ผมเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาค้นคว้า ฝึกคิดพิจารณาคำสอนพุทธในมุมของวิทยาศาสตร์ ก็เลยไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่คำสอนต่างๆพิสูจน์ได้ว่าเป็นสัจจะของจริง หลังจากศึกษาไปถึงที่สุดแล้ว ผมก็หยุดค้นคว้า เพราะในที่สุดแห่งการค้นหา พบเจอแค่ความว่างเปล่า ความไร้ตัวตน เลยไม่สนใจเรื่องบุญเรื่องบาป นรกสวรรค์ว่าจะมีหรือไม่มีอยู่จริง เพราะเมื่ออยู่ในสภาวะไร้ตัวตน มันก็จะไม่มีอะไรให้ยึดติดอีกต่อไป
ไม่สนใจอยากรู้ใดๆว่าผี วิญญาณ ตายแล้วจะไปไหน หรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า หรือสนใจอยากจะย้ายไปอยู่ดาวดวงอื่น เพราะรู้สึกเพียงพอกับการได้เกิดมาในรูปแบบนี้ แต่ปรากฏว่าได้เจอกับสิ่งเหล่านี้ที่ไม่สนใจค้นหา กลับได้เจอจนครบโดยไม่เจตนา สิ่งที่จะเขียนให้อ่าน เจตนาแค่เป็นข้อมูลอ้างอิง แค่บอกเรื่องราวที่พบสัมผัสด้วยตนเอง อย่างตรงไปตรงมา ไม่เจตนาต้องการให้ใครเชื่อ เพราะผมเองก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อาจจะเป็นแค่ประสาทหลอน หรือความฝัน แต่ผมก็แยกออกได้ว่าฝันต่างจากไม่ฝันอย่างไร
- ประสบการณ์วิญญาณตัวเองออกจากร่าง ขณะนั่งรถไฟทางไกล1พันกม.กลับตจว. ชั้น2นอนเอน เกิดอาการผีอำ(เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ)ท้ายทอยน่าจะหนุนกับเบาะที่แข็งเกินไป ตามองเห็นคนเดินไปมา ป้ายโฆษณาทิฟฟี่ก็มองเห็น แต่ขยับตัวไม่ได้ใดๆเป็นนาที ผมพยายามสะบัดสุดแรง ปรากฏว่าหลุด แต่ยังมองเห็นตัวเองนอนอยู่ หน้าตาเสื้อผ้าที่ใส่คือเรา รู้เลยว่าน่าจะวิญญาณออกจากร่าง เลยพยายามกลับไปนอนทับตัวเอง จากการที่เคยดูหนังผีมา พยายามอย่างไรก็ไม่ได้ รถไฟก็โคลงเคลง รวมเวลาหลายวินาที หลังจากนั้นเหมือนหมดความรู้สึกไปชั่วนิรันดร์ ทุกอย่างดับสนิท เหมือนตายไปจากโลกนี้ หลังจากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกตัว ขยับตัวได้แต่อ่อนแรงมาก กว่า1ชม.ถึงจะฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพเดิม รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จำเหตุการณ์ได้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น
-เคยเข้าสู่สภาวะนิพพานชั่วคราว รู้เลยว่าการเขาสู่สมาธิแล้วพิจารณาให้เห็นถึงความว่าง จนเข้าสู่สภาวะนิพพานเป็นอย่างไร เพียงแต่ผมนั่งดื่มเบียร์แล้วคิดโน่นๆนี่ๆจนรู้สึกถึงความว่างเปล่า เมื่อถึงขวดที่ประมาณ6 จิตสงบนิ่งจนรู้สึกได้ถึงความไร้ตัวตน ทุกสิ่งไม่ใช่ของตนเองแม้แต่ตัวเรา รู้สึกเหมือนตัวเองแตกเป็นธาตุเล็กๆย่อยๆ ในระดับอะตอม รู้สึกเหมือนตัวเราเป็นแค่การรวมตัวของอะตอมเหล่านี้ ยกมือตัวเองมาดูก็มองเห็นเป็นแค่ธาตุละเอียด ผมอยู่ในสภาวะเช่นนี้นานจนเป็นที่พอใจ เข้าใจได้เลยว่านิพพานเป็นเช่นไร แต่เป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เจอประสบการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจจะเกิดซ้ำได้
-เคยเจอประสบการณ์ตายแล้วไปรอเกิดใหม่ เริ่มต้นจากการดื่มหนักมากว่าที่เคยดื่มมาก่อนไปนิด ดื่มเพื่อฉลองความสำเร็จในสิ่งที่พยายามมายาวนาน น่าจะเกิดจากการนอนแล้วลืมหายใจชั่วขณะ จนเข้าสู่สถานะเหมือนตาย ตัวเองจะอยู่ในสภาพเล็กมากระดับอะตอมอยู่ในอุโมงที่ดูเหมือนกว้างใหญ่ แต่แท้จริงอาจจะขนาดเล็กกว่าปากกาเขียนหนังสือหลายเท่า ในนั้นสามารถเห็นอนุภาคเล็กๆด้วยกันมากมาย เล็กจนบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร คล้ายๆกับเชื้อโรคนับล้านตัว มีรูเล็กๆคล้ายช่องอากาศช่องเดียว ที่ปลายอุโมง ออกไปไหนได้บ้างก็ไม่รู้ ว่าจะช่องทางไปเกิดใหม่หรือเปล่า แต่ดูเหมือนได้ประสบการณ์หลังการตายมาเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เหลือหลังจากนั้นไม่น่าจะเรียกว่าวิญญาณ อาจจะเรียกว่าจิต เล็กระดับอณู ไม่รู้สึกแล้วว่าเราเคยเป็นใคร
-ส่วนเรื่องผีนี่ ด้วยความไม่กลัวผี เพราะไม่เชื่อว่ามีจริง ผมเลยมักเข้าห้องน้ำในบ้านโดยไม่เปิดไฟ อาศัยแค่ไฟที่ผ่านเข้ามาทางกระจกระบายอากาศในห้องครัว นั่งปลดทุกข์มองไปที่ฝาครอบมันวาวของหัวฝักบัว ไม่ต่างอะไรกับกระจก ปรากฏว่าเห็นชายสูงอายุมานั่งอยู่ข้างๆในอาการเหม่อลอย ไม่มีท่าที่ว่าจะมาหลอกเรา ใส่เสื้อผ้าเหมือนคนยุคสมัยก่อน ไม่แสดงอาการรู้สึกใดๆ แต่ผมนี่ใจเต้นรัวเลย พยายามเพ่งให้แน่ชัดว่านี่มันตัวเราหรือเปล่าจนมั่นใจว่าไม่ใช่ เก็บอาการเอาไว้กลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวว่าเรามองเห็นเขา เพราะยังทำภารกิจไม่เสร็จ บอกได้เลยว่าเป็นการขี้ที่กดดันที่สุดในชีวิต เสร็จแล้วก็ค่อยๆเปิดประตูออกไป หลังจากนั้นก็ไม่เคยปิดไฟเข้าห้องน้ำอีกเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้อีกเหมือนกัน ผมพยายามคิดว่านี่เราน่าจะตาฝาด ซึ่งมันก็เป็นไปได้อยู่
-เคยขับรถผ่านเข้าไปทางป่าสวนยางพาราตอนกลางดึก แล้วเห็นวิญญาณเหมือนหมอกรูปร่างเหมือนคนลอยจากพื้นนิดหน่อยสลับเท้าข้ามถนน ห่างจากหน้ารถเกือบ100เมตร มีเพื่อนนั่งมาในรถอีก4คน ไม่กล้าบอกให้ใครรู้ กลัวจะกระเจิง หลังจากนั้นพยายามคิดว่ามันไอน้ำที่กระจกหน้าหรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่เพราะมันมีการสะท้อนเป็นรูปร่างจากไฟหน้าของรถยนต์
-UFO เคยเห็นตอนนอนมองฟ้าหน้าบ้านที่มีม้าหินอ่อน เวลาสัก1ทุ่มน่าจะได้ รูปทรงเหมือนท่อนซุงผุๆ ขนาดเท่าขบวณรถไฟ4โบกี้ ไม่มีแสง ไม่มีเสียงเห็นอยู่สัก10วินาที จากฟ้าฟากหนึ่งไปอีกฟาก สูงเท่าระยะนกบินได้ ตอนนั้นผมไม่คิดว่ามันคือUFO คนที่เชื่อไสยศาสตร์น่าจะมองเป็นคนเล่นของ ส่งของไปเข้าใครสักคน ผ่านมานานพอสมควรจะมั่นใจได้ว่าในโลกเราไม่มีอะไรแบบนี้
สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมเองยังคงพยายามคิดหาเหตุผล เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าความจริงเป็นเช่นไร เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เลยเขียนไว้เผื่อมีใครเคยเจอประสบการณ์ที่เหมือนกัน
แชร์ ประสบการณ์ สัมผัส วิญญาณ ผี นิพพาน ความตาย UFO
ไม่สนใจอยากรู้ใดๆว่าผี วิญญาณ ตายแล้วจะไปไหน หรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า หรือสนใจอยากจะย้ายไปอยู่ดาวดวงอื่น เพราะรู้สึกเพียงพอกับการได้เกิดมาในรูปแบบนี้ แต่ปรากฏว่าได้เจอกับสิ่งเหล่านี้ที่ไม่สนใจค้นหา กลับได้เจอจนครบโดยไม่เจตนา สิ่งที่จะเขียนให้อ่าน เจตนาแค่เป็นข้อมูลอ้างอิง แค่บอกเรื่องราวที่พบสัมผัสด้วยตนเอง อย่างตรงไปตรงมา ไม่เจตนาต้องการให้ใครเชื่อ เพราะผมเองก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อาจจะเป็นแค่ประสาทหลอน หรือความฝัน แต่ผมก็แยกออกได้ว่าฝันต่างจากไม่ฝันอย่างไร
- ประสบการณ์วิญญาณตัวเองออกจากร่าง ขณะนั่งรถไฟทางไกล1พันกม.กลับตจว. ชั้น2นอนเอน เกิดอาการผีอำ(เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ)ท้ายทอยน่าจะหนุนกับเบาะที่แข็งเกินไป ตามองเห็นคนเดินไปมา ป้ายโฆษณาทิฟฟี่ก็มองเห็น แต่ขยับตัวไม่ได้ใดๆเป็นนาที ผมพยายามสะบัดสุดแรง ปรากฏว่าหลุด แต่ยังมองเห็นตัวเองนอนอยู่ หน้าตาเสื้อผ้าที่ใส่คือเรา รู้เลยว่าน่าจะวิญญาณออกจากร่าง เลยพยายามกลับไปนอนทับตัวเอง จากการที่เคยดูหนังผีมา พยายามอย่างไรก็ไม่ได้ รถไฟก็โคลงเคลง รวมเวลาหลายวินาที หลังจากนั้นเหมือนหมดความรู้สึกไปชั่วนิรันดร์ ทุกอย่างดับสนิท เหมือนตายไปจากโลกนี้ หลังจากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกตัว ขยับตัวได้แต่อ่อนแรงมาก กว่า1ชม.ถึงจะฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพเดิม รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จำเหตุการณ์ได้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น
-เคยเข้าสู่สภาวะนิพพานชั่วคราว รู้เลยว่าการเขาสู่สมาธิแล้วพิจารณาให้เห็นถึงความว่าง จนเข้าสู่สภาวะนิพพานเป็นอย่างไร เพียงแต่ผมนั่งดื่มเบียร์แล้วคิดโน่นๆนี่ๆจนรู้สึกถึงความว่างเปล่า เมื่อถึงขวดที่ประมาณ6 จิตสงบนิ่งจนรู้สึกได้ถึงความไร้ตัวตน ทุกสิ่งไม่ใช่ของตนเองแม้แต่ตัวเรา รู้สึกเหมือนตัวเองแตกเป็นธาตุเล็กๆย่อยๆ ในระดับอะตอม รู้สึกเหมือนตัวเราเป็นแค่การรวมตัวของอะตอมเหล่านี้ ยกมือตัวเองมาดูก็มองเห็นเป็นแค่ธาตุละเอียด ผมอยู่ในสภาวะเช่นนี้นานจนเป็นที่พอใจ เข้าใจได้เลยว่านิพพานเป็นเช่นไร แต่เป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่เจอประสบการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจจะเกิดซ้ำได้
-เคยเจอประสบการณ์ตายแล้วไปรอเกิดใหม่ เริ่มต้นจากการดื่มหนักมากว่าที่เคยดื่มมาก่อนไปนิด ดื่มเพื่อฉลองความสำเร็จในสิ่งที่พยายามมายาวนาน น่าจะเกิดจากการนอนแล้วลืมหายใจชั่วขณะ จนเข้าสู่สถานะเหมือนตาย ตัวเองจะอยู่ในสภาพเล็กมากระดับอะตอมอยู่ในอุโมงที่ดูเหมือนกว้างใหญ่ แต่แท้จริงอาจจะขนาดเล็กกว่าปากกาเขียนหนังสือหลายเท่า ในนั้นสามารถเห็นอนุภาคเล็กๆด้วยกันมากมาย เล็กจนบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร คล้ายๆกับเชื้อโรคนับล้านตัว มีรูเล็กๆคล้ายช่องอากาศช่องเดียว ที่ปลายอุโมง ออกไปไหนได้บ้างก็ไม่รู้ ว่าจะช่องทางไปเกิดใหม่หรือเปล่า แต่ดูเหมือนได้ประสบการณ์หลังการตายมาเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เหลือหลังจากนั้นไม่น่าจะเรียกว่าวิญญาณ อาจจะเรียกว่าจิต เล็กระดับอณู ไม่รู้สึกแล้วว่าเราเคยเป็นใคร
-ส่วนเรื่องผีนี่ ด้วยความไม่กลัวผี เพราะไม่เชื่อว่ามีจริง ผมเลยมักเข้าห้องน้ำในบ้านโดยไม่เปิดไฟ อาศัยแค่ไฟที่ผ่านเข้ามาทางกระจกระบายอากาศในห้องครัว นั่งปลดทุกข์มองไปที่ฝาครอบมันวาวของหัวฝักบัว ไม่ต่างอะไรกับกระจก ปรากฏว่าเห็นชายสูงอายุมานั่งอยู่ข้างๆในอาการเหม่อลอย ไม่มีท่าที่ว่าจะมาหลอกเรา ใส่เสื้อผ้าเหมือนคนยุคสมัยก่อน ไม่แสดงอาการรู้สึกใดๆ แต่ผมนี่ใจเต้นรัวเลย พยายามเพ่งให้แน่ชัดว่านี่มันตัวเราหรือเปล่าจนมั่นใจว่าไม่ใช่ เก็บอาการเอาไว้กลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวว่าเรามองเห็นเขา เพราะยังทำภารกิจไม่เสร็จ บอกได้เลยว่าเป็นการขี้ที่กดดันที่สุดในชีวิต เสร็จแล้วก็ค่อยๆเปิดประตูออกไป หลังจากนั้นก็ไม่เคยปิดไฟเข้าห้องน้ำอีกเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้อีกเหมือนกัน ผมพยายามคิดว่านี่เราน่าจะตาฝาด ซึ่งมันก็เป็นไปได้อยู่
-เคยขับรถผ่านเข้าไปทางป่าสวนยางพาราตอนกลางดึก แล้วเห็นวิญญาณเหมือนหมอกรูปร่างเหมือนคนลอยจากพื้นนิดหน่อยสลับเท้าข้ามถนน ห่างจากหน้ารถเกือบ100เมตร มีเพื่อนนั่งมาในรถอีก4คน ไม่กล้าบอกให้ใครรู้ กลัวจะกระเจิง หลังจากนั้นพยายามคิดว่ามันไอน้ำที่กระจกหน้าหรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่เพราะมันมีการสะท้อนเป็นรูปร่างจากไฟหน้าของรถยนต์
-UFO เคยเห็นตอนนอนมองฟ้าหน้าบ้านที่มีม้าหินอ่อน เวลาสัก1ทุ่มน่าจะได้ รูปทรงเหมือนท่อนซุงผุๆ ขนาดเท่าขบวณรถไฟ4โบกี้ ไม่มีแสง ไม่มีเสียงเห็นอยู่สัก10วินาที จากฟ้าฟากหนึ่งไปอีกฟาก สูงเท่าระยะนกบินได้ ตอนนั้นผมไม่คิดว่ามันคือUFO คนที่เชื่อไสยศาสตร์น่าจะมองเป็นคนเล่นของ ส่งของไปเข้าใครสักคน ผ่านมานานพอสมควรจะมั่นใจได้ว่าในโลกเราไม่มีอะไรแบบนี้
สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมเองยังคงพยายามคิดหาเหตุผล เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าความจริงเป็นเช่นไร เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เลยเขียนไว้เผื่อมีใครเคยเจอประสบการณ์ที่เหมือนกัน