 ดิโลต่อชิ้น ยกทั้งวัน ไปทำสยามเฟิร์ส หรือเครือนครชัยดีกว่า เป็นระบบ และเงินดีกว่าเยอะ แค่นั้นแหละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้